วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 15:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 22:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุนครับสำหรับท่านผู้รู้ที่เข้ามาชี้แนวทาง ถึงแม้ผมจะยังไม่รู้สึกดีเท่าที่ควรแต่ก็พอมีกำลังใจขึ้นมาได้บ้างครับ จะลองพยายามฝึกจิตไม่ให้คิดถึง และยึดติดดูครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 22:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ต.ค. 2008, 18:57
โพสต์: 41


 ข้อมูลส่วนตัว


:b5: ามหลักธรรมชาติ ทุกอย่างเป็นอนิจจัง ความรู้สึกต่างๆของเราก็เช่นกันเดี๋ยวมันก็เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ที่หมุนไปข้างหน้าเรื่อยๆ ใจไม่สบาย เหมือนแผลเกิดขึ้น แผลลึกก็หายช้า ถ้าไม่เกิดการติดเชื้อ(หมายถึงไม่ไปขุดคุ้ย ต่อล้อต่อเถียง นินทาว่าร้ายฯลฯ เพิ่ม) แผลตื้นก็หายเร็ว เมื่อเราขอโทษแล้ว เขาไม่สนใจ ก็ต้องพิจารณาว่า เราทำเขาเจ็บมากน้อยขนาดไหน ถ้าเรื่องน้อยนิด ก็ต้องปล่อยวางอุเบกขา ถ้าเรื่องใหญ่ ทำให้เขาเสียหาย ก็ต้องหาวิธีชดใช้ ฯลฯ
ที่สำคัญ อยากบอกคุณว่าปัญหาเช่นนี้ มันจะเข้ามาในชีวิตให้คุณทุกข์ใจตลอดชีวิตก็ว่าได้ เด๊ยวเรื่องนู้น เดี๋ยวเรื่องนี้ ตราบใด ที่มนุษย์ ยังมีกิเลส ตัณหา เพราะฉะนั้น หากคุณต้องการมีทุกข์น้อย คุณต้องรีบไปฉีดวัคซีน ป้องกันโรคทุกข์ไว้ก่อน นั่นคือพยายามศึกษาและปฏิบัติธรรมะ เราโชคดี ที่เกิดมาในเมืองไทย ที่ยังมีสำนักปฏิบัติธรรมให้เลือก ตามจริตของตนมากมาย คิดว่าคุณยังอายุน้อย ถ้าสนใจ อาจารย์ที่สอนธรรมะ แนววิทยาศาสตร์คือเข้าใจง่าย โดยเฉพาะความรู้พื้นฐานที่ควรเข้าใจก่อนคือ ธรรมชาติ รูป นาม ขันธ์ 5 ลองเข้าไปดูที่www.supawangreen.in.th
หากอยากไปปฏิบัติ ที่น่าจะเหมาะกับคนหนุ่มสาว ที่เสถียรธรรมสถาน
เมื่อคุณเพียรปฏิบัติธรรมได้ระดับหนึ่ง คุณจะเห็นว่าใจ มันปล่อยวาง(อุเบกขา)ได้ง่ายขึ้น ทุกข์ก็น้อย แม้มีปัญหาสารพัด ก็ไม่รู้สึกทุกข์มาก เพราะเข้าใจถึงธรรมชาติของทุกสิ่ง ว่าไปยึดมั่นอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น มันเป็นอนิจจังทั้งหมด :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 09:41
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b16: :b16: :b16: การที่ทำผิดและยอมรับผิด แล้ว ขอโทษนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ
ในเมื่อเรายอมรับผิดและได้ขอโทษเขาไปแล้วก็หมายถึงว่าเรา ได้ทำสิ่งที่ถูกที่ควรแล้ว
ส่วนเรื่องเพื่อนของคุณถ้าเขาเข้าใจในความผิดพลาดของคน เขาคงให้อภัยคุณได้อยู่แล้ว
แต่ถ้าเขาไม่ให้อภัย คุณก็อย่าไปคิดมากเลยค่ะ คิดซะว่า คนเราสามารถ ทำผิดพลาดกันได้ทุกคน
ในเมื่อคุณ ตั้งใจที่จะรับผิดและ ขอโทษ เขาไปแล้ว ก็ถือว่าเราได้ ทำสิ่งที่ถูกต้องไปแล้วนะค่ะ

"เพื่อนที่เข้าใจตัวเราที่สุด คือ ตัว ของเราเองนะค่ะ"
:b41: :b48: :b41: :b48:

.....................................................
เห็นสิ่งใด เอามาคิด พินิจไว้

เพื่อเตือนใจ ตนเอง มิให้หลง

เห็นเขาผิด คิดแก้ตน ให้อาจอง

ใจมั่นคง น้อมมาดู รู้ภายใน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 22:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: ผมเคยทำเพื่อนโกรธครับ จนเพื่อนร้องไห้เลยมั้ง(ไม่ค่อยแน่ใจ) แล้วก็โดนญาติของเพื่อนโทรมาตักเตือน
ทั้งๆที่สิ่งที่เราทำนั้นเล็กน้อยเหลือเกิน(แต่สำหรับบางคนที่อ่อนไหวมากๆ ก็เรื่องใหญ่ครับ) ช่วงแรกที่ขอโทษไปเค้าก็ยังไม่หายโกรธครับ แต่ด้วยความที่โชคดีเหลือเกินที่มีพระธรรมของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ในหัวใจ เลยไม่ค่อยทุกข์อะไรมากมาย จนช่วงที่ไปปฏิบัติธรรม เค้าก็มาขอโทษผม แล้วก็กลับมาดีกันเหมือนเดิม เผลอๆจะดีกว่าเดิม

ผมว่าอันดับแรกเราต้องนิ่ง ไม่เอาเรื่องเพื่อนไปนินทาให้ใครฟัง
ให้อภัยทั้งต่อตนเองที่ทำผิด และผู้อื่นที่ทำให้เราไม่สบายใจ
จริงๆผมว่าเพื่อนคุณน่าสงสารนะครับ ให้อภัยทั้งต่อตนเองและผู้อื่นนะครับ
ทุกข์มีไว้กำหนดรู้ ไม่ได้มีไว้ให้จม บางเรื่องก็ต้องใช้เวลา ให้ใจเราได้ผ่อนคลายบ้าง
อย่าลืมว่าตัวเราก็เป็นมนุษย์ที่สมควรได้รับความเมตตาและการให้อภัยจากตัวเราเอง
ไม่ต้องสนใจว่าเค้าจะให้อภัยหรือหายโกรธเรามั้ย เพราะนั่นมันเป็นเรื่องของเค้า
แต่เรื่องของเราอันดับแรกคือต้องกลับมาเยียวยาหัวใจตนเองก่อน อย่าเอาอดีตมาทำร้ายหัวใจของคุณเองนะครับ :b41:

ขอให้คุณผ่านพ้นปัญหาทุกอย่างไปได้ด้วยดีนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 23:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุนสำหรับกำลังใจดีดีนะครับ และอีกอย่างหากมีเวลาผมก็อยากจะไปปฎิบัติธรรมเผื่อจะช่วยให้รู้จักชีวิตมากขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 01:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 09:41
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ ขอให้เจริญในธรรมค่ะ

.....................................................
เห็นสิ่งใด เอามาคิด พินิจไว้

เพื่อเตือนใจ ตนเอง มิให้หลง

เห็นเขาผิด คิดแก้ตน ให้อาจอง

ใจมั่นคง น้อมมาดู รู้ภายใน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 01:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2010, 08:25
โพสต์: 326


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องการธรรม เขียน:
ตัวผมเองเป็นคนคิดมากและก็มีใจที่เป็นทุกข์ แต่ผมก็ไม่รู้จะทำใจยังไงให้หายทุกข์ ขอคำแนะนำและชี้แนวทางให้ผมได้คลายทุกข์ด้วยครับ ทรมานใจเหลอเกิน

tongue เมื่อบอกว่าต้องการธรรมแล้วจะไปทุกข์ทำไมละคะ เมื่อมีธรรมอยู่กับตัวแล้วเมื่อเราขอโทษแล้วเพื่อนไม่ให้อภัยก็ช่างเขาเถอะค่ะ เราทำดีทำถูกต้องแล้ว เมื่อทำผิดแล้วขอโทษเป็นนิสัยที่ดี เมื่อเขาไม่เห็นว่าเราดีเราจะไปทุกข์ทำไมละคะ เพราะเมื่อก่อนนี้ ต้องการธรรมเกิดมาก็ไม่ได้มีเพื่อนคนนี้ใช่ไหมคะ ต้องการธรรมก็อยู่ได้ แล้วทำไมตอนนี้เราไม่มีเขาทำไมเราจะอยู่ไม่ได้ อย่าเอาใจเราไปผูกติดไว้กับใครคนใดคนหนึ่งค่ะ เราจะได้ไม่ต้องกลุ้มใจทุกข์ใจเพราะเขา ในเมื่อเขาไม่แคร์เรา ทำไมเราจะต้องแคร์เขา ไม่มีเขาเราก็ไม่ถึงกับต้องตาย ถ้าต้องตายซีเราถึงต้องกลุ้ม ต้องทุกข์ ต้องแคร์เขา แต่นี่เราไม่ตายนี่ เราจะไปทุกข์กับเรื่องเล็กน้อยทำไม จริงไหมคะ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ถูกต้องที่สุดเลยค่ะ ธรรมมะสอนให้เราเป็นตัวของเราเอง อย่าเชื่ออะไรโดยไม่มีเหตุผลค่ะ ต่อไปนะคะถ้าต้องการธรรมมีธรรมมะอยู่กับตัวมาก ๆ อาจจะไม่ต้องการเพื่อนเลยก็ได้ค่ะ เพราะวัน ๆ ก็มีความสุขกับการปฏิบัติธรรมแล้ว และถ้าจะมีก็จะเป็นเพื่อนกัลยาณมิตร ที่เขาจะไม่โกรธต้องการธรรมหรอกค่ะ เช่น ลุงป้า น้า อา พี่ ๆ ในลานธรรมนี้ไงละคะ พระพุทธเจ้าท่านตรัสให้คบบัณฑิตที่เป็นคนดี อย่าคบคนพาลค่ะ เจอเมื่อไหร่เราก็หลีกหนีให้ไกลๆเลยค่ะ ขอให้ต้องการธรรมมีความสุข และดวงตาเห็นธรรม เจริญไปด้วยปัญญาแห่งธรรมนะคะ ลานธรรมแห่งนี้ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ tongue
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44:

.....................................................
สุดปลายฟ้า... เชื่อมั่นและสัทธาในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ผู้รู้แจ้ง เห็นจริง ยึดถือพระองค์เป็นสรณะ อย่างไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 09:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุนครับสำหรับข้อคิด จะเริ่มปฎิบัติตามครับ เริ่มปลงไปวันละนิดครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 10:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2010, 21:56
โพสต์: 56

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำใจให้ไม่คิดมาก
ทำใจไม่ให้เศร้า
ทำใจไม่ให้หดหู่
ทำใจไม่ให้โกรธ

รู้ใหมมันเกิดขึ้นได้อย่างไร
รู้แล้วจะแก้ได้ไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าคิดมันจะยาก แต่ไม่ใช่ไม่คิด

นี่เป็นทางธรรม ต้องรู้ธรรม แล้วจะมีทางไป ถึงผลของธรรมนั้น

ทุกข์นี้ดี ทำไมบอกว่าดี เพราะมันทำให้เกิดปัญญา มองเห็นความจริง ความจริงที่ว่าเกิดมามีแต่กองทุกข์ ร่างกายนี้ จิตใจนี้ไม่ใช่ของเรา เรามิอาจควบคุมได้ ร่างกายก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา จิตใจเปลี่ยนไปตามเหตุตามปัจจัยที่รับเข้ามาทางอายตนะ และส่งผลออกไปทางอายตนะ โดยมีจิตใจเป็นตัวการ ตัวบงการ ตัวการใหญ่ หากเรารู้การเปลียนแปลง แปรปรวน การทำงานของจิตใจนี้ เราก็จักหาทางออกได้ เช่น หูได้ยินเสียง หูมันไม่ได้ทุกข์นะ จิตใจต่างหากที่มันทุกข์ โดยปัญญาที่ว่านี้มีในคนทุกคนอยู่แล้ว ถ้าให้ดีต้องถึงที่สุดของทุกข์ แล้วร้ายจะกลายเป็นดี

:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 12:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ ที่มีเข้ามาอีกครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 13:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


ยังไงก็ยังต้องการคำแนะนำและแนวทางดำเนินชีวิตที่ดีจากผู้รู้ทุกๆท่านอีกนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 15:12 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 12:03
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


เราก็ไม่ควรยึดติด คิดถึง หรือจมอยู่กับเรื่องเก่าๆที่ไม่ดี หรือไม่ก็พิจารณาตัวเองว่า ทุกข์เพราะอะไร ทำไมจึงทุกข์ วิธีตัดทุกข์นั้นคืออะไร ถ้ารู้แล้วใจก็จะสบายขึ้น ทุกข์น้อยลง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 17:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุนมากครับสำหับคำแนะนำดีๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 17:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


ยังไงก็ใครมีข้อคิดดีดีหรือเคยมีประสบการณ์พบเจอมาก่อน ก็ลองเข้ามาให้แนวทางกับผมดูนะครับ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 20:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


หลังจากที่มีผู้ให้คำแนะนำมาในหลายๆวิธีผมก็ลองนำไปปฎิบัติตาม ก็ดีขึ้นบ้างครับ แต่บางเวลามันก็ฟุ้งซ่าน จากที่คิดแล้วยิ้ม พอฟุ้งซ่านกับเศร้าเหมือนเดิม ผมจะต้องต่อสู้กับทุกข์ในใจอีกนานแค่ไหนหนอ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร