วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 17:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 10:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 16:20
โพสต์: 35

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ สุธินา เคยเข้ามาตั้งกระทู้ไว้เมื่อปีที่แล้ว ขอเล่าย้อนหลังคร่าวๆค่ะ คือสุธินากับสามี เค้าบอกว่าไม่ได้รักเราแล้ว หมดรักแล้ว แต่จะอยู่กันเพื่อลูก มาจนตอนนี้ก็1ปีกับอีก 3เดือนค่ะ บอกตรงๆว่า ยังเหมือนมีความหวังว่าวันนึงมันต้องดีได้ ขอแค่เราอดทนๆๆๆ และก็ไม่ต้องเรียกร้องอะไรจากเค้าอีก ที่ผ่านมา เค้าก็ไม่เคยทำหน้าที่สามีเลย ไม่มีแม้แต่น้อย ขนาดพูดยังไม่ค่อยอยากจะพูดด้วย คุยกันก็แต่ธุระ หรือว่า เรื่องลูกแค่นั้น เราเองก็อดทนมาตลอด เพราะว่ายังรักเค้าอยู่ แต่พ่อแม่เค้าก็รู้ว่า เรากับเค้าไม่เหมือนเดิม เพราะสามีเคยพูดกับแม่เค้า แต่เหมือนแม่สามีจะไม่เข้าใจ คิดว่าเดี๋ยวเค้าก็ดี มาพูดกับเราว่า ถ้าสามีจะไปไหนก็ช่างเค้า เรามีหน้าที่ที่ต้องเลี้ยงลูก ก็ทำให้ดีที่สุด ยังงัยเค้าก็ต้องกลับบ้านนอน พ่อแม่ก็อยู่นี่ลูกก็อยู่นี่ สามีจะไปไหนได้ คือพูดง่ายๆว่าเค้าจะให้เราทน ไม่อยากให้เลิกกัน

เราก็อยู่มาเรื่อยๆๆ จนเพื่อนเรายังบอกว่าเราทนเกินไปหรือเปล่า ใครก็บอกเราผอมลงๆ หน้าตาดูไม่สดใส แม่สุธินา ก็แนะนำว่าให้เราเลิกไปเถอะ คนเค้าไม่รักแล้วก็คือไม่รัก ในเมื่อเค้าไม่รักเราแล้วเราก็ไม่ต้องไปรักเค้า ออกมาจากบ้านหลังนี้ แม่ก็บอกว่ายังงัยเค้าก็ไม่หวนกลับมาหรอก ผัวเมียไม่คุยกันก็ไม่เกินอาทิตย์ แต่นี่มันเป็นปีๆมาแล้ว ก็ไม่ต้องหวังแล้ว ถ้าเค้าจะดีก็ดีไปนานแล้ว

แล้วเรื่องราวมันก็เริ่มบีบขึ้นเรื่อยๆๆๆ จนเค้ามาบอกว่าให้เรากับลูกไปนอนข้างล่าง เราก็ถามว่าทำไม ต้องให้เราลงไปนอนข้างล่าง เค้าก็บอกว่า"จะให้ชั้นพูดอีกหรอ ว่าชั้นไม่ได้เหมือนเดิมกับเธอแล้ว ชั้นไม่ได้อะไรๆกับเธอมานานแล้ว อยู่กันอย่างนี้มันอึดอัด" ก็เลยถามต่อว่า เค้ามีคนใหม่แล้วใช่มั้ย??เพราะใครๆก็สงสัยว่าที่เค้าไม่ดีกับเรา เพราะเค้าไปมีผญใหม่แล้ว เราก็ไม่รู้ เพราะไม่เคยเช็ค จนเค้าบอกว่า"วันนึงชั้นก็ต้องไปมีคนใหม่อยู่ดี ชั้นอยู่กับคนที่ไม่ได้รักไม่ได้หรอก ชั้นไม่มีความสุข วันนึงชั้นก็ต้องไปอยู่ดี หรือว่าเธอจะรอจนถึงวันที่ชั้นจะพามา แล้วเธอถึงจะยอม" ในความจริงแล้วถ้าคนที่เค้ายังไม่มี เค้าจะพูกแบบนี้หรอคะ เราก็อยากจะมองที่ปัจจุบันนะ แต่คำพูดเค้า ทำให้เรารู้สึกว่า เค้าคงจะวางแผนอะไรๆไว้แล้ว

เค้าเสนอบอกว่า
1.ชั้นไม่ได้ไล่เธอ ก็อยู่เป็นพ่อ แม่ ลูก แต่ชั้นต้องการอิสรภาพ คือถ้าชั้นจะทำอะไร มีใคร ก็เป็นสิทธิ์ของเค้า เค้าก็จะดูแลลูกต่อไป

ในความเห็นเรา:เห็นแก่ตัวที่สุด จากรัก จนตอนนี้ทั้งเกลียด ทั้งแค้น คือเค้าจะไปมีคนใหม่ แล้วเราก็อยู่เลี้ยงลูกไป เค้ามีความสุข แต่เราต้องจมปลักอยู่ที่นี่ อยู่รอดูสามีไปมีคนใหม่

2.หรือว่าถ้าเธอไม่อยากอยู่นี่ เธอจะเอาอะไรก็บอกมา ถ้าให้ได้ก็จะให้

ในตวามเห็นเรา:มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เรามาอยู่นี่ เป็นแม่บ้าน ไม่ได้ทำงานอะไร ถ้าเราจะไปก็ต้องมีอะไรบ้าง ให้เราไปตั้งต้นใหม่ แล้วเรากับเค้าก็คงจบกันเลย


ถ้าถามความรู้สึกตอนนี้ เราเองก็สับสนค่ะ เค้าพูดกับเราขนาดนี้ เสียใจมาตลอดๆๆ ใจนึงก็อยากจบๆๆไปเลย เสียใจตัดเค้าทีเดียว ถ้าอยู่อย่างนี้ เวลานอนก็ไม่เคยนอนสบาย ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไร อยู่อย่างหวาดกลัว เหมือนรู้ว่ามันยังไม่เจอของจริง กลุ้มใจและทุกข์มากๆๆค่ะ เล่าให้แม่ฟัง ก็สงสารแม่ที่ต้องมารับรู้ มารับฟังเราร้องไห้ แต่แม่ก็ให้กำลังใจค่ะ แม่ว่าเรากับเค้าคงหมดเวรหมดกรรมต่อกันแล้ว ยื้อไปก็ไม่มีประโยชน์ อีกใจก็แค้นค่ะ ว่าถ้าเรายอมเลิกมันไม่ง่ายไปหรอ ถ้าเทียบกับชีวิตคู่ของเรา ความเสียสละ ต้องไปเป็นแม่ม่ายสามีทิ้ง :b20: ไหนจะลูก ที่ต้องมารับกรรมของพ่อแม่ แล้วชีวิตความมั่นคงของเราอีก คนที่เรารัก ก็คือสามี ที่ไม่ใยดีกับเราเลย คนที่เคยบอกว่าจะอยู่กับเรา ดูแลเรา เหมือนฟ้าผ่ากลางใจเราเลยค่ะ ควาามจริงเราเองก็เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวพอสมควร แต่พอมาเจอแบบนีแล้ว เหมือนอะไรมันดึงขาเราไว้อยู่ิ ไม่ให้เราเลือกซักทาง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะต้องเลือแล้วอะค่ะ เพราะสามีเค้าต้องการคำตอบจากเรา เค้าคงไม่อยากให้คาราคาซัง เราเองก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ แม่เราก็บอกว่าถ้าเลือกจะทนเพื่อลูก ก็ไม่ต้องบ่น พรำ่พรรณาอะไรอีก ก็คือแยกห้องกัน แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจว่าเค้าจำทำอะไรยังงัย
ขอคำแนะนำจากพี่ๆเพื่อนๆกัลยาณมิตรทั้งหลายค่ะ ถือว่าทำบุญให้กับสุธินานะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 13:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


คนเราจะมีความสุขได้ ก็เพราะสุขกาย สุขใจ บางคนกินอิ่ม แต่ไม่รู้จักพอก็ไม่สุขใจไม่พอใจ เป็นทุกข์ไปก็มี บางคนความสุขทางกายมีน้อย ปากท้องพร่อง กินไม่ค่อยอิ่ม ได้กินพอประทังชีวิต แต่มีคนรักคนเข้าใจ ใจก็เป็นสุขได้มีอยู่

รักกับหมดรัก ไปหรืออยู่ ทุกข์หรือสุข ล้วนเป็นของคู่กันในโลก นอกจากเป็นของคู่กันในโลกแล้ว มันยังเป็นสามัญลักษณะในโลก คือมีความไม่เที่ยงแท้แน่นอน รักได้ก็ไม่รักได้ มาได้ก็ไปได้ มีได้ก็หมดได้ สุขได้ก็ทุกข์ได้ เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุตามปัจจัยของมัน

ล้วนแล้วแต่เป็นทุกข์ สำหรับคนมองไม่เห็น สำหรับคนไม่มีบุญ คนมีบุญคือคนมีความสุข มีปัญญารู้ว่า ความยึดถือ ไม่ว่ายึดถือว่ารัก ยึดถือว่าไม่รัก ยึดทั้งสุขและทุกข์ หรือยึดว่าเราเป็นของเขาหรือเขาเป็นของเราอย่างนี้ เป็นบาปของคนหลงโลก ความปล่อยวาง ความไ่ม่ยึดถือ เป็นบุญของคนที่ไม่เข้าไปยึด เพราะว่า ถึงแม้จะมีปัญญา มีความรู้ความสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาใคร แต่จิตใจนี้ไม่มีบุญ ไม่มีที่พึ่ง สักวันหนึ่งที่ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก เข้ามากระซิบเข้ามาทวงความสุขไปจากเรา มาแสดงความไม่เที่ยงความไม่แน่นอน ให้กับสิ่งที่ไม่เคยมี เช่นความรัก ครอบครัว ความผูกพัน สามี บุตร ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย หรือต้องพลัดพรากไปจากเรา

คนที่ยังดูแลรับผิดชอบเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองได้ เจอมรสุมชีวิตตัวเองอย่างนี้เข้า ก็ไปไม่เป็น ชีวิตเหมือนตกอยู่ในความมืดมิดหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ นับประสาอะไรกับคนที่ไม่สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง จะต้องมาเผชิญกับความทุกข์ ความพลัดพราก ประสบกับการไม่เป็นที่ยอมรับ หรือถูกทิ้ง ยังมีผู้หญิงอีกหลายคน ในโลกนี้ ที่เจออย่างนี้

แต่ก็เป็นสัจธรรมความจริงอีกนั่นแหละ เมื่อคนเราเห็นทุกข์นั้นก็ทำให้คนเราเห็นธรรม เข้าหาธรรมไปด้วย ยังมีอุบาสิกาหลายคน สตรีที่ขอถึงซึ่งพระรัตนตรัย มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง มีบุญมีปัญญา ยอมรับความเปลี่ยนแปลง เปิดใจให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่โกรธใครไม่โทษใคร เชื่อและศรัทธาในเรื่องกฏแห่งกรรม คำพระท่านว่า ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น อาจเป็นเพราะเคยก่อเวรกรรมทำให้ใครคนใดคนหนึ่งในอดีต ต้องประสบกับความทุกข์ความทรมานอย่างนี้

บาปนั้นก็คืนสนอง เป็นกฏยุติธรรมไม่เลือกหน้า ไม่ว่าปัจจุบันจะหล่อสวย รวยจน ขอเคยทำกรรมอย่างใดไว้ กรรมนั้นก็จะติดตามบุคคลนั้นไปให้ผลเมื่อถึงคราวถึงโอกาส มีทางเดียวคือ ตั้งสติ เราไม่สามารถล่วงรู้ว่าได้เคย ล่วงเกินทำร้ายทำลายเบียดเบียนใครต่อใครมากี่ภพกี่ชาติ สิ่งใดที่ผ่านไปแล้วกลับไปแก้ไขใดๆ ไม่ได้ ก็ต้องยอมรับและให้มันเป็นไป การจองเวรผูกโกรธพยาบาท อาจไม่ได้มาทำกันในชาตินี้เท่าันั้น อาจผูกพันจองเวร เป็นผัวเขา เป็นเมียเขา เป็นลูกเขา เป็นชู้เขา มาอย่างน่าเบื่อหน่าย น่าลำเข็ญเห็นใจมาตลอดเนิ่นนานแล้วก็เป็นได้ ชาติไหน ไม่ยอมไม่เย็นไม่เชื่อ ตกตายไปก็ไปเสวยผลบุญที่พอมี บาปสบโอกาสได้่ช่อง ก็เอาความโลภ ความโกรธ ความหลง นี่แหละมา ปั้นแต่งเ่ล่นบทละครหลอกตัวเองอยู่ในวัฏฏะทุกข์ หาที่สิ้นสุดไม่ได้!

เมื่อเห็นอยู่รู้อยู่ว่าเป็นทุกข์ ความรักไปยึดไว้ก็เป็นทุกข์ ควาทเศร้าหมองความโกรธแค้น ไปผูกพันไว้ ยึดถือไว้ก็เป็นทุกข์ มีแต่ตั้งสติตั้งจิตตั้งใจ ว่าต่อนี้ไปจะไม่ทำผิดซ้ำ ไม่ย่ำยีตัวเอง รับผิดชอบหน้าที่ ทำความดีอย่างสุดความสามารถ ยอมรับความเปลี่ยนแปลง อดีตไม่กลับไปครุ่นคิด ไม่ทำผิดอีกครั้งซ้ำซากเสียเวลา การตัดสินใจทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวโยมเอง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ วันนี้ทุกข์พรุ่งนี้อาจสุขก็เป็นได้ วันนี้ยังเศร้าหมองพรุ่งนี้ก็อาจเบิกบาน

ให้มีบุญนะ ให้มีสติ ให้มีปัญญา ตัวเราเองก็ต้องตายไม่ช้าก็เร็ว ความพลัดพราก จากของรักของชอบใจมีด้วยกันทุกคน โยมควรรอ แล้วสนใจเรื่องปากท้องให้มาก เรื่องเลี้ยงดูตัวเอง ความรักมันเป็นอดีตไปแล้ว ไม่ทำให้โยมอิ่มกายอิ่มใจหรอกนะ ธรรมะ ความสงบ ความสุขต่างหาก ไม่ได้กินก็อิ่ม ไม่สมอยากก็รู้เท่าทัน ไม่มีใจไปผูกพันเกาะเกียว ยกตัวเองออกมาจากสมมติ ว่าเขาเป็นของเราเราเป็นของเขา ใช้สติดำเนินชีวิต ไม่ใช่เอาความรู้สึกหลักลอยไม่มีแก่นสาร พาตัวเองเวียนว่ายตายเกิด มาเกาะมาเกี่ยว สมมติตัวตนบุคคล ที่มีแต่เสื่อม แต่เแก่ แต่เจ็บตายไป เปล่าๆ ก็เท่านั้น หาบุญนะ หาความสุข หาความอิ่มใจ พอใจ คือฉลาดมีปัญญา รู้ว่ามันไม่แน่นอน ทำใจให้เหนือ ทุกสิ่ง ไม่เข้าไปยึดถือ เป็นอิสระ ประคับประครอง ปากท้องตัวเองและลูก และรู้จักให้อภัยนะ เจริญพร

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 16:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
...สวัสดีค่ะคุณสุธินา...ขอเป็นกำลังและแรงใจให้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปได้ด้วยดีนะคะ...
...อยากลองเสนอแนะ...ไม่มีที่ไปเลยหรือคะ...ไม่รู้ว่าจะช่วยแก้ไขอะไรได้บ้างรึเปล่าค่ะ...
...คุยกับพ่อ-แม่สามีให้ดูแลลูกช่วย...ตัวคุณสุธินาเรียนจบอะไรมาคะออกไปหางานทำดีกว่าไหม...
...ถ้าอาศัยอยู่กับสามีแล้วรู้สึกทุกข์มาก...กลับไปอยู่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่เราหรือญาติเราดีกว่าไหม...
...ดีกว่าอยู่แบบคอยรับใช้ลูกกับสามีเพราะดูท่าทางคุณสามีไม่แยแสและสนใจความรู้สึกคุณสุธินาเลย...
...การใช้ชีวิตคู่ที่หมายถึงการแบ่งปันกันทุกเรื่อง ทั้งสุข-ทุกข์และเอาใจใส่ดูแลจิตใจซึ่งกันและกันแล้ว...
...ที่คุณสุธินาเล่ามาไม่ใช่คู่ชีวิตเลย...คงต้องคุยกับสามีให้เข้าใจว่าเราจะออกไปหางานทำจะว่าอย่างไร...
...เพราะการมีชีวิตอยู่ที่มีคุณค่าของเราก็มีผลต่อการอบรมเลี้ยงดูลูกด้วย...ชีวิตไม่ได้มีแค่เรื่องเซ็กส์...
...ถ้ามีแค่อยากมีเพศสัมพันธ์แล้ว...โสเภณีมีออกถมไป...ทำชีวิตแบบเสียไม่ได้จำเป็นต้องดูแล...ไม่ถูก...
...หากจะปัดความรับผิดชอบ...ก็ไม่น่ามาทำชีวิตคุณสุธินาแบบส่งเดช...ทำแบบนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายเลย...
...คุณสุธินาต้องเข้มแข็งและอดทน ไม่จมปลักกับชีวิต ลองเปลี่ยนชีวิตตัวเองออกมาสู่สังคมจะดีไหม...
:b55: :b55:
:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 16:20
โพสต์: 35

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโทมนาค่ะ :b8:ท่าน พุทธฏีกา และขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะคุณ Rosarin ที่ช่วยแสดงความคืดเห็นค่ะ ตอนนี้ตัดสินใจแล้วค่ะ หลังจากร้องไห้มายกใหญ่ คงจะคุยกับทางพ่อแม่สามีเร็วๆนี้ค่ะ เรื่องลูก ค่าเลี้ยงดูต่างๆ(แม่สามีรักหลานมาก ไม่รู้ว่าเค้าจะยอมมั้ย) แต่ครั้งนี้จะพูดทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็จะให้สามีพูดกับแม่เค้าด้วยค่ะ ว่าอย่างน้อย ต้องมีค่าเลี้ยงดูลูกทุกเดือน ค่าเทอมค่าเล่าเรียนไปจนจบปริญญา(ตอนนี้ลูกสาว4ขวบค่ะ เรียนอยู่อนุบาล1) ส่วนดิฉันไม่เอาอะไรค่ะ

คงไม่ยื้อแล้วค่ะ เพราะเมื่อกี้สามีก็โทรมาตกลงอีกรอบ ก็คงปล่อยแล้วค่ะ มันไม่เห็นทางไหนแล้วค่ะ
นอกจากยอมๆๆๆให้เค้าไปมีใหม่ แต่เราตัดสินใจแล้วว่าไม่ทนแล้วค่ะ เรายังเป็นคนเนอะ มีจิตใจ ถ้าต้องอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆคงได้เป็นโรคจิตแน่ๆเลยค่ะ แน่วแน่แล้วว่าจะออกแน่นอนค่ะ ถ้าเค้าอยากให้เราไปจากชีวิตเค้า เราก็ไปค่ะ

ก่อนหน้าแต่งงานก็ทำงานบริษัทมา3ปีค่ะ แล้วคบกับเค้าได้9เดือน ก็มีน้อง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำงานเลยค่ะ อยู่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียว

เค้ายังบอกอีกว่าความจริงเค้าก็ไม่ได้รักเราเท่าไหร่ ที่ต้องแต่งกับเราเพราะว่าเราท้อง ฟังแล้วมันเจ็บจี้ดๆๆๆๆๆ ขอแค่อย่างเดียว ขอให้เรื่องลูกตกลงกันลงตัว กับเค้าเราคงต้องทำใจแล้วค่ะ เค้าดูถูกเราขนาดนี้ เหมือนเราไม่มีคุณค่าอะไรกับเค้าเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อะไรที่มันผ่านไปแล้ว....ก็อย่าเก็บเอามาคิดแค้น
ให้ใจเป็นทุกข์ไปเลย....ยังพอมีเวลาตั้งต้นใหม่

คนที่ต้องจากกันทั้งๆที่ยังรักกัน....ยังทรมานน้อยกว่า
คนที่ไม่รักกัน...แต่ต้องทนเห็นหน้ากันทุกๆวัน
อยู่ด้วยกันแล้วทุกข์ทั้งเขาทั้งเรา...จะอดทนไปทำไม?
สู้ยอมเจ็บหนักๆแค่ครั้งเดียว...ไม่ดีกว่าหรือ?
ใครจะรุ้ว่า...อาจจะมีหนทางที่สดในรออยู่ข้างหน้า
เมื่อปราศจากเขาก็ได้....ขอให้มีความสุขนะค่ะ

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2011, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 16:20
โพสต์: 35

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณคุณพี่ทักทายสำหรับคำแนะนำดีๆนะคะ :b8: วันนี้พักรบค่ะ ยังไม่ได้คุยอะไรต่อ คงรอให้จบงานรับปริญญาสามีในอาทิตย์หน้าก่อน กลัวว่าเดี๋ยวจะเครียดกัน แล้วถ่ายรูปไม่สวยค่ะ ความจริงก็ไม่อยากไปเลยค่ะ ต้องมานั่งปั้นหน้ายิ้ม :b5: แต่ก็ต้องพาลูกไปอะค่ะ เล่นละครกันอีกแล้ว เหนื่อยจิงๆค่ะ

เมื่อคืนก็สติแตกอีก พอลูกหลับ นั่งร้องไห้ คิดไปถึงว่า เฮ้อ เดี๋ยวเราก็ต้องไปจากที่นี่แล้ว เห็น โต๊ะ ตู้ เตียงนอน ก็ร้องไห้ได้อีก ความยึดติดมาอีกแล้วๆๆ ไม่ปล่อยวางอีกแล้ว รู้ก็รู้อยู่ ทุกอย่างมันไม่ใช่ของเรา มาก็มาแต่ตัว มีแต่ลูกในท้องที่ติดตัวมา ทุกอย่างที่อยู่ที่กิน ก็ของคนอื่นทั้งนั้น นั่งคิดต่อไปอีกว่า เดี๋ยวผญใหม่เค้าวันนึงก็ต้องมาอยู่นี่ ที่ๆเคยเกือบจะเป็นของเรา ปลงไม่เป็นอีกแล้ว :b34: เบื่อตัวเองจัง

ใจนึงก็คิดว่าหรือรอให้เค้าไปมีผญใหม่จิงๆก่อน แล้วเราค่อยไปดี คิดอย่างคนไร้ค่าสิ้นดี คิดได้งัยเนอะ อยู่รอไปเพื่ออะไร ตัวเราช่างเขลาจิงๆ คนเค้าก็พูดปาวๆๆๆ ว่าไม่ได้รักๆๆๆ ไม่มีความสุขๆๆๆๆ ให้ปล่อยเขาไปๆๆ ทำตัวเองอย่างกับคนสิ้นไร้ไม้ตอก ทั้งที่ตัวเองก็ครบ32 ทีสมอง มีแขนมีขา ทำไมต้องรอเค้ากลับมา รอไปเถอะ เค้าคนนั้นไม่ใช่คนเดิมอีกหละ ถ้าต้องรอเค้าคนเดิมกลับมา คงต้องรอไปทั้งชีวิต

ก่อนนอนถามลูกว่า"ลูก ถ้าหนูอยู่กับแม่2คนโอเคมั้ย แบบว่าไม่ต้องนอนกับป๊าอีก แต่เรายังได้เจอกันนะ แม่รักหนู มีแม่คนเดียวก็พอแล้วเนอะ" คำตอบของเด็ก3ขวบกว่าๆ"เราต้องอยู่เป็นครอบครัวสิแม่" โอ้วว แม่เจ้า ลูกรู้จักคำว่าครอบครัวด้วยหรือ รู้ด้วยว่าต้องมี พ่อ แม่ ลูก ได้อยู่ด้วยกัน ฟังแล้ว บอกไม่ถูก มันกัดกินใจเหลือเกิน นี่ขนาดลูกยังเด็ก ยังไม่รู้เรื่องอะไรว่าพ่อแม่จะเลิกกันอยู่แล้วนะ จบบทสนทนา เพราะพูดต่อเราต้องร้องไห้แน่ เลยบอกลูกว่านอนได้แล้วจ๊ะ

อ่านเว็ปนี้ทุกวัน ไว้คอยเตือนสติ หวังว่าเราคงทำได้ในสักวันหนึ่ง แม้ว่าวันนี้อ่อนแอเหลือเกินค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2011, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...ตอนนี้ก็ให้ออกไปหางานทำก่อน...อยู่กับลูกไปก่อน...ถ้ายังตัดไม่ขาดทิ้งลูกไปยังไม่ได้...
...จากเป็นดีกว่าจากตาย...แต่ตอนนี้ยังทำใจไม่ไหวก็อยู่ต่อ...แต่ให้ออกไปทำงานด้วย...
...ถ้าจดทะเบียนสมรสก็ต้องแบ่งทรัพย์สิน...แต่ถ้าไม่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะทำไงดี...
:b23: :b22:
:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2011, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มี.ค. 2011, 20:25
โพสต์: 27


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณสุธินา ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณได้ดีทีเดียวค่ะ อย่างน้อยที่สุดคุณก็มีดิฉันเป็นเพื่อนเป็นกำลังใจให้นะคะ ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ขอให้คุณอย่าเสียดายหรือเสียใจกับมันนะคะ เราทำดีที่สุดแล้ว เราอดทนมากที่สุดแล้ว ดิฉันไม่สามารถแนะนำอะไรได้มาก แต่ถ้าเป็นดิฉัน.. จะดีใจมากที่อย่างน้อยอดีตสามีเค้าก็มีความมั่นใจพอ และเลือกแล้วว่าเค้าไม่ต้องการเรา อย่างน้อยมันก็ทำให้เราตัดใจได้ง่ายนะคะ อย่างทางดิฉันเค้าไม่เลือก และเค้าก็ไม่เปลี่ยนค่ะ เค้ามีทั้งชีวิตหนุ่มโสดกับครอบครัวไปพร้อมกันค่ะ ดิฉันก็อยากให้มันจบๆไป เข้าใจในความรู้สึกอึดอัดค่ะ แต่เค้าก็เก็บเราไว้เป็นของตาย เวลาเหนื่อยมาหรือไม่มีใครก็มีเราเหมือนเดิมค่ะ ให้ความหวังเราว่ามันจะดี แต่จิตใจเรามันไม่ใช่หรอกค่ะ มันรู้สึกว่าทำไมเค้าถึงเห็นแก่ตัวจัง ไม่รักเราก็ปล่อยเราไป เจ็บแต่มันก็ทีเดียวอย่างนี้มันเรื่อรัง กลืนไม่เข้าคายไม่ออกค่ะ ดิฉันตัดสินใจที่จะเลิกกับเค้าทางจิตใจค่ะ คิดว่าเค้าเป็นแค่คนช่วยดูแลลูก ไม่ได้คิดว่าเค้าเป็นสามีอีกต่อไป ทำยากค่ะ เพราะเราอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมทุกอย่าง และดิฉันก็รู้ดีว่าไม่สามารถทิ้งเค้าทิ้งครอบครัวไปได้ มีทางเดียวคือให้เค้าไปเอง ตอนนี้เราก็ฝึกตัวเองไว้ เตรียมตัวเตรียมใจ เก็บเงินไว้ หาทางหนีทีไล่ เวลาเค้าไปจะได้ไม่ลำบากมาก นี้คือทางที่ดิฉันเลือกค่ะ มันเหนื่อยและเจ็บปวดจริงๆค่ะ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ ลองเก็บไปคิดดูค่ะ ว่าถ้าเป็นคุณจะยอมอยู่กับคนเห็นแก่ตัวที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกเพื่อคำว่าครอบครัว หรือว่าจะก้าวออกมา แล้วยืนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเอาใจไปฝากไว้กับคนที่ไม่เห็นค่าของมัน เป็นกำลังใจให้ค่ะ เราต้องทำได้ค่ะเพื่อลูก :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2011, 17:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


“แม่น้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ก็ยังน้อยกว่าน้ำตาของคนที่ถูกความทุกข์ความเศร้าโศก
ครอบงำ ปฏาจารา เพราะเหตุไร เธอจึงยังประมาทอยู่”






04-พระปฏาจาราเถรี
เอตทัคคะในฝ่ายผู้ทรงพระวินัย

พระปฏาจาราเถรี เป็นธิดาของมหาเศรษฐีในเมืองสัตถี เมื่ออายุย่างได้ ๑๖ ปี เป็นหญิงมี
ความงดงามมาก บิดามารดาทะนุถนอมห่วงใยให้อยู่บนปราสาท ชั้น ๗ เพื่อป้องกันการคบหากับ
ชายหนุ่ม

ดอกฟ้าได้ยาจก

แม้กระนั้น เพราะนางเป็นหญิงโลเลในบุรุษ จึงได้คบหาเป็นภรรยาคนรับใช้ในบ้านของ
ตน ต่อมาบิดามารดาของนางได้ตกลงยกนางให้แก่ชายคนหนึ่ง ที่มีชาติสกุลและทรัพย์เสมอกัน
เมื่อใกล้กำหนดวันวิวาห์ นางได้พูดกับคนรับใช้ผู้เป็นสามีว่า:-
“ได้ทราบว่า บิดามารดาได้ยกฉันให้กับลูกชายสกุลโน้น ต่อไปท่านก็จะไม่ได้พบกับ
ฉันอีก ถ้าท่านรักฉันจริง ท่านก็จงพาฉันหนีไปจากที่นี่แล้วไปอยู่ร่วมกันที่อื่นเถิด”
เมื่อตกลงนัดหมายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วชายคนรับใช้ผู้เปลี่ยนฐานะมาเป็นสามีนั้น ได้
ไปรออยู่ข้างนอกแล้วนางก็หนีบิดามารดาออกจากบ้าน ไปร่วมครองรักครองเรือนกันในบ้าน
ตำบลหนึ่งซึ่งไม่มีคนรู้จัก ช่วยกันทำไร่ ไถนา เข้าป่าเก็บผักหักฟืนหาเลี้ยงกันไปตามอัตภาพ
นางต้องตักน้ำตำข้าวหุ้งต้มด้วยมือของตนเอง ได้รับความทุกข์ยากแสนสาหัส เพราะตนไม่เคยทำ
มาก่อน

คลอดลูกกลางทาง

กาลเวลาผ่านไป นางได้ตั้งครรภ์บุตรคนแรก เมื่อครรภ์แก่ขึ้นนางจึงอ้อนวอนสามีให้พา
นางกลับไปยังบ้านของบิดามารดาเพื่อคลอดบุตร เพราะการคลอดบุตรในที่ไกลจากบิดามารดา
และญาตินั้นเป็นอันตราย แต่สามีของนางก็ไม่กล้าพากลับไปเพราะเกรงว่าจะถูกลงโทษอย่างรุน
แรง จึงพยายามพูดจาหน่วงเหนี่ยวเธอไว้ จนนางเห็นว่าสามีไม่พาไปแน่ วันหนึ่ง เมื่อสามีออกไป
ทำงานนอกบ้าน นางจึงสั่งเพื่อนบ้านใกล้เคียงกันให้บอกกับสามีด้วยว่านางไปบ้านของบิดา
มารดาแล้วนางก็ออกเดินทางไปตามลำพัง
เมื่อสามีกลับมาทราบความจากเพื่อนบ้านแล้ว ด้วยความห่วงใยภรรยาจึงรีบออกติดตาม
ไปทันพบนางในระหว่างทาง แม้จะอ้อนวอนอย่างไรนางก็ไม่ยอมกลับ ทันใดนั้น ลมกัมมัชวาต
คือ อาการปวดท้องใกล้คลอด ก็เกิดขึ้นแก่นาง จึงพากันเข้าไปใต้ร่มริมทาง นางนอนกลิ้งเกลือก
ทุรนทุรายเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างหนัก ในที่สุดก็คลอดบุตรออกมาด้วยความยากลำบาก
เมื่อคลอดบุตรโดยปลอดภัยแล้ว ก็ปรึกษากันว่า “กิจที่ต้องการไปคลอดที่เรือนของบิดา
มารดานั้นก็สำเร็จแล้ว จะเดินทางต่อไปก็ไม่มีประโยชน์” จึงพากันกลับบ้านเรือนของตน อยู่
รวมกันต่อไป



“ปฎาจารา ขึ้นชื่อว่าบุตรสุดที่รัก ไม่อาจเป็นที่พึ่ง เป็นที่ต้านทานหรือเป็นที่ป้องกันแก่
ผู้ไปสู่ปรโลกได้ บุตรเหล่านั้น ถึงจะมีอยู่ก็เหมือนไม่มี ส่วนผู้รู้ทั้งหลายรักษาศีลให้บริสุทธิ์แล้ว
ควรชำระทางไปสู่พระนิพพานของตนเท่านั้น”




สามีถูกงูกัดตาย

ต่อมาไม่นานนักนางก็ตั้งครรภ์อีก เมื่อครรภ์แก่ขึ้นตามลำดับนางจึงอ้อนวอนสามีเหมือน
ครั้งก่อน แต่สามีก็ยังคงไม่ยินยอมเช่นเดิม นางจึงอุ้มลูกคนแรกหนีออกจากบ้านไป แม้สามีจะ
ตามมาทันชักชวนให้กลับก็ไม่ยอมกลับ จึงเดินทางร่วมกันไป เมื่อเดินทางมาได้อีกไม่ไกลนัก
เกิดลมพายุพัดอย่างแรงและฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก พร้อมกันนั้นนางก็ปวดท้องใกล้จะคลอดขึ้น
มาอีก จึงพากันแวะลงข้างทาง ฝ่ายสามีได้ไปหาตัดกิ่งไม้เพื่อมาทำเป็นที่กำบังลมและฝน แต่
เคราะห์ร้ายถูกงูพิษกัดตายในป่านั้น นางทั้งปวดท้องทั้งหนาวเย็น ลมฝนก็ยังคงตกลงมาอย่าง
หนัก สามีก็หายไปไม่กลับมา ในที่สุดนางก็คลอดบุตรคนที่สองอย่างนาสังเวช
ลูกของนางทั้งสองคนทนกำลังลมและฝนไม่ไหว ต่างก็ร้องไห้กันเสียงดังลั่นแข่งกับลม
ฝน นางต้องเอาลูกทั้งสองมาอยู่ใต้ท้อง โดยนางใช้มือและเข่ายืนบนพื้นดินในท่าคลาน ได้รับ
ทุขเวทนาอย่างมหันต์สุดจะรำพันได้ เมื่อรุ่งอรุณแล้วสามีก็ยังไม่กลับมาจึงอุ้มลูกคนเล็กซึ่งเนื้อ
หนังยังแดง ๆ อยู่จูงลูกคนโตออกตามหาสามี เห็นสามีนอนตายอยู่ข้างจอมปลวกจึงร้องไห้รำพัน
ว่าสามีตายก็เพราะนางเป็นเหตุ เมื่อสามีตายแล้ว ครั้นจะกลับไปที่บ้านทุ่งนาก็ไม่มีประโยชน์ จึง
ตัดสินใจไปหาบิดามารดาของตนที่เมืองสาวัตถี โดยอุ้มลูกคนเล็ก และจูงลูกคนโตเดินไปด้วย
ความทุลักทุเลเพราะความเหนื่อยอ่อนอย่างหนักดูน่าสังเวชยิ่งนัก

หัวใจสลายเพราสูญเสียลูกน้อยทั้งสอง

นางเดินทางมาถึงริมฝั่งแม่น้ำจิรวดี มีน้ำเกือบเต็มฝั่งเนื่องจากฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่าน
มา นางไม่สามารถจะนำลูกน้อยทั้งสองข้ามแม่น้ำไปพร้อมกันได้เพราะนางเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น
แต่อาศัยที่น้ำไม่ลึกนักพอที่เดินลุยข้ามไปได้ จึงสั่งให้ลูกคนโตรออยู่ก่อนแล้ว อุ้มลูกคนเล็กข้าม
แม่น้ำไปยังอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อถึงฝั่งแล้วได้นำใบไม้มาปูรองพื้นให้ลูกคนเล็กนอนที่ชายหาดแล้วกลับ
ไปรับลูกคนโตด้วยความห่วงใยลูกคนเล็ก นางจึงเดินพลางหันกลับมาดูลูกคนเล็กพลาง ขณะที่มี
ถึงกลางแม่น้ำนั้น มีนกเหยี่ยวตัวหนึ่งบินวนไปมาอยู่บนอากาศ มันเห็นเด็กน้อยนอนอยู่มี
ลักษณะเหมือนก้อนเนื้อ จึงบินโฉบลงมาแล้เฉี่ยวเอาเด็กน้อยไป นางตกใจสุดขีดไม่รู้จะทำอย่าง
ไรได้ จึงได้แต่โบกมือร้องไล่ตามเหยี่ยวไป แต่ก็ไม่เป็นผล เหยี่ยวพาลูกน้อยของนางไปเป็น
อาหาร ส่วนลูกคนโตยืนรอแม่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง เห็นแม่โบกมือทั้งสองตะโกนร้องอยู่กลางแม่น้ำ ก็
เข้าใจว่าแม่เรียกให้ตามลงไป จึงวิ่งลงไปในน้ำด้วยความไร้เดียงสา ถูกกระแสน้ำพัดพาจมหาย
ไป

ทราบข่าวการตายของบิดามารดาถึงกับเสียสติ

เมื่อสามีและลูกน้อยทั้งสองตายจากนางไปหมดแล้วเหลือแต่นางคนเดียวนางจึงเดินทาง
มุ่งหน้าสู่บ้านเรือนของบิดามารดา ทั้งหิวทั้งเหนื่อยล้า ได้รับความบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ รู้
สึกเศร้าโศกเสียใจสุดประมาณ พลางเดินบ่นรำพึงรำพันไปว่า:-
“บุตรคนหนึ่งของเราถูกเหยี่ยวเฉี่ยวเอาไป บุตรอีกคนหนึ่งถูกน้ำพัดไปสามีก็ตายในป่า
เปลี่ยว”
นางเดินไปก็บ่นไปแต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้างได้พบชายคนหนึ่งเดินสวนทางมา สอบถาม
ทราบว่ามาจากเมืองสาวัตถี จึงถามถึงบิดามารดาของตนที่อยู่ในเมืองนั้น ชายคนนั้นตอบว่า:-
“น้องหญิงเมื่อคืนนี้เกิดลมพายุและฝนตกอย่างหนักเศรษฐีสองสามีภรรยาและลูกชาย
อีกคนหนึ่ง ถูกปราสาทของตนพังล้มทับตายพร้อมกันทั้งครอบครัวเธอจงมองดูควันไฟที่เห็นอยู่
โน่น ประชาชนร่วมกันทำการเผาทั้ง ๓ พ่อ แม่ และลูกบนเชิงตะกอนเดียวกัน”
นางปฏาจารา พอชายคนนั้นกล่าวจบลงแล้วก็ขาดสิตสัมปชัญญะไม่รู้สึกตัวว่าผ้านุ่งผ้า
ห่มที่นางสวมใส่อยู่หลุดลุ่ยลงไป เดินเปลือยกายเป็นคนวิกลจริตร้องไห้บ่นเพื่อรำพันเซซวนคร่ำ
ครวญว่า:-
“บุตรสองคนของเราตายแล้ว สามีของเราก็ตายที่ทางเปลี่ยว มารดาบิดาและพี่ชายของ
เราก็ถูกเผาบนเชิงตะกินเดียวกัน”
นางเดินไปบ่นไปอย่างนี้ คนทั่วไปเห็นแล้วคิดว่า “นางเป็นบ้า” พากันขว้างปาด้วย
ก้อนดินบ้าง โรยฝุ่นลงบนศีรษะนางบ้าง และนางยังคงเดินต่อเรื่อยไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง

หายบ้าแล้วได้บวช

ขณะนั้น พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางพุทธบริษัท ทรงทราบด้วยพระฌาณ
ว่านางปฏาจารามีอุปนิสัยแห่งพระอรหัต จึงบันดาลให้นางเดินทางมายังวัดพระเชตวัน นางได้
เดินมายืนเสาศาลาโรงธรรมอยู่ท้ายสุดพุทธบริษัทหมู่คนทั้งหลายพากันขับไล่นางให้ออกไป แต่
พระบรมศาสดาตรัสห้ามไว้แล้วตรับกับนางว่า “จงกลับได้สติเถิด น้องหญิง”
ด้วยพุทธานุภาพ นางกลับได้สติในขณะนั้นเอง มองดูตัวเองเปลือยกายอยู่ รู้สึกอายจึงนั่ง
ลง อุบาสกคนหนึ่งโยนฝ้าให้นางนุ่งห่ม นางเข้าไปกราบถวายบังคมพระศาสดาที่พระบาท แล้ว
กราบทูลเคราะห์กรรมของนางให้ทรงทราบโดยลำดับ พระพุทธองค์ได้ตรัสพระดำรัสว่า:-
“แม่น้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ก็ยังน้อยกว่าน้ำตาของคนที่ถูกความทุกข์ความเศร้าโศก
ครอบงำ ปฏาจารา เพราะเหตุไร เธอจึงยังประมาทอยู่”
ปฏาจารา ฟังพระดำรัสนี้แล้วก็คลายความเศร้าโศกลง พระบรมศาสดา ทรงทราบว่านาง
หายจากความเศร้าโศกลงแล้ว จึงตรัสต่อไปว่า:-
“ปฎาจารา ขึ้นชื่อว่าบุตรสุดที่รัก ไม่อาจเป็นที่พึ่ง เป็นที่ต้านทานหรือเป็นที่ป้องกันแก่
ผู้ไปสู่ปรโลกได้ บุตรเหล่านั้น ถึงจะมีอยู่ก็เหมือนไม่มี ส่วนผู้รู้ทั้งหลายรักษาศีลให้บริสุทธิ์แล้ว
ควรชำระทางไปสู่พระนิพพานของตนเท่านั้น”
เมื่อจบพระธรรมเทศนา นางปฏาจาราดำรงอยู่ในโสดาปัตผล เป็นพระอริยบุคคลชั้นพระ
โสดาบันแล้ว กราบทูลขออุปสมบท พระพุทธองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงบวชเป็นภิกษุณี ไม่นานนัก
ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล
เมื่อนางปฏาจาราได้อุปสมบทแล้ว ปรากฏว่าเป็นพระเถรีผู้มีความรอบรู้ในเรื่องพระวินัย
เป็นอย่างดี อาศัยเหตุนี้ พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องเธอไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่า
ภิกษุณีทั้งหลายในฝ่าย ผู้ทรงพระวินัย

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2011, 21:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2011, 22:38
โพสต์: 15


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนา สาธุ ค่ะ ท่านพุทธฎีกา

ขอเป็นกำลังใจให้คุณสุธินาค่ะ

สู้ สู้ ค่ะ

อึด ฮึด สู้...ด้วยสติ ด้วยปัญญา

"คุณค่าของเรา...ไม่ได้อยู่ที่การมีใครมานอนเคียงข้างบนเตียงนอน"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2011, 20:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2009, 03:20
โพสต์: 48

งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: เดอะซีเคร็ต
ชื่อเล่น: สา
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกเจ็บแปล้บ แปล้ม นึกสงสารลูก ผญ ด้วยกัน
เจอสภาพนี้ มันต้องตัดสินใจแล้วค่ะ คุณอายุเท่าไหร่ค่ะ
ดิฉันว่า การอดทนมันก็ต้องมีเหตุผลน่ะ ถ้าเราขยัน หรือ อดทน
มันไม่มีอะไรมารับประกันว่า ผลลัพท์ มันจะออกมารูปแบบเดียวกันหมดน่ะ
คุณตั้งสติ วิเคราะห์หาเหตุผล ในความที่ใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้
เขา หรือ เรา ที่เป็นปัญหา เราสร้างปัญหา ให้เขา หรือ เขาโยนปัญหาให้เรา
เราสามารถเลี้ยงลูกให้ได้ โดยไม่มีเขา ต้องทำอย่างไร
ไม่รู้น่ะ ดิฉันคิดคนถ้าไม่มีใจ ยังงัยมันก็อยู่กันไม่ได้แล้ว
บางครั้งการจากกัน ยังมีความสุขมากกว่าที่อยู่กันแบบทุกข์ ๆ
และร้อยพันปัญหาในลาน ไม่เหมือนกันที่ตัวบุคคล สภาพแวดล้อม
ปัจจัยในการดำรงชีวิต ไม่มีใครแนะนำคุณได้ คุณเท่านั้นที่รู้ว่าปัญหามันคืออะไร
วันนี้ให้มองปัญหาตัวเอง อย่างผู้ที่มองปัญหาคนอื่นในลานธรรม
มองอีกมุม กลับด้านซ่ะ คุณอาจจะพอนึกออกว่า
ชีวิตที่เหลือ มันไม่ใช่แค่การรอให้เขาหยิบยื่นสิ่งที่สมควรตามหน้าที่ให้
เราต่างหากคือ ผู้เลือกที่จะมีชีวิตที่อิสระ
ดิฉันเขื่อคนขี้เกียจเท่านั้นที่จะไม่มีกิน คนที่ขยัน ประหยัด
และรู้จักใข้เครื่องมือหาเลี้ยงชีพสำหรับตนเท่านั้น ถึงจะอยู่รอด
และถ้ามีลูก แค่รอดไม่พอ ต้องมั่นคงพอให้ลูกพึ่งได้ด้วย
คุณเชื่อมั๊ยว่า ถ้าวันนี้คุณไม่สามารถพึ่งตัวเองได้
วันหน้าลูกคุณจะพึ่งใคร
ได้เวลาปฏิวัติตัวเองค่ะ ตัดสินใจซ่ะ จะทำอะไรก็ทำ ชีวิตมันเร็วมาก
ความเจ็บปวด ในชีวิต ไม่ต้องรอเวลา ไม่ต้องพยายามอะไรทั้งนั้น มันก็พร้อมจะเข้ามาหาเราเสมอ
ต่างกับความสุขทางใจ ที่เราต้องใช้สติ ใช้ธรรมะ ช่วยผ่อนคลาย ไม่งั้นเราจะเอียงไปฝั่งทุกข์
ถ้ามันเครียดมาก ก็หาที่ หาเวลาผ่อนคลายก่อน เปลี่ยนวิถึในการดำรงชีวิตบ้าง
หรือไม่ก็พาลูกไปเรียนหนังสือ คุณแม่ก็งานทำซ่ะ จะได้มีรายได้ มีเวลาข้างนอกบ้านบ้าง
ลองดูน่ะค่ะ ทั้งหมดคือข้อเสนอ สิ่งที่คุณทำคือสิ่งที่คุณเลือก โชคดีค่ะ เป็นกำลังให้เสมอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2011, 21:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2011, 20:20
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณสุธินาคะดิฉันเป็นอีกคนคะที่ขอให้กำลังใจคุณให้มีแรงสู้วิกฤติของชีวิตคู่ครั้งนี้ ดิฉันเข้าใจและรู้สึกได้ถึงความรู้สึกสูญเสียเจ็บปวดใจของคุณ สำหรับคุณสุธินาสามีคุณอาจยังไม่มีบุคคลที่สามแต่คงเป็นความเบื่อและความเห็นแก่ตัวตามวิสัยของผู้ชายส่วนใหญ่เองนะคะ ถ้าคุณอดทนและลองเจรจาโดยมีเรื่องลูกสาวเป็นสิ่งสำคัญจะดีขึ้นใหมคะ แต่ถ้าคุณคิดว่าไม่มีประโยชน์ก็คงต้องทำอย่างคุณRosarinว่าคือคุณต้องหางานทำเพื่อความมั่นคงของคุณและลูกดีกว่าที่จะรอรับจากสามีอย่างเดียวเพราะดิฉันเคยเห็นตัวอย่างมาเยอะมากที่ผู้หญิงของค่าเลี้ยงดูรายเดือนตอนแรกๆก็ให้ดีหรอกค่ะแต่ผ่านสักพักก็มีปัญหาแทบทุกรายยิ่งถ้าเขามีครอบครัวใหม่ก็ย่งไม่ได้เลยละคะเพราะฉะนั้นเราต้องหาวิธีช่วยตัวเองก่อนนะคะ ขอเอาใจช่วยให้คุณฝ่าฟันปัญหาครั้งนี้ไปให้ได้นะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2011, 15:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 14:41
โพสต์: 154

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุค่ะท่านพุทธฏีกา
คุณสุธินาคะ ค่อยๆแก้ปัญหานะคะ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ ปรึกษาผู้ใหญ่เกี่ยวกับเรื่องทำมาหากิน อาจจะขอทุนซักก้อนจากสามี ขอเพียงมีความหวัง ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้คะ เป็นกำลังใจให้ เราก็เป็นคนหนึ่งที่ผ่านปัญหาพวกนี้มาแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2011, 15:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2011, 10:52
โพสต์: 256

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มาเป็นกำลังใจให้คุณสุธินาค่ะ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก

แต่อยากเป็นอีกหนึ่งใจ ที่เอาใจช่วยให้คุณสุธินาเข้มแข็งและผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดี

:b45: :b45: :b43: :b45: :b45:

.....................................................
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร ไม่ต้อง อ้อนวอน ขอพร กะใคร ให้กวน
พรที่ ให้กัน ผันผวน เป็นเหมือน ลมหวน อวลไป อวลมา อย่าหลง
พรทำ ดีเอง มั่นคง วันคืน ยืนยง ซื่อตรง ต่อผู้ รู้ทำ
อยากรวย ด้วยพร เพียรบำ - เพ็ญบุญ กุศลนำ ให้ถูก ให้พอ ต่อตน
ทุกคน เกิดมา เป็นคน ชั่วดี มีจน เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง
ถือธรรม เชื่อกรรม ยำเยง บาปชั่ว กลัวเกรง ทำแต่ กรรมดี ทวีพรฯ

ท่านพุทธทาสภิกขุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2011, 17:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2011, 02:08
โพสต์: 45

อายุ: 0
ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว www


เป็นกำลังใจให้นะครับ :b27:

.....................................................
อย่าหลงเหยื่อ เชื่ออยาก จะยากจิต อย่าหลงติดรสเหยื่อ เชื่อตัณหา อย่าหลงนอน หลงกินสิ้นเวลา อย่าหลงว่า ชีวิตเราจะยาวนาน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 19 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร