วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2011, 08:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีค่ะ เพื่อนสมาชิก ลองอ่านกันดูนะคะ แล้วลองคิดดูเล่น ๆ ว่าความรักของคุณเป็นแบบนี้หรือเปล่า

ความรักหรือภาวะพึ่งพิง


ทันทีที่รู้ว่าคน (ที่เรา) รักจากไปสู่ที่ชอบๆ ...คือไปอยู่กับคนที่เขาชอบมากกว่าเรา และที่ชอบของเขาเป็นที่ไม่ชอบของเรา ไม่ว่าหญิงหรือชายจะเกิดอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ จะเป็นจะตาย คำพูดที่ได้ยินอยู่เสมอจากปากของคนอกหัก หรือผิดหวังในความรัก คือ "ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา(หรือเธอ)" ฟังดูแล้วก็รู้สึกน่าเห็นใจ และออกจะเป็นห่วงผู้พูดเพราะเกรงว่าอาจจะคิดทำร้ายคนที่ตนรักและ/หรือทำร้ายตนเองเพื่อให้ตายด้วยวิธีการต่างๆ นานา เป็นการบูชาความรัก คนที่พูดคงจะลืมไปว่าก่อนที่จะพบจะมีเขาหรือเธอนั้น ตนเองก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ แล้วทำไมทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องจบลงเพียงเพราะ"ขาดเขาหรือเธอไม่ได้"

...จงอย่าเอาคำว่า "รักมากเหลือเกิน" หรือ "ถ้ารักกันแล้วเราขาดกันไม่ได้" มาลวงหลอกใจตัวเอง เพราะนี่คงจะเป็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความรักที่พบบ่อยที่สุด ความจริงแล้วคุณไม่ได้รักแฟนคุณหรอกครับ แต่เขาเรียกว่า.... “ภาวะพึ่งพิง” เพราะตราบใดที่คุณยังต้องพึ่งใครสักคนเพื่อความอยู่รอดของคุณ คุณก็ทำตัวเหมือนพยาธิ ในลำไส้ของเขา.... มันทำให้ชีวิตคุณไม่มีทางเลือกและขาดอิสรภาพ มันกลายเป็นภาวะจำเป็นมากกว่าความรัก ความรักที่แท้ต้องมีอิสรภาพ...คนสองคนจะรักกันได้ก็ต่อเมื่อเขาทั้ง สองสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามลำพังอย่างไม่เป็นทุกข์ แต่เขาทั้งสองก็เลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกันเพื่อความสุขที่มากขึ้น Dr.Scott Peck ซึ่งได้เขียนบรรยายเหตุการณ์เรื่องนี้ในหนังสือขายดิบขายดีชื่อ The Road Less Traveled ซึ่งท่านได้ให้แนวคิด เรื่อง "ภาวะพึ่งพิง" (Dependency) ไว้ด้วยความหมายว่า เป็นภาวะที่เราไม่สามารถดำเนินชีวิตโดยปราศจากการดูแลเอาใจใส่จากบุคคลอื่น ในภาวะปกติเราอาจต้องพึ่งพิงขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นในกรณีที่เราได้รับบาดเจ็บ หรือกำลังป่วย แต่หากเรามีสุขภาพร่างกายที่ดีแล้วยังต้องพึ่งพิงผู้อื่นทางจิตใจ เพื่อช่วยให้เรามีความสุข แสดงว่าสุขภาพทางจิตของเรากำลังย่ำแย่ เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ คนที่มีสุขภาพจิตดีจะให้ความรักแก่ตัวเองเป็น และดำเนินชีวิตได้โดยไม่ต้องพึ่งพิงใคร คนที่มีสุขภาพจิตดีจะรู้จักใช้เวลาที่ผ่านไปช่วยเยียวยาบาดแผลให้สมานจนหายสนิท พร้อมภูมิต้านทานทางใจที่มากขึ้น.. :b45:

คนเราอาจต้องพึ่งพาบุคคลอื่นในบางกรณี เพราะเราไม่ได้เก่งหรือทำเป็นหมดทุกอย่างนั่นเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าคุณถึงขั้น "ขาดเขาหรือเธอไม่ได้" ถึงขนาดคิดฆ่าตัวตาย ...ยิ่งแสดงว่า "แม้แต่ตัวเอง ก็ยังไม่รักแล้วจะให้ใครคนไหนมารักได้ละครับ" หลายคนคิดว่าถ้าฉันฆ่าตัวตาย จะทำให้เขาหรือเธอรู้สึกผิดกับการกระทำของเธอหรือเขาที่ทิ้งเราไป ตั้งวัตถุประสงค์ของกิจกรรมว่า "เขาหรือเธอจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต" ...คิดอย่างนี้มัก “ตายฟรี” ครับ

สำหรับผู้หญิงไทยในปัจจุบันมีการศึกษา มีการงานและความสามารถไม่แพ้เพศชาย ไม่จำเป็นต้องอาศัยเพศชายเป็นผู้นำของชีวิตเหมือนหญิงไทยสมัยโบราณ... การอยู่เป็นโสด เป็นหม้าย หรือหย่าร้าง ไม่มีผลถึงกับต้องตีอกชกหัว ตีโพยตีพายอยากจะตายเพราะชีวิตต้องไร้คู่ ผู้หญิงทั้งหลายทุกคนทั่วโลกสามารถใช้ชีวิตด้วยตนเองได้อย่างมีความสุขและภาคภูมิใจ ในเกียรติของลูกผู้หญิง และหากได้พบชายใด ที่เราเห็นว่าทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้น และดีขึ้นกว่าการอยู่คนเดียว คุณก็อยู่ในฐานะที่มีโอกาสเลือก...ไม่ใช่จำเป็นต้องเลือก หรือจำใจเลือกเขามาเป็นคู่ชีวิต ผมขอกล่าวทวนประโยคเดิมที่จิตแพทย์ Dr.Scott Peck พูดกับคนไข้ด้วยภาษาต้นฉบับ " Love is the free exercise of choice. Two people love each other only when they are quite capable of living without each other but choose to live with each other " ถอดความว่า “ความรักที่แท้ต้องมีอิสรภาพ...คนสองคนจะรักกันได้ก็ต่อเมื่อเขาทั้งสองสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามลำพังอย่างไม่เป็นทุกข์ แต่เขาทั้งสองก็เลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกันเพื่อความสุขที่มากขึ้น” หวังว่าอ่านมาจนจบแล้วคงไม่งงนะครับ ผมเชื่อว่าบทความนี้คงช่วยปลุกสติของผู้ที่ผิดหวังในความรัก และหากท่านผู้อ่านเข้าใจแล้ว..ก็คงไม่มีคนที่ได้อ่านบทความนี้ต้องคิดทำร้ายผู้อื่นและตนเองหรือถึงกับจบชีวิตลงเพราะขาดรัก……

By: พี่ชาย

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 18 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร