วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 01:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2012, 00:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 13:20
โพสต์: 821


 ข้อมูลส่วนตัว


ถาม - ในทางธรรมะ เมียน้อยถือว่าเป็นบุคคลเลวร้ายขนาดไหน? จะต้องได้รับผลกรรมอย่างไรคะ?

ดังตฤณ -
กรณี ‘กินน้ำใต้ศอก’ นี่ ทุกประเทศจะถกกันในประเด็นใครถูกใครผิด ใครน่าเห็นใจหรือน่ารังเกียจ ใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ซึ่งก็จะไม่ได้ข้อยุติตราบเท่าที่ฝ่ายชายยังยุติความพอใจในกามหลากรสไม่ได้ และฝ่ายหญิงยังห้ามใจจากเงินง่ายและชายเจนสังเวียนไม่ไหว เพราะผลประโยชน์จะสรรหาเหตุผลที่ฟังขึ้นและน่ายอมรับได้หลายข้อเสมอ

ในแง่มุมของกรรมวิบากแล้ว เหตุผลน่าเห็นใจไม่มี มีแต่จิตสำนึกและเจตนาในการเป็นเมียน้อย ฉะนั้นคำว่าเมียน้อยไม่ได้แปลว่า ‘เลวร้าย’ หรือ ‘ผิดทันที’ แต่ต้องดูว่าเงื่อนไขของเมียน้อยคืออะไร

๑) ได้รับการยินยอมพร้อมใจจากเมียหลวงหรือรู้ทั้งรู้ว่าเมียหลวงจะต้องเจ็บปวดสาหัส หากเมียหลวงโอเคอย่างเต็มใจก็ไม่มีใครผิดศีล ไม่มีใครก่อบาป เพราะเป็นการกระทำอย่างเปิดเผยโดยไม่มีใครเป็นทุกข์จากการรับรู้ความจริง เหตุผลโดยมากที่เมียหลวงยอมคือเบื่อเซ็กซ์ บางคนนี่ขนาดเป็นแม่สื่อหาเมียน้อยให้สามีทีเดียว แต่หากยังไม่มีการตกลงจากเมียหลวงว่าโอเค แล้วแอบปล่อยตัวปล่อยใจเป็นเมียน้อยลับๆ โดยรู้ๆ อยู่ว่าเมื่อเมียหลวงรู้เข้าจะต้องปวดร้าว อย่างนั้นก็เข้าข่ายเป็นชู้ ผิดศีลธรรม เป็นการก่อบาปเต็มประตู

๒) หลวมตัวตกเป็นน้อยด้วยความไม่รู้หรือว่ารู้อยู่ล่วงหน้า ปัจจุบันสังคมโลกทำงานปะปนกัน ไม่ใช่ให้ผู้หญิงอยู่ก้นครัวที่บ้านเหมือนสมัยโบราณ แล้วชายหญิงก็ปิดบังกันเรื่องคู่ครองง่ายเสียด้วย ก็ถ้าไม่บอกเสียอย่างใครจะไปรู้ หากฝ่ายหญิงถูกหลอกต้มอย่างสนิทก็ถือว่าไม่บาป เพราะในกรณีนี้บาปจะเกิดต่อเมื่อรู้ทั้งรู้แล้วขืนทำ พวกที่รู้ว่าเขามีเมียแล้วยังฝืนเอาตัวเข้าไปบวกนี่ ส่วนใหญ่เพราะฝ่ายชายมีดีเกินห้ามใจ แล้วส่วนใหญ่ที่ยังสวย ยังอ่อนเยาว์ ก็มักสำคัญตนผิด คิดว่าในที่สุดต้องชนะ เดี๋ยวฝ่ายชายต้องใจอ่อน ยอมหย่าขาดจากเมียหลวง ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ก็เจอข้อหาแย่งสมบัติน่าหวงแหนจากมือผู้อื่นมาครอง ผลย่อมหนักหนา อาจจะยิ่งเสียกว่าโจรชิงทรัพย์อันเป็นที่รักจากเจ้าของยามเผลอ หลายคนมักมองว่าผู้ชายเป็นฝ่ายเลว เห็นแก่ตัว แต่ก็มีบางกรณีครับที่ทนเทคนิคการยั่วจากฝ่ายหญิงไม่ไหว ธรรมชาติให้อาวุธลับล่อใจมาหลายชิ้น เปิดของลับวับๆแวมๆหน่อยชายส่วนใหญ่ก็ตะลึงงงลืมศีลธรรมกันแล้ว ซึ่งพออะไรๆเลยเถิดแล้วเรื่องแดงขึ้นมา ฝ่ายหญิงบีบน้ำตาหน่อยสังคมจะรุมประณามฝ่ายชายทันที อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติจะไม่ถูกหลอกให้สงสารใครเพียงเพราะเห็นน้ำตา ในที่ที่กรรมเผล็ดผลนั้น สิ่งเดียวที่มีให้คือการลงโทษอย่างหนักหน่วง ดุดัน ปราศจากความปรานีปราศรัย และไม่ต้องสอบสวนหาความจริงจากปากใครแต่อย่างใดทั้งสิ้น

๓) ทำเพื่อเงินหรือทำเพื่อความรัก ถ้าแพ้เงินก็บาปมาก แต่ถ้าแพ้รักก็บาปน้อยลง แต่ไม่ใช่ไม่บาปเลย อย่างไรการเป็นชู้ก็เป็นอกุศล เป็นสิ่งบาดจิตให้ทุกฝ่ายเกิดแผลวันยังค่ำ ข้ออ้างที่ฟังขึ้นและดูเหมือนน่าเห็นใจที่สุดคือ ‘เรารักกันมาก’ แต่ที่ซุกไว้ใต้พรมคือ ‘ถึงรู้ว่าคนเป็นหลวงจะต้องเจ็บเจียนขาดใจก็ช่าง’ สมัยที่ผู้หญิงทำงานหาเงินเองได้อย่างยุคเรานี้ มีด้วยซ้ำครับที่เมียน้อยรวยกว่า และเอื้อเฟื้อ ให้การจุนเจือ ‘ครอบครัวหลัก’ ของฝ่ายชาย แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าได้รับข้อยกเว้นจากสังคม อย่างไรใครรู้เข้าก็ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยอยู่ดี ตราบเท่าที่ฝ่ายชายยังมีพันธะทางกฎหมายหรือทางกายอยู่กับเมียหลวง

๔) ทำเพื่อตัณหาส่วนตัวหรือทำเพื่อพ่อแม่พี่น้องที่เดือดร้อน หากยอมเป็นเมียน้อยด้วยความ ‘กลั้นไม่อยู่’ ของตัวเอง แปลว่ายอมทำผิดเพราะแพ้ความรู้สึกฝ่ายต่ำ แต่หากจำใจเป็นเมียน้อยด้วยความจำเป็นทางครอบครัวบีบคั้น อาจหมายถึงการยอมเป็นนางบาปเพื่อช่วยให้พ่อแม่รอดพ้นจากความอดตาย บางคนไม่ยอมนิยามว่าตัวเองเป็นเมียน้อยด้วยซ้ำ คือกำหนดใจไว้แต่แรกว่าขอตากหน้าเอากายแลกเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้มีพระคุณสักครู่หนึ่ง เมื่อได้เงินทองเท่าที่จำเป็นก็จะทำตัวสาบสูญไปจากฝ่ายชายชั่วนิรันดร์ หากคิดอย่างนั้นและทำอย่างนั้นได้จริงๆ โทษก็จะเบาลงตามส่วน

๕) ทำแล้วสำนึกหรือไม่สำนึกผิด หากสำนึกผิดจิตจะไม่จับบาปไว้เต็มกำ แต่ยิ่งด้านชาไร้สำนึกเท่าไหร่ จิตก็จะเข้าฝ่ายอกุศล มืดมน จนไม่ค่อยเห็นทางสว่างทางดี และเหมือนถูกบีบให้คิดก่อการร้ายเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ อันที่จริงผู้หญิงเป็นเพศที่รู้สึกสกปรกกับเรื่องทางเพศง่ายกว่าผู้ชาย เพียงแค่ธรรมชาติส่งเลือดมาเป็นประจำทุกเดือน ก็ทำให้รู้สึกย่ำแย่กับสภาพฟ้องมลทินของตนเองพอแรงแล้ว ยิ่งถ้าเพิ่มมลทินทางใจเข้าไปอีก ตามธรรมดาก็ย่อมเหมือนถูกบีบสองด้านจากซ้ายขวา หรือถูกอุดทั้งปากอุดทั้งจมูก เกลียดตัวเองจนจะกลายเป็นโรคจิตเอาง่ายๆ แต่ก็มีผู้หญิงอีกพวกหนึ่งที่ใช้ชีวิตแบบค่อยๆหลุดเป็นอิสระจากมโนธรรมมาทีละน้อย กระทั่งอิสระเต็มที่ มโนธรรมถูกปลดปล่อยเหมือนว่าวที่ขาดลอยกู่ไม่กลับ ความรู้สึกข้างในคล้ายมีชีวิตเพื่ออาศัยเรือนกายหลอกพวกหน้าโง่มาติดกับท่าเดียว ประเภทนี้คติข้างหน้ามักเกิดเป็นอะไรที่ต่ำกว่ามนุษย์ เพราะมาตรฐานมโนธรรมไม่ถึงมนุษย์

๖) เมื่อรู้ตัวว่าตกเป็นเมียน้อยแล้วตั้งใจจะหยุดหรือคิดเป็นน้อยต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะโดนเขาหลอกหรือหลอกตัวเอง ผมเชื่อว่าถ้าสำรวจดีๆมีเมียน้อยกว่าครึ่งที่อยากเลิกให้ได้วันนี้พรุ่งนี้ แต่เลิกไม่ได้ก็เพราะทำใจไม่ได้เท่านั้น แต่แม้ประสบกับความล้มเหลวในการตัดเยื่อตัดใย อย่างน้อยตั้งใจจริงก็ถือว่าดีแล้วครับ จัดเป็นกรรมขาวบนฐานของกรรมดำแล้ว มีผลลดหย่อนผ่อนโทษได้แล้ว ส่วนพวกที่ขอเป็นเมียน้อยไปจนตายนั้น ภพของเมียน้อยจะตั้งมั่น วิบากร้ายมีเท่าใดก็จะให้ผลหนักแน่นยืดยาว การเป็นอะไรอย่างหนึ่งไปทั้งชาตินั้นมีผลใหญ่หลวงเกินกว่าที่คิดมาก

เหตุผลต่างๆ ของการตัดสินใจเป็นเมียน้อยข้างต้น จะเป็นตัวกำหนดความหนักเบาของวิบากในปัจจุบันคือ

๑) ความทรมานใจ เหมือนการกินบอระเพ็ดที่ต้องขมและไม่มีสักกี่คนชอบใจ แต่เพื่อแลกรางวัลบางอย่างก็ต้องจำทน แต่ยิ่งทนนานก็ยิ่งทรมานใจมาก ฉะนั้นจะทรมานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขว่าจะหลุดพ้นจากการเป็นเมียน้อยได้ช้าเร็วเพียงใด

๒) ความรู้สึกเป็นรอง ถึงแม้ฝ่ายชายจะไหว้ปะหลกๆ ก่อนออกจากบ้าน หรือต่อให้เมียหลวงยิ้มย่องผ่องใสก้มลงกราบตักเมื่อเจอเงินปึกใหญ่ฟาดเข้าที่บริเวณศีรษะ ความรู้สึกเป็นรองก็จะไม่หมดไปจากใจเมียน้อย ตราบเท่าที่ฝ่ายชายยังประกาศกับใครต่อใครว่าเมียหลวงเป็นภรรยาตามกฎหมาย ยิ่งถ้าโดนเมียหลวงไล่บี้เอาด้วยตบะของผู้มาก่อน ความรู้สึกเป็นรองยิ่งแจ่มชัดหายห่วง หรือแม้สมัยนี้มีเมียน้อยสายพันธุ์ใหม่ เป็นฝ่ายบุกระรานรังควานเมียหลวงเสียเอง อย่างไรความรู้สึกในส่วนลึกก็ฟ้องอยู่ว่าตัวเองมาทีหลัง ตัวเองไม่มีทะเบียนตามกฎหมาย ตัวเองไม่มีหน้ามีตาให้สังคมยอมรับว่าเป็นหมายเลขหนึ่ง นั่นแหละปัญหาทางใจของเมียน้อย ผมเคยได้ยินกว่าผู้ชายบางคนเสน่ห์แรงจัด ผู้หญิงเห็นเป็นเรื่องธรรมดาที่เขามีสาวมาติดเยอะ แต่ละคนไม่หวังครอบครองเขาไว้คนเดียว แค่หมายจะได้เป็นเบอร์หนึ่งเท่านั้นพอ ความคิดทำนองนี้นับว่าตลก เพราะชายเจ้าชู้ไม่มีทางวางใครเป็นเบอร์หนึ่งถาวร เขาจะมีแต่เบอร์หนึ่งชั่วคราว ส่วนจะสั้นหรือยาวก็ว่ากันตามเหตุปัจจัย ถ้าเขามีเมียน้อยได้คนหนึ่ง ทำไมเขาจะมีเมียน้อยคนต่อไปไม่ได้ แล้วเบอร์หนึ่งมันจะอยู่ที่ไหน ในที่สุดเขาก็ใจดำกับทุกคนอย่างเสมอภาคนั่นเอง

๓) ความน้อยใจง่าย คนเราถ้าขาดสิ่งใด พอขอสิ่งนั้นแล้วไม่ได้หรือรอแล้วไม่มา ธรรมดาก็ต้องน้อยใจ สิ่งที่เมียน้อยขอนั้นมีทั้งเงิน ทั้งเวลา เพียงไม่ได้อย่างใดอย่างหนึ่งก็แย่แล้ว ยิ่งถ้าได้เพียงกะปริบกะปรอยทั้งสองอย่างก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ตามกฎแห่งกรรมวิบากนั้น การเป็นคนขี้ขอจะทำให้ต้องขอต่อไป เมื่อขอบ่อยแล้วไม่ค่อยได้อย่างที่ขอ ก็มักก่อให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นธรรมดา ตราบใดที่ยังสร้างกรรมอันเป็นไปเพื่อความอ่อนแอ เพื่อความเป็นผู้ขอ ตราบนั้นจะไม่พ้นจากความเป็นหญิงที่มีภาวะพึ่งพาสูงไปได้เลย และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้อยใจง่าย คิดมาก และอารมณ์แปรปรวนแบบเด็กไม่ได้อย่างใจไปจนตาย

๔) ความไม่มีศักดิ์ศรี ผมเคยทราบมาว่ามีผู้หญิงรูปร่างหน้าตาดีระดับนางงามนางแบบคนหนึ่ง เป็นเมียน้อยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีเงินหลายสิบล้าน มีบ้านอยู่ฮาวาย มองภายนอกทุกอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติไปหมด แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่มีคือความรู้สึกเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของตนเอง คือพอไปถึงจุดที่ ‘เหมือนมีหมดทุกอย่าง’ คนเราจะเห็นจริงๆนะครับว่า ‘ที่ยังไม่มี’ คืออะไร การมีครบแบบไร้ศักดิ์ศรีนั้น นานไปจะรู้ว่าไม่มีอะไรเลยอย่างมีศักดิ์ศรียังดีเสียกว่า คำว่าศักดิ์ศรีกินไม่ได้นั้น ขอให้ช่วยๆกันลืมเสียเถอะ เปลี่ยนใหม่เป็นว่า ศักดิ์ศรีนั้นกินไม่ได้ แต่ทำให้กินข้าวได้อร่อยกว่าคนไร้ศักดิ์ศรี แทน

นอกจากนั้น เหตุผลในการเป็นเมียน้อยต่างๆ ยังเป็นตัวกำหนดวิบากในอนาคตกาล ซึ่งจะหนักเบา กินเวลาสั้นหรือยาว ก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิด วิธีทำ หากเป็นเมียน้อยไม่พอ ยังสะใจกับการทิ่มแทงให้เมียหลวงหรือผู้เป็นขวากหนามให้เจ็บปวด ก็อาจต้องไปเสวยทุกข์ในนรก แต่หากทำบุญทางอื่นจนมีวาสนาพอจะได้เกิดมาในโลกมนุษย์นี้อีก ผลของกรรมเก่าจะบีบให้เป็นฝ่ายตกที่นั่งทุกข์บ้าง รวมทั้งเปิดโอกาสให้เลือกทำดีขึ้นหรือเลวลง เหมือนเป็นคำถามลองใจจากธรรมชาติ ว่าถ้าคนๆหนึ่งทุกข์เท่าที่เคยทำคนอื่นไว้ จะเลือกแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ระหว่างหาทางป่ายปีนขึ้นพ้นเหว หรือเหยียบตัวเองให้จมธรณีลงไปอีก การให้อภัยของเมียหลวงจัดเป็นการถอนตัวเองขึ้นจากหล่มวิบากอย่างหนึ่ง

สถานการณ์ทุกข์ของเมียน้อยในอนาคตชาติเป็นไปต่างๆ ได้ดังนี้

๑) แนวโน้มที่จะเกิดเป็นสตรี ทั้งนี้เพราะตามสามัญสำนึกของเกือบทุกคน สตรีเพศคือภาวะอ่อนแอ ต้องการการพึ่งพาสูง หรือแม้เป็นผู้มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองได้ ก็ต้องเป็นเบี้ยล่างในทางใดทางหนึ่ง (ยากประมาณหนึ่งในแสนหรือหนึ่งในล้านครับ ที่ผู้หญิงจะได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำประเทศ ในขณะที่มองกันเป็นเรื่องธรรมดาถ้าผู้นำประเทศและผู้นำองค์กรจะเป็นชาย) เมียน้อยที่คิดหวังแค่สบาย ได้เอาเงินค่าเลี้ยงดูมากิน นอน เที่ยว ช็อปปิ้ง ไม่คิดเก็บเงินทำทุนตั้งตัว อันนี้เที่ยงที่สุดที่จะเกิดเป็นหญิงอีก

๒) แนวโน้มที่จะถูกพิจารณาเป็นรองหรือตัวสำรองในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้เพราะการยอมตัวเป็นเมียน้อยนั้น ไม่ใช่จำเพาะแค่เรื่องทางเพศว่าต้องมาทีหลัง แต่ยังรวมตลอดครอบคลุมไปถึงศักดิ์ศรี ครอบคลุมถึงหน้าตา และครอบคลุมไปถึงความรู้สึกทางใจอีกด้วย ผลของความรู้สึกเป็นรองในชาติปัจจุบันเป็นอย่างไร อนาคตชาติก็จะมีเหตุการณ์มากดความรู้สึกให้ต้องเป็นรองซ้ำอีก เช่นแม้ตั้งใจทำงานและผลงานออกมาดี แต่กลับไม่ค่อยเข้าตากรรมการ ไม่ถูกเชิดชูให้เป็นผู้นำ มักถูกยัดเยียดให้เป็นลูกน้องร่ำไป นอกจากนี้ยังมีทางเลือกน้อย โอกาสเกิดในฐานะนางบำเรอสูง แม้บุญมากหน่อยก็ได้แค่นางสนมของพระราชาเท่านั้น ที่จะถึงระดับมเหสีคงยาก

๓) แนวโน้มที่จะต้องเศร้าหมองเพราะถูกแย่งของรักของหวง อันนี้เป็นเรื่องเข้าใจได้ง่าย ถ้าหากสมัครใจเป็นเมียน้อยโดยไม่สนใจหัวอกเมียหลวงยิ่งร้าย ความสะใจที่แย่งสำเร็จหรืออย่างน้อยได้พยายามแย่ง จะบันดาลเหตุการณ์สนองคืนแบบตรงไปตรงมา คือไม่ใช่แค่เรื่องเสียชายอันเป็นที่รักให้คนอื่น แต่รักอะไรก็มักเสียสิ่งนั้นไปเพราะถูกแย่งเป็นประจำ

ถาม - หากรู้สึกอ่อนแอเกินกว่าจะหยุดเป็นน้อย พอมีวิธีอะไรให้ใจเข้มแข็งขึ้นได้บ้างไหมคะ?

ผู้หญิงมีสองเหตุผลหลักๆ ที่ยอมเป็นเมียน้อยต่อ คือ

๑) เสียดายเงินที่ได้มาง่าย
๒) ตัดใจจากผู้ชายไม่ได้


ก่อนอื่นคุณต้องมองว่าทั้งสองข้อนั้นเป็นเรื่องของอกุศลจิต และกรรมที่ทำไปขณะมีอกุศลจิตก็ย่อมมีวิบากเป็นทุกข์ ตรงข้ามกับบุญที่มีวิบากเป็นสุขเสมอ

น้ำเน่าต้องไล่ด้วยน้ำดี ไม่มีน้ำเน่าที่ไหนล้างน้ำเน่าด้วยกันได้ ฉันใดก็ฉันนั้น จิตที่ดำมืดย่อมไล่ได้ด้วยจิตที่สว่างไสว จิตที่สกปรกย่อมไล่ด้วยจิตที่สะอาด

ถ้าคุณเสียดายเงิน ทำไมไม่ลองเป็นผู้ให้เงินดูบ้าง เริ่มให้จากส่วนเกิน อย่าให้จากส่วนที่จำเป็นต้องใช้ แต่ละครั้งที่ให้ ก็จงอธิษฐานไป ว่าด้วยความจริงที่เราเป็นฝ่ายเสียสละส่วนเกินเช่นนี้ ขอให้ใจเรามีความสามารถสละสิ่งที่เป็นโทษทั้งหลายในชีวิตทิ้งด้วยเถิด ถ้าเป้าหมายของคุณคืออยากสร้างบุญสร้างกุศลที่ยิ่งใหญ่ โดยการทำมหาทาน สละสิ่งที่ไม่ใช่ของตนคืนเจ้าของ คุณจะหมดความอาลัยไยดีเรื่องผิดศีลธรรมอย่างรวดเร็วยิ่ง

หากอ้างว่าไม่มีเงินทำบุญ ลองหารเงิน ๑๐๐ บาทออกเป็น ๒๐ ส่วน คือเอาเงิน ๕ บาทไปใช้ทำบุญ ๒๐ ครั้งในเวลา ๒๐ วันติดๆ กัน แล้วอธิษฐานซ้ำๆอย่างที่ผมว่าข้างต้นทุกหน คุณจะรู้สึกเหมือนสั่งสมกำลังใจใส่กระปุก วันที่ ๒๐ กำลังใจอาจยังไม่เต็มกระปุก แต่คุณก็รู้สึกว่ากระปุกชักหนัก ชักมีความสามารถเอาไปตีหัวกิเลสให้แตกได้ ถ้าสะสมต่ออีกนิดมีสิทธิ์ฟาดกิเลสให้ตายสนิทเป็นแน่แท้ ขอให้จำไว้ว่าการทำบุญไม่ใช่การเอาเงินมากๆไปแจกคนอื่น แต่เป็นการเอาส่วนเกินน้อยๆ ไปละลายความตระหนี่ในตนเอง

ส่วนในกรณีที่เงินไม่เกี่ยว แต่คุณตัดใจจากผู้ชายไม่ได้ ก็ขอให้มองว่าปัญหาเมียน้อยมักลงเอยแบบไม่เป็นสุข ไม่มีนิทานเรื่องไหนบอกว่าเจ้าชายควบเจ้าหญิงสองคนขึ้นพิธีแต่งงานแล้วอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองไปจนตาย พูดง่ายๆ ว่าน่าจะเกือบร้อยทั้งร้อยที่เรื่องดำเนินไปอย่างเศร้าสร้อย จบเรื่องก็หงอยเหงา ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องมีใครบางคนหรือทั้งหมดได้ไปต่อทุกข์ในขุมนรก เนื่องจากกรรมจากการผิดประเวณีนั้น ย่อมทำให้จิตเศร้าหมอง ทั้งวันหมกมุ่นอยู่กับเรื่องราคะผิดๆ โทสะผิดๆ หลงสำคัญอะไรต่ออะไรผิดๆ พระพุทธเจ้าตรัสว่าจิตที่เศร้าหมองด้วยราคะ โทสะ โมหะย่อมมีอบายเป็นคติที่หวังได้

อบายย่อมไม่ใช่ปลายทางอันน่าแปลกใจสำหรับคนผิดศีลข้อกาเม ถ้าคุณตัดใจไม่อยากไปอบายได้ ก็ควรจะตัดใจไม่อยากเกี่ยวก้อยไปกับชู้ได้เช่นกัน หากไม่กลัวนรกข้างหน้า ก็ขอให้กลัวนรกทางใจวันนี้ การยอมให้ความกลัวเกิดขึ้นเสียบ้างขณะที่มโนธรรมขี้เกียจทำงาน ก็นับเป็นนโยบายอันประเสริฐครับ


ที่มา เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว
http://www.dungtrin.com/prepare


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2012, 08:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2011, 07:44
โพสต์: 142

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณwincha คะ

ไหนๆก็เห็นกระทู้เรื่องนี้แล้ว เลยอยากจะถามต่อว่า แล้วถ้าผู้หญิงพวกนี้ เค้าพูดว่า "...ไม่ได้คิดจะไประรานภรรยาเหล่านั้น ไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่านี้ พอใจที่จะได้รักและ(นอน)กับสามีของเราแบบนี้ตลอดไป " อันนี้อยากทราบว่า พวกเธอเป็นบุคคลเลวร้ายขั้นไหนหรือคะ คือ ประมาณรู้ว่าทำผิด แต่ไม่ยอมเลิกสักทีน่ะค่ะ เพราะผู้หญิงสมัยนี้เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2012, 16:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2012, 13:21
โพสต์: 73


 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันก็อยากทราบเหมือนกันคะ รบกวนช่วยตอบด้วยซิคะ
ดิฉันเองก็เป็นอย่างที่คุณมะกอกมะนาว เขียนมาคือผู้หญิง
ไม่ระราน แต่เคยอยากได้เป็นที่ 1 อยากแทนเราพวกนี้จะได้รับ
ผลกรรมอะไรบ้างคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2012, 11:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ธ.ค. 2010, 17:35
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้หญิงผิดศีลไม่มีใครยอมกินน้ำใต้ศอกได้นานหรอกค่ะ
ไม่นานก็จะสำลักโคลนอยากโผล่ขึ้นมาแสดงตัว
แย่งอากาศหายใจจากคนข้างบนทั้งนั้นแหละค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 07:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2011, 07:44
โพสต์: 142

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ เขียน:
ผู้หญิงผิดศีลไม่มีใครยอมกินน้ำใต้ศอกได้นานหรอกค่ะ
ไม่นานก็จะสำลักโคลนอยากโผล่ขึ้นมาแสดงตัว
แย่งอากาศหายใจจากคนข้างบนทั้งนั้นแหละค่ะ


ใช่ค่ะพี่วันนี้ แต่มันแย่ตรงที่สิ่งที่เขาเรียกร้องขอพื้นที่หายใจนั้น มันดันเป็นของมีลิขสิทธิ์ อยากจะละเมิด ก็ต้องโดนเจ้าของฟ้องร้องเอาผิดและเรียกค่าเสียหายเอา ผู้หญิงพวกนี้ช่างไม่รู้จักอับอายขายหน้าคนในสังคมซะบ้างเลย ลำพังความผิดในใจก็น่าจะให้รู้จักเกรงต่อบาปแล้วนะเนี่ย

เคยคิดเล่นๆว่า มนุษย์เรานี้เก่งนักหนา ดวงจันทร์ก็ไปเหยียบมาแล้ว วิทยาศาสตร์ก็ก้าวหน้าถึงขั้นร่างกายมนุษย์มีตับไตไส้พุงกี่ขดๆก็เปิดเผยออกมาให้เห็นได้ แต่ทำไม ถึงไม่มีเทปหรือสื่อการสอนที่จะเปิดเผยถึงกฎแห่งกรรมที่จะตามสนองบ้างนะ คล้ายๆเรานั่งดูวีดีโอ ศึกษาและสอนให้เห็นถึงบาปบุญคุณโทษแห่งการผิดศีล 5 (ไม่ต้องถึงศีล 8 หรอกนะ แค่ศีล5 ทำให้ได้ก่อน) ว่าถ้าคุณทำผิดศีลข้อ1..2..นะ คุณจะเจอแบบนี้แบบนั้น ซึ่งถ้ามีแบบนี้จริง รับรองจำนวนคนที่จะทำผิดทำชั่วคงน้อยลงไปกว่านี้เยอะนะคะ แต่นี่เป็นเพราะไม่มีตัวอย่างให้เห็นจะจะ มนุษย์จึงไม่เกรงกลัวหรือละอายที่จะกระทำบาป เลยได้แต่ปลงอนิจจังว่า เอาเหอะ ...สักวันหนึ่ง พวกคุณจะได้รับมันเอง

และไม่มีมนุษย์หน้าไหนกล้าออกมายอมรับต่อสาธารณชนว่า ทำผิดแล้วได้รับกรรมอย่างไร ซะด้วยสิ !!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2012, 19:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2012, 15:53
โพสต์: 410


 ข้อมูลส่วนตัว


เมียน้อยสมัยนี้หน้าด้านจะตาย เราเคยไปเจอมาแล้ว นั่งทำหน้าตาเฉย รอเราเคลียร์กลับสามี ถ้ามีสำนึกนะมันเปิดแนบไปแล้ว นี่อะไรนั่งรอเขาเคลียร์กัน ไอ่เราก็ด่าใครไม่เป็น ยอมที่จะเป็นคนจากมา ส่วนสามีเหรอไปปลอบใจมันโน้น คิดแล้วก็เจ็บใจ ตั้งแต่นั้นมาเหมือนว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สามีเราไปครอบครอง ขนาดรูปลูกโชว์หราอยู่บนเฟสบุ๊ค มันยังกดไลท์ให้อีก -*- ดูเอาเหอะคะว่าผู้หญิงที่แย่งสามีคนอื่นมันเป็นแบบนี้จริงๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2012, 06:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ค. 2012, 07:09
โพสต์: 142


 ข้อมูลส่วนตัว


กรรมตามทันแน่นอนค่ะ พวกเมียน้อยเนี่ย เห็นกันชาตินี้แน่ ๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2012, 10:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ม.ค. 2012, 10:41
โพสต์: 52


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ พี่ๆ (พี่มะกอกมะนาว,พี่ใจเดียว,พี่วันนี้ และท่านอื่นๆ)
นกเองค่ะ คิดถึงพี่ๆจังเลย อย่าลืมแวะเข้ามาเป็นกำลังใจให้นกบ้างนะคะ แวะมาเจอกระทู้นี้ นกรู้สึกว่าเหมือนยังแอบมีเหน็บเค้าน่ะค่ะ แต่สำหรับนกวันนี้ นกได้รู้แล้วหละค่ะ ว่าพวกเมียน้อยเนี่ย เค้าน่าสงสารมาก (จากใจจริงค่ะ) เค้าจะน้อยใจ อิจฉาเรา แต่เราต้องนิ่งๆ เอาชนะทุกอย่างด้วยความนิ่ง สงบ ด้วยจิตที่เมตตา อย่าโกรธเกลียดกันเลยนะคะ สงสารเขาเถอะ วันนึงเราที่เป็นเมียหลวงหายดีแล้ว แต่เราเพิ่งรู้ว่าเค้ายังเจ็บปวดอยู่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 08:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2011, 07:44
โพสต์: 142

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rita.A เขียน:
สวัสดีค่ะ พี่ๆ (พี่มะกอกมะนาว,พี่ใจเดียว,พี่วันนี้ และท่านอื่นๆ)
นกเองค่ะ คิดถึงพี่ๆจังเลย อย่าลืมแวะเข้ามาเป็นกำลังใจให้นกบ้างนะคะ แวะมาเจอกระทู้นี้ นกรู้สึกว่าเหมือนยังแอบมีเหน็บเค้าน่ะค่ะ แต่สำหรับนกวันนี้ นกได้รู้แล้วหละค่ะ ว่าพวกเมียน้อยเนี่ย เค้าน่าสงสารมาก (จากใจจริงค่ะ) เค้าจะน้อยใจ อิจฉาเรา แต่เราต้องนิ่งๆ เอาชนะทุกอย่างด้วยความนิ่ง สงบ ด้วยจิตที่เมตตา อย่าโกรธเกลียดกันเลยนะคะ สงสารเขาเถอะ วันนึงเราที่เป็นเมียหลวงหายดีแล้ว แต่เราเพิ่งรู้ว่าเค้ายังเจ็บปวดอยู่



สวัสดีเช่นกันค่ะคุณ Rita A
ขอบคุณสำหรับความคิดถึงนะคะ เชื่อว่าพี่ๆหลายคนก็ยังอยู่แถวๆนี้แหละค่ะ นานๆก็จะออกมาแสดงความคิดเห็นกันทีนึง

คุณนกล่ะคะเป็นอย่างไรบ้าง อารมณ์ดี จิตใจผ่องใสขึ้นบ้างหรือยัง เล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2013, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ที่ต้องตกอยู่ในฐานะเป็นเมียน้อยเขาอยู่ร่ำไป ก็เกิดจากการสร้างเหตุปัจจัยมาทั้งนั้นหรือที่เราเรียกว่า “กรรม”
กรรม คือการกระทำที่สร้างเหตุไว้ในอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติ...เธอเหล่านั้นจึงต้องมาเสวยผลหรือวิบากที่ต้องตกเป็นเมียน้อยเขา....อยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ เพราะกลัวข้อครหาของสังคม บางคนก็ได้รับการเลี้ยงดูดี...มีทรัพย์สินเงินทองไม่ขาดมือมีความสบายทางกาย..แต่หาความสบายใจหรือสุขทางใจไม่ได้เพราะต้องปิดบังซ่อนเร้นฐานะของเธอไม่ให้สังคมและญาติพี่น้องได้รับรู้...บางคนก็ทุกข์ทั้งกายทุกข์ทั้งใจ...บางคนเต็มใจและบางคนก็ไม่เต็มใจ...แต่ก็อดทนด้วยเหตุผลหลักๆ คือ ทำใจเลิกกับผู้ชายไม่ได้ หรือไม่ก็เสียดายเงินกลัวความลำบาก...และประเด็นสุดท้ายอดทนเพื่อลูกของเธอ(กรณีมีลูกด้วยกัน)......
ดูๆแล้วเธอผู้เป็นเมียน้อยทั้งหลายก็ไม่ได้มีความสุขไปกว่าเมียหลวงสักเท่าไหร่เลย....น่าจะเป็นทุกข์มากกว่าเสียด้วยซ้ำ
เนื่องจากต้องพยายามปกปิดสถานะภาพความเป็นเมียน้อยของตนเอาไว้เพื่อไม่ให้สังคมประณามทั้งเธอและเขา(ผู้ชาย)ไหนจะต้องรักษาสถานะภาพของตำแหน่งหน้าที่การงานอีก โดยเฉพาะหน่วยงานราชการอาจถึงขั้นไล่ออกบริษัทเอกชนหลายแห่งถือว่าผิดกฏบริษัทถ้าสอบสวนแล้วเป็นความจริงมีโทษถึงไล่ออก....นอกจากจะต้องพยายามรักษาสถานะภาพทางสังคมและตำแหน่งหน้าที่การงานแล้ว...เธอยังต้องรักษาสถานะภาพของความเป็นน้อยเอาไว้หรือพยายามขึ้นมาเทียบเท่าเมียหลวง...
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการที่จะได้อะไรมาสักอย่างเพื่อครอบครองเอาไว้...เมื่อครอบครองไว้ได้แล้วยังคงต้องรักษาสภาพนั้นๆเอาไว้อีก..คุณๆลองคิดดูว่ามันจะมีความสุขตอนไหน....มันมีแต่ความดิ้นรนทะยานอยาก...อยากได้...อยากเอา(ภวตัณหา) หรือไม่อยากได้...ไม่อยากเอา(วิภวตัณหา)....อยู่ตลอดเวลา...บางคนถึงกับยอมเป็นทาสรองบาทของผู้ชายเลวๆคนนึงเพียงเพื่อ..ต้องการรักษาสถานะภาพของตนไว้เท่านั้น....ช่างน่าสงสารจริง...
ที่พูดแบบนี้เพราะเห็นมาหลายรายและจากคนใกล้ชิด...คือพี่สะใภ้ของเราเอง...จะบอกว่าเธอเป็นเมียน้อยก็ไม่เชิงไม่รู้จะพูดยังไงคือเธอแย่งสามีคนอื่น (พี่ชายเรา)...จนพี่ชายเลิกกับเมียหลวงและก็มาอยู่กินกับเธอและมีลูกด้วยกันอยู่กันจนมาถึงปัจจุบันนี้...แต่เธอก็หามีความสุขไม่ ดังที่กล่าว ไว้ข้างต้น พี่ชายไม่ได้จดทะเบียนสมรสด้วย และพี่ชายมีตำแหน่งหน้าที่การงานดีซึ่งถ้าจดทะเบียนเธอจะได้เป็นถึงคุณหญิง(พี่ชายไม่คิดจะจดทะเบียนด้วย) ...ซึ่งเวลาพี่ชายพาออกงาน(บ้าง)เธอก็คงจะรู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะตัวเองก็ไม่ค่อยมีความรู้ความสามารถอะไร..เวลาพี่ชายไปดูงานต่างประเทศก็จะไม่เอาเธอไปด้วย....งานการเธอก็ไม่ได้ทำเป็นหลักแหล่ง(ให้พี่ชายเอาชื่อไปฝากเข้าบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งแต่จริงๆแล้วไม่ได้ไปทำงานสิ้นเดือนก็รอรับเงินเดือน) วันๆ เธอก็นินทาญาติสามีกับบรรดาสะใภ้ด้วยกัน...หรือไม่ก็พูดจาโอ้อวดร่ำรวยกับบรรดาเมียๆที่เป็นเพื่อนพี่ชาย....ญาติพี่น้องทางสามีไม่มีใครชอบเธอสักคนเนื่องจากนิสัยที่เห็นแก่ตัวและเอาแต่ได้ของเธอเอง...
ดูๆแล้วเธอไม่ได้มีความสุขอะไรเลย...เธอพยายามรักษาสถานะภาพของเธอเอาไว้แค่นั้นเอง....และก็ไม่รู้ว่ารักพี่ชายจริงไหม...
แต่ดูแล้วลึกๆในใจเธอคงจะเจ็บอยู่มากที่พี่ชายไม่ให้อะไรหลายๆอย่างที่เธออยากได้เพื่อให้เทียมหน้าเทียมตาคนในสังคม....
สรุปแล้ว ผู้ที่ต้องตกเป็นเมียน้อยคนอื่นหรือแย่งชิงให้ได้มาเพื่อการครอบครองเป็นเจ้าของโดยการผิดศีลนั้นย่อมต้องพบกับความทุกข์ความเดือดร้อนทั้งทางกายและทางใจ...หาความสุขได้ยากยิ่ง.....
ดังนั้นเมียน้อยก็เป็นคนธรรมดาๆเหมือนกันกับเรานี่แหละแต่ต่างกันตรงที่เธอปล่อยให้ตัณหาครอบงำจนก้าวล่วงเส้นศีลธรรม
ความดีงามไป...คิดดูให้ดีๆแล้วจะพบว่าคนกลุ่มนี้ล้วนมีปัญหามาจากครอบครัวแทบทั้งสิ้น..... :b41:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2013, 19:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


ส่วนตัวดิฉันเชื่อเหลือเกินค่ะ ...ทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ ล้วนมีบุพกรรมร่วมกันมา
คนเราเกิดมาหลายภพ-หลายชาติ....ที่ได้มาพบกันก็เพราะ เคยได้ร่วมบุญ-ร่วมกรรมกันมา

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ....ทุกอย่างล้วนเกิดแต่เหตุ-ปัจจัย
ในโลกนี้ไม่มีอะไรบังเอิญ...ล้วนถูกกำหนดมาแล้วด้วยเราเองทั้งสิ้น.


ดิฉันเองเคยมีปัญหาเช่นนี้มาก่อน...สามีไปติดเด็กผู้หญิงอายุ 18
ขณะนั้นดิฉันอายุ 35 สามีอายุ 37 เป็นทุกข์อย่างยิ่งค่ะ
ตัดสินใจคุยกับผู้หญิงคนนั้น...ว่ารักสามีเรามากมั็ย...เขาบอกเธอว่าอย่างไร.
เธอก็บอกว่า สามีเรารักเธอมาก ...บอกกับเธอว่าเขาจะขออย่ากับดิฉัน
แล้วไปอยู่กับเธอซึ่งแม่ของเธอก็ทราบดี...และขอแบ่งเงินเดือนของสามีในระยะนี้

ดิฉันไม่ได้โกรธผู้ญิงคนนั้น...เพราะคิดว่า คนเราตบมือข้างเดียวไม่ดัง
หากสามีเราไม่ไปให้ความหวังกับเธอ...เธอก็คงเรียกร้องไม่ได้
นิสัยของผู้ชายนั้น...หากอยากได้ใครขึ้นมาก็พูดได้หมด...ส่วนจะทำตามคำพูดหรือไม่นั้นไม่สำคัญ

ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจากเราอยู่กินกันมากว่า 10 ปี ซึ่งไม่เคยมีเหตุการณ์นี้มาก่อน
จะทำอย่างไรดี...ไม่มีสัญญาณเตือนให้เราตั้งตัวได้เลย ...ก็ขอเลิกกับสามีโดยเด็ดขาด...
ตอนนั้นคิดว่า...อย่ากันเลย..เพราะเห็นกองทุกข์รออยู่ข้างหน้าแล้ว
ตัดสินใจเสียใจครั้งเดียว...ดีกว่ายอมทุกข์ทรมานต่อไปโดยไม่รู้ว่าทุกข์นั้นจะจบลงเมื่อไหร่
...คนเราเมื่อไม่มีใจต่อกันแล้ว ต่อให้เราตายไปต่อหน้าเขาก็ไม่เสียดาย

ก็ตัดสินใจโทรไปหาคุณพ่อบอกความจริงกับท่าน...เล่าให้ท่านฟัง
พ่อถามว่า...จำได้มั๊ยแต่งงานอยู่กินกันมากี่ปีแล้ว...
เขาเคยเป็นเช่นนี้มั๊ย...ไม่เคยค่ะ ...แล้วเขาบอกอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เขาขอโทษ ....และขอเวลาแก้ไขปัญหานี้...

ฟังพ่อนะ!!...นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพลาดทำในสิ่งที่ผิด...
แต่หากเขาขอโทษ...แสดงว่าเขารู้ตัวว่าผิด ...ลองฟังและใครครวญใหดีก่อน...
เลิกกันนะมันพูดง่าย เมื่อเลิกไปแล้วจะคืนดีกันนะมันยากนะ ....
นิสัยผู้ชายนะลูก...ให้ยังไงเสีย...ก็กลับมาตายรังเก่า...นิ่งให้มากที่สุด...
ในระหว่างที่เขาขอเวลาแก้ปัญหา ไม่ต้องเอามาพูด...ไม่ต้องนำมาทะเลาะ ..แต่คอยดูเขาไป...

ดิฉันก็ทำตามที่คุณพ่อบอกค่ะ...คอยดูเขา...ต่อหน้าและลับหลังเราเขาพร้อมแก้ปัญหาหรือไม่
ในระหว่างนั้นทั้งแม่ผู้หญิงคนนั้น ...และผู้หญิงคนนั้นก็พยายามก่อกวน..หาหนทาง
ให้ได้ตัวสามีดิฉันไปให้ได้ ...เล่นสงครามประสาทกับดิฉัน...ก็โทรเล่าให้คุณพ่อฟัง
พ่อก็บอกให้อดทนไว้...บอกพ่อทนไม่ได้...ทุกข์ใจกับสามีตัวเองไม่พอ..
ต้องมาอดทนกับผู้หญิงพวกนี้อีก..ลูกไม่ไมีความผิดอะไร
ทนไม่ได้คุณพ่อบอกให้ไปปฏิบัติธรรม 5-7 วันก็ได้..ให้ไปให้ได้

ก็ไปลางานไปปฏิบัติธรรม 7 วันตามที่คุณพ่อบอก ในระหว่างนั้นก็ส่งบุญให้ผู้หญิงคนนี้และครอบครัวของเธอตลอด
หากในภพชาติที่แล้วดิฉันไม่เคยก่อกรรมร่วมกันกับครอบครัวเธอมาก่อน...ก็ขอให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี
หากดิฉันได้เคยก่อกรรมกับเธอและครอบครัวของเธอมาก่อน ดิฉันยินดีชดใช้ให้
กลับมาทำงานได้ 5 วัน แม่ของผู้หญิงคนนั้นก็มาขอคุยกับดิฉัน..ขอจบเรื่องทุกอย่างลงด้วยดี
ให้เลิกแล้วต่อกัน..ที่ผ่านมาเขาขอโทษ..ลูกเขาเองก็ผิด เขาเองก็ผิด

ปัจจัยร่วมของปัญหาของแต่ละคนแตกต่างกันไป...นำมาแชร์ให้ฟังค่ะ
เผื่อบางครั้งบางทีอาจนำไปใช้ได้ ...ดิฉันมีคุณพ่อ และธรรมะกำกับใจเมื่อมีปัญหาค่ะ
หลังจากครั้งนั้นสามีก็เปลี่ยนไปค่ะ ..และดิฉันก็ไม่เคยนำเรื่องนั้นมาพูดอีกเลย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร