วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 20:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2010, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2010, 15:23
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นทุกข์กับผู้ชายคนหนึ่ง อยากให้เค้าไปให้พ้นจากชีวิตเราไม่ต้องมาจองเวรจองกรรมต่อกันอีก ถ้าทำบุญอุทิศว่วนกุศลให้เค้าได้ได้ไหม เค้ายังมีชีวิตอยู่ ถ้าทำไปแล้วเค้าจะไปจากชีวิตเราหรือไม่ ใครรู้ช่วยบอกที ทุกข์ใจเหลือเกิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2010, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


หากจะให้เขาออกไปจากชีิวิตก็คุยกับเขาเสีย อันนี้เป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ตรงและได้ผลที่สุดในขณะที่"ยังมีชีวิต"อยู่นะครับ :b1:

การทำบุญแล้วไม่บอกให้เขาทราบ แม้คุณจะอุทิศกุศลสักอสงไขยแสนมหากัปป์เขาก็ไม่ได้รับผลบุญหรอกครับ :b1: ..

การทำบุญด้วยความคิดว่า.." ข้าพเจ้าจะทำเพื่อขับไล่นายดอกรักออกไปจากชีวิต"..เช่นนี้ ผลบุญแม้ได้บ้างก็มีกำลังทรามเต็มทีครับ เพราะเป็นบุญที่ีมีกิเลสคือโทสะล้อมหน้าล้อมหลังเวลาทำ ไม่มีกำลังพอจะให้พ้นทุกข์สักเท่าไรเลย .. :b1:

อีกประการหนึ่ง...ที่ทำนั้นเป็นบุญด้านใหนครับ..

ถ้าเป็นทาน อานิสงค์คือได้ปัจจัยเครื่องใช้สอยบริโภค เรียกว่าได้โภคะมากตรงตามเจตนาที่ทำนั่นเอง..บุญแบบนี้ไม่ให้ผลเป็นเครื่องขับไล่ใครๆไปใหนครับ

ถ้าเป็นศีล ก็ย่อมมีอานิสงค์ให้มีโภคะทรัพย์ มีความสุข และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ถึงความพ้นทุกข์คือความไม่ต้องผุดเกิดอีกในที่ใหนๆ...และแม้ยังต้องเกิิดอีก อย่างต่ำสุดก็เกิดเป็นคน ไม่เป็นสัตว์ในอบาย ...บุญข้อนี้อาจจัดสรรค์ให้คนพาลห่างไกลได้เพราะความต่างกันแห่งธาตุ...ตรงนี้ทำให้จริงจังจะเห็นผลได้ทันตา..ไม่เหลือวิสัยของคนแน่นอน

ถ้าเป็นบุญคือการเจริญวิปัสสนามีผลให้กิเลสลดลงหรือหมดไปจนสามารถบรรลุนิพพานได้..

เหตุใดจึงคิดขับไล่ใครออกไปจากชีวิตเล่าครับ ถึงไม่ไล่.. ไม่เกิน๑๐๐ปีเขาก็ต้องออกจากโลกนี้อยู่แล้ว..เลี้ยงไว้เอาบุญไม่ดีกว่าหรือไรครับ.. :b1: :b47: :b48: :b41:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 10:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเล่าประสบการณ์ แต่ไม่รู้จะเหมือนกันหรือเปล่านะคะ

1. เค้าสร้างปัญหาให้เรา แต่เราเลือกได้ว่าจะทุกข์ไปกับมันหรือไม่

2. เมื่อใจเราไม่ยึดกับเค้าอีก ไม่ว่าจะทางบวก(ดึงเข้า) หรือลบ(ผลักออก)
เค้าจะค่อยๆหายไปจากชีวิตเราเอง ถึงแม้ตัวจะอยู่ใกล้กันแค่ไหนก็ตาม

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 12:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 09:54
โพสต์: 39

แนวปฏิบัติ: พุท-โธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: โก้
อายุ: 23
ที่อยู่: จ.กาญจนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องคุยกับเขาตรงๆ คับ ว่าคุนคิดอย่างไร เห็นอย่างไร บางทีเขาอาจจะเข้าใจ
ในสิ่งที่คุณทำไป จะได้ดีสำหรับสองฝ่ายคับ
แล้วผมก็ไม่ค่อยรู้ ปัญหาของท่านสักเท่าไหร่

ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะคับ

.....................................................
สักวันผมจะดีพอ.....
และจะเดินตามปณิธานที่ได้ตั้งไว้.....

ขอขอบคุณความรักที่ทำให้...พบกับความทุกข์
และขอขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้...พบกับธรรมะ
และขอขอบคุณธรรมะที่ทำให้...วันนี้ได้พบกับหาทางที่แท้จริง


ฝากบล็อกหน่อยนะครับ ลองทำเล่นๆดูนะครับ
http://madoodhumma.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2010, 15:23
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เลี้ยงเค้าเอาบุญหรอค่ะ มันก้อดีอยู่หรอก ดิฉันก้อเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ทุกวันนี้ก้อยืนด้วยลำแข้งของตัวเองมาตลอด หาเลี้ยงทั้งตัวเองและผู้ชายคนนี้ เค้าไม่ได้ทำอะไรเลย กินกับนอนให้ฉันหาเลี้ยง บางทีฉันก้อเหนื่อย ท้อแท้ ถ้ามีคู่ชีวิตก้ออยากให้เค้ามาหาเลี้ยง หรือช่วยกันหาเลี้ยง ไม่ใช่ แบกภาระอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าเป็นแบบนั้นก้ออย่ามีเลยดีกว่า อยู่คนเดียวสบายใจกว่า เป็นภาระให้คนอื่นเค้าแบบนี้ก้อไม่ดีเหมือนกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 16:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นใจจริงๆครับ กับพฤติกรรมของคนเช่นนี้ แต่อย่าว่าแต่เลี้ยงคนเช่นนี้เลย ขนาดเลี้ยงสุนัข ยังได้บุญเลย นี่เลี้ยงคนที่เกิดมาด้วยอำนาจบุญเก่าแท้ๆ บุญย่อมยิ่งใหญ่นักหนานะครับ.. :b4:

...แต่เอาเป็นว่าท่านจขกท.เหนื่อยมากแล้ว :b5: เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ทราบว่าเคยพูดกับเขาใหมครับว่า

"นี่ แน่ท่านบุรุษผู้เจริญ ข้าพเจ้ามีความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าเหลือเกิน ในการที่ต้องตรากตรำงานเพื่อเลี้ยงดูตนและท่าน บัดนี้ ท่านพึงขวนขวายในกิจกรรมอันควรเพื่อหารายได้มาเลี้ยงตนเองและข้าพเจ้าเถิด ท่านเป็นบุรุษส่วนข้าพเจ้าเป็นสตรี การที่ท่านกระทำตนเป็นภาระแก่ข้าพเจ้าย่อมเป็นเรื่องที่โลกติเตียนท่านย่อมถูกชาวโลกครหาว่าเป็นผู้มีมือเท้าดีแต่กลับทำตนราวคนง่อยเปลี้ย อาศัยกำลังแห่งหญิงอุปการะ..เื่มื่อท่านอยู่ในหมู่กลุ่มใด ท่านจะกล้ากล่าวกับใครๆด้วยข้อแก้ตัวใดได้.. ข้าพเจ้าเห็นว่า เรื่องเช่นนี้ย่อมน่าละอายยิ่งนัก..บัดนี้ ขอให้ท่านพึงลุกขึ้น ใช้มือแลเท้าที่ยังดีเป็นปรกติ พร้อมด้วยวัยอันเหมาะ ในการทำงานเพื่อหาเลี้ยงตนเถิด ท่านยังมีวัยอันสมควรแก่การงานทั้งหลาย พึงหาทรัพย์สะสมไว้ใช้ในยามแก่ เพราะเมื่อถึงตอนนั้น แม้มีมือแลเท้าอยู่ ท่านก็อาจไม่สามารถทำอะไรๆได้แม้ด้วยการชำระอุจจาระจากก้นของตนเองเลย...เพราะข้าพเจ้าจักไม่เอื้อเฟื้อบำรุงท่านด้วยทรัพย์ที่หามาได้ด้วยความยากลำบากยิ่งอีกต่อไป.. ข้าพเจ้าเองก็จำต้องเก็บสะสมทรัพย์ไว้ใช้ยามแก่เช่นกันเพราะข้าพเจ้าไม่มีที่พึ่งอย่างอื่นอีก แม้ท่านเองก็ไม่อาจเป็นที่พึ่งอะไรๆแก่ข้าพเจ้าเลย...หากปราศจากอาชีพแล้ว นอกจากท่านจะไม่เป็นที่พึ่งของตนแล้ว ก็ไม่ใช่ฐานะที่ใครๆจะพึ่งท่านได้โดยประการทั้งปวง.."

เมื่อคุณยุติการเลี้ยงดูโมฆะบุรุษนี้ด้วยการงดการให้ทรัพย์เขาจะทำอย่างไรครับ?.. :b1: ..

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 03:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ให้เท่าที่จะให้ได้....อย่าให้จนตัวเองเป็นทุกข์
ต้องทำใจว่า ยังไม่ถึงเวลาจากกัน ต่อให้ผลักไส หรือไม่เต็มใจ
อย่างไรก็ไม่ได้จาก....หากถึงเวลา ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวก็ต้อง
ถูกเหวี่ยงออกจากกันอย่างแน่นอน....เป็นกำลังใจให้นะค่ะ :b1:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 10:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้ามันหนักมาก...ก็วางมันลง
วางของหนักลงจากบ่า...เพราะแบกไว้มานาน
และไม่ไหวแล้ว...เมื่อไม่ไหว มันก็ควรทิ้งลง..
อันนี้ เป็นสภาพธรรมแท้ๆ ครับ
ไม่มีผู้ใดบุคคลใด ฝืนอยู่ได้ ทนอยู่ได้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 10:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 08:37
โพสต์: 189

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:

ต้องทำใจว่า ยังไม่ถึงเวลาจากกัน ต่อให้ผลักไส หรือไม่เต็มใจ
อย่างไรก็ไม่ได้จาก....หากถึงเวลา ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวก็ต้อง
ถูกเหวี่ยงออกจากกันอย่างแน่นอน
....เป็นกำลังใจให้นะค่ะ :b1:


ประโยคนี้โดนใจมากเลยนะคะพี่ทักทาย
เหมือนกับชีวิตตัวเองตอนนี้เลยค่ะ
แต่ระหว่างที่อยู่ด้วยกันนี่ซิคะ มันทุกข์......
พยายามทำใจยังไงๆ....มันก็ยัง....ทุกข์...
ทนแบกของหนัก หลังจะหักอยู่แล้วนะคะ
ไม่ยอมวางสิ่งของไร้ค่า...ไร้ประโยชน์...
ลงเสียที........ไม่รู้มันจะหวงไว้ทำไม

มาให้กำลังใจเจ้าของบ้านนะคะ :b48:
เป็นกำลังใจให้กันและกัน :b41: :b46:
ก้าวข้ามผ่านวันที่เลวร้ายไปด้วยกันนะคะ :b16:
ขอบอกว่า :b4: :b4: นะคะ

.....................................................
.....................................................................................................................................

อัสฺสามิกตา ปรมา ลาภา
ความไม่มีสามีเป็นลาภอันประเสริฐ
สามิกตา ปรมา ทุกฺขา
การมีสามีเป็นทุกข์อย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 15:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2010, 15:23
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้นะค่ะ น้อมรับด้วยความยินดียิ่ง ก้ออยากจะวางภาระที่มีอยู่ลง แต่มันก้อยังวางไม่ได้ทุกเรื่อง ปล่อยวางไปบ้างแล้วเป็นบางเรื่อง ขอให้บุญกุศลที่หาเงินเลี้ยงเค้า ส่งผลให้เค้าไปจากชีวิตเราในเร็ววันด้วยเถอะ บอกเค้าไปเค้าก้อไม่รู้สึก หรือไม่ทำอะไรอยู่ดี เคยบอก เคยพูดแล้ว เค้าบอกว่า จะไม่ทำอะไร จะอยู่แบบนี้ ใครจะทำไม เค้าเป็นคนอยากได้ใคร่มีเหมือนคนอื่น แต่ไม่ทำอะไรให้หาให้ให้ทำให้ ตัวเราเองที่โง่ ยอมมาตั้งแต่แรก มันก้อเลยเหมือนว่าต้องยอมไปตลอด เค้าบอกว่าถึงเค้าจะไม่ได้ทำอะไรก้อยังช่วยคิดหาวิธี หาทาง ว่าจะทำอะไร อยากขอถามทุกคนระหว่างคนคิดแต่ไม่ปฏิบัติ กับคนที่ไม่ได้คิดแต่ปฏิบัติ อะไรมันแย่กว่ากัน หรือแย่พอๆ กัน เค้าว่าเค้ามีความรู้ต่ำ แต่มีความคิดมากกว่าคนที่จบการศึกษาสูงแบบดฺิฉัน ฉันยังคิดเลยว่าที่ดิฉันโง่ก้อเพราะมีคนแบบเค้า บางทีเวลาทะเลาะกันฉันร้องไห้แต่ไม่ได้เสียใจเพราะทะเลาะกับเค้าหรอกนะค่ะ แต่ร้องเพราะสงสารตัวฉันเองที่ต้องมาเป็นแบบนี้เค้าบอกว่าไม่อยากให้มีปัญหา อยากให้อยู่ด้วยกันแบบไม่มีปัญหาแล้วทำไมเค้าไม่คิดล่ะว่าที่มันมีปัญหาอยู่แบบนี้เพราะตัวเค้าเอง ไม่ใช่เพราะคนอื่น เวลามีปัญหาเค้าจะโทษฉันตลอด อยากได้อะไรแล้วไม่ได้ดังใจ ก้อโทษแต่ฉันคนเดียว บางทีฉันโมโหมากๆ หรือโกรธมา่กๆ ฉันยังคิดที่จะฆ่าเค้าให้ตายไปเสียจะได้ไม่ต้องมาทุกข์ ทรมาน อยู่แบบนี้ แต่อีกใจก้อคิดถ้าเค้าตายฉันก้อต้องติดคุก ทำให้ พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ทุกข์ ทรมานใจไปด้วย ฉันก้อหวังว่าสักวันหนึ่งบุญกุศลที่ฉันทำไว้จะส่งผลให้เค้าไปจากฉันในเร็๋ววันอย่างที่มีคนแนะนำ ยังไม่ถึงเวลาจากกัน ต่อให้ผลักไส หรือไม่เต็มใจ อย่างไรก็ไม่ได้จาก....หากถึงเวลา ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวก็ต้อง ถูกเหวี่ยงออกจากกันอย่างแน่นอน.... ตอนนี้ฉันหมดความรู้สึกกับเค้าแล้ว ความคิดฉันเค้าเข้ามาในชีวิตฉันเอง คงมีสักวันที่เค้าไปจากชีวิตฉันเองเหมือนกัน ไม่อยากต้องให้มีเรื่อง มีราวใหญ่โต ต่อไปจะมองหน้ากันไม่ติด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 16:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะโดยมาก บุคคลย่อมไม่อาจจะละเยื่อใยแบบผิดๆของตนเองได้โดยง่าย...
เพราะ ห่วงใยในสิ่งที่ไม่น่าห่วงใย...
เพราะ ใส่ใจลึกซึ้งในเรื่องที่จะก่อทุกข์ ....

ดังนั้น แม้วิบากจะส่งผลบางอย่างมา หากแต่ในผู้ที่มีปัญญา ย่อมรู้ว่าจะต้อนรับวิบากอย่างไร
จึงรู้ว่า ในบางครั้ง การเดินหน้า การทำการใดๆ เพื่อแก้ไข เพื่อสนับสนุน..ก็คือความก้าวหน้า
จึงรู้ว่า ในบางสถานการณ์ การหยุดอยู่เฉยๆ ก็ชื่อว่า เป็นความก้าวหน้า
จึงรู้ว่า ในบางกรณี การถอยหลัง ก็ชื่อว่า เป็นความก้าวหน้า

ทั้งหมดเป็นไปเพื่อประโยชน์ หรือมิใช่ประโยชน์ เป็นไปเพื่อความสุขสงบ หรือความทุกข์เร่าร้อน ตรงนั้น เขาย่อมพิจารณา
ปัญญาเกิดในกุศลจิต ย่อมเป็นบุญอย่างใหม่ที่แข็งแรง ย่อมละเหตุแห่งความทุกข์เดือดร้อนเป็นอันมาก อันไม่ควรจะเกิด
หากแต่ในบุคคลผู้ไม่แยบคาย ย่อมไม่อาจจะมองเห็นความทุกข์ที่จะติดตามมาได้ หรือทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเดือดร้อนเป็นทุกข์แท้ๆ แต่ก็ไม่ทำอะไร

ที่ไม่ทำอะไร ก็หาได้เกี่ยวกับว่า เขาเป็นคนชอบความทุกข์นั้นหรอก..
แต่เป็นเพราะว่า ในสถานการณ์นั้นๆ เขาไม่อาจจะละเยื่อใยผิดๆที่มัดจิตใจของเขาไว้จนดิ้นไม่หลุดนั่นเอง... ยอมเจ็บปวด ยอมตกนรกทั้งเป็นก็มี
ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่วิบาก...... แต่เป็นกรรมใหม่ ที่เป็นไปกับกิเลสอันเป็นไปเพื่อทุกข์ โทษ ภัย...
หรือเป็นไปกับปัญญา ที่จะนำพาตนเองให้ประสบสุขอย่างแท้จริงเท่านั้นเอง..

ต้องแยกส่วนให้ออกมิฉะนั้น เอะอะอะไรๆ พวกเราก็จะโทษเวรโทษกรรม โทษวิบากกันร่ำไป แต่ไม่ได้พิจารณาถึงเหตุผลความจริงในปัจจุบัน

พิจารณาเห็นเหตุผลแล้ว ตัดสินใจทำตามที่ควร ย่อมได้รับความสุขสบายใจในการกระทำนั้นๆต่อไป..

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 17:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อควรพิจารณาสำหรับบุคคลทั่วไป..

อันความกรุณา ต่อผู้อื่นนั้น ท่านแสดงไว้ว่า ต้องพิจารณาด้วยปัญญาอย่างมากทีเดียว
เพราะบางครั้งการช่วยก็ชื่อว่าทำลาย
บางครั้งการไม่ช่วยก็ชื่อว่าทำลาย
หรือบางครั้งการช่วยก็คือการช่วย
แต่บางครั้ง การไม่ช่วย ก็คือ การช่วย


ถามว่า ข้อเหล่านั้นเป็นไฉน?

การช่วยชื่อว่า ทำลายก็ได้แก่ ..ในบุคคลผู้เป็นญาติสาโลหิตก็ดี หรือญาติคุ้นเคยรู้จักรักใคร่ชอบพอกันก็ดี เดือดร้อน เราก็ย่อมเต็มใจช่วย...หากเป็นไปครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าหากเราไม่พิจารณา การช่วยนั้น อาจจะได้ชื่อว่า ทำลาย เพราะเหตุที่ว่า ไปสนับสนุนให้เขาเป็นคนเกียจคร้าน เคยตัว ใจง่ายต่ออารมณ์ที่ยั่วยุ ใช้เงินเกินตัว หรือแม้แต่ ทำตัวใหญ่โดยสำคัญว่า ไม่มีวันอับจนเพราะขอเรากี่ครั้งๆก็ย่อมได้
ในบุคคลที่มีอัธยาศัยอย่างนี้ เราจำเป็นต้องเรียนรู้ด้วยว่า การช่วยของเราหลายๆครั้งนั้น ชื่อว่า การช่วยหรือการทำลาย..เพราะหากเป็นคนพาล เราย่อมมีส่วนในการทำลาย คือ ทำลายความดีของเขามีความรับผิดชอบ ความขยัน ความเป็นคนคิดเป็น รับผิดชอบเป็นให้ไม่เกิดได้เลย...อย่างนี้ การช่วย บางครั้งก็ชื่อว่าทำลาย
เพราะการที่เราจะช่วยใคร ย่อมต้องพิจารณาประโยชน์ คือการแก้ทุกข์ของเขาขณะนั้น และต้องพิจารณาแล้วว่า ความขัดข้องทั้งหลาย เพราะอาศัยการช่วยของเราแล้ว ย่อมยังความขยันของเขาให้สำเร็จผล ย่อมพาประโยชน์มาสู่เขาเป็นแน่..การช่วยด้วยกรุณา จึงเป็นเรื่องที่ต้องแยบคาย

การช่วยคนอื่นย่อมเหมือนคนที่กำลังฉุดผู้อื่นให้พ้นจากหลุมโคลน...บ่อนั้นหนักและเหนื่อย หากอาศัยเพียงแรงของผู้ช่วยเพียงฝ่ายเดียว โดยผู้ที่อยู่ในบ่อนั้นทอดหุ่ย ปล่อยภาระทั้งคือน้ำหนักตัวให้คนที่ช่วยเข็ญขึ้นจากบ่อ อย่างนี้ ย่อมเกิดโทษ เพราะคนที่ถูกช่วยไม่คิดแม้แต่จะช่วยตนเอง หรือไม่แยบคายที่จะช่วยตนเองหลังเราฉุดขึ้นมาแล้ว พาตนไถลลงบ่อครั้งแล้วครั้งเล่า การช่วยอย่างนี้ ชื่อว่าทำลาย...ท้ายที่สุด แม้แต่ตัวผู้ช่วยกำลังไม่พอ อ่อนล้าแล้ว ย่อมพาตนไถลลงไปสู่บ่อโคลนนั้น เดือดร้อนทั้งหมดก็เป็นได้ ..

อีกอย่างหนึ่ง คือ การไม่ช่วย บางครั้งก็ชื่อว่า ทำลาย..ได้แก่ การที่เราพบญาติหรือคนที่เกี่ยวข้องเดือดร้อน ทั้งๆที่เขาเป็นคนดี มีความขยันหมั่นเพียร แต่ติดภาระที่ก้าวผ่านไม่ได้ ครั้นพอมาขอความช่วยเหลือจากเรา ..เพราะความตระหนี่ คับแคบและหวงแหน เราก็ไม่คิดจะช่วยเลย.... เพราะเราตระหนี่
เมื่อเป็นอย่างนี้ ประโยชน์ที่จะเกิดแก่ผู้เดือดร้อนก็ไม่มี เสียหายเพราะเหมือนขาดอากาศหายใจชั่วขณะ อาจจะเสียหายมาก และที่สำคัญ ความดีของเราก็ไม่เกิด เกิดแต่กิเลสขวางความดีเสียหมด..จึงชื่อว่า การไม่ช่วย บางครั้งก็ชื่อว่า ทำลาย..คือ ทำลายโอกาสความดีที่จะเกิดในตนและทำลายโอกาสท่านคือผู้ที่เดือดร้อนที่เป็นคนดีนั้นด้วย
มีอีกอย่างหนึ่ง คือ การช่วยก็คือ การช่วย..เพราะเป็นบุคคลผู้มีปัญญา พิจารณากำลังของตนในการช่วยเหลือ ไม่เป็นไปเพื่อความเดือดร้อนจนเกินไปนัก ทำแล้วตนเองไม่เดือดร้อนในเวลาต่อมา..ประกอบด้วยเมตตา และในบุคคลที่ตนช่วยก็พิจารณาแล้วว่า เป็นคนดี น่าเชื่อถือ น่าช่วยเหลือ แต่เพราะอุปสรรคเกิดแล้วแก่เขาคราวนี้ ย่อมสวัสดีได้เพราะอาศัยความช่วยเหลือของเรา พวกเขาจะเดิน และวิ่งต่อไปอย่างแข็งแรง เขาย่อมไม่เป็นคนไร้สัจจะ ย่อมเป็นมิตรดี เป็นญาติดีแน่นอน อย่างนี้จึงช่วย และช่วยแล้ว พวกเขาก็สะดวกขึ้น ผ่านวิกฤติไปได้ ขวนขวายขยันการงานต่อไป ไม่ก่อความเดือดร้อนเนืองๆ...อย่างนี้ ชื่อว่า การช่วยก็เป็นการช่วย

หรือแม้แต่เป็นญาติเป็นคนพาลก็ตาม ในฐานะญาติเขาก็จำเป็นต้องช่วยในครั้งแรกๆ แม้เป็นคนพาล.... ให้ความช่วยเหลือแล้วก็แนะนำตักเตือน แล้วกำชับว่า ในครั้งต่อไป อาจจะช่วยไม่ได้ เธอจงขวนขวายนำโอกาสนี้ ไปช่วยตนเองให้ถูกต้องต่อไป..
เพราะอาศัยญาตินั้นเป็นคนพาล ย่อมไม่เห็นประโยชน์ที่แท้จริง ทำลายแล้วซึ่งสัจจะ และเป็นคนเสียนิสัย เคยตัว และไม่เห็นใจผู้ช่วยเหลือ ต่างกลับมาอ้อนวอนขอร้องผู้ช่วยนั้นต่อไปเนืองๆ..
การช่วยครั้งแรกก็ชื่อว่าเป็นการช่วย คือ ช่วยให้ความกังวลใจในฐานะญาติให้หมดไป มิฉะนั้น ตนเองก็เดือดร้อนใจเพราะไม่ได้ช่วยเขา เห็นญาติเดือดร้อนก็ไม่ช่วยทั้งๆที่สามารถทำได้โดยไม่เดือดร้อน..ในยามที่ญาติเกเรผู้นั้น ไม่รักษาสัจจะ เบี้ยวไป ทำทีหลงลืม ทำเป็นไม่กล่าวถึง.. บุคคลผู้มีปัญญา ย่อมเห็นเรื่องราวแต่แรกแล้วว่า โอกาสที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ ย่อมมีอยู่ในนิสัยของญาติผู้นี้ แต่ก็ตัดสินใจให้ ให้เพื่อรักษาจิตใจให้ตนเอง และกำจัดทุกข์ของญาติของเขาไปในคราวนั้น ... แม้ถูกเบี้ยวก็ไม่เสียใจขัดเคือง เนื่องจากเตรียมใจไว้แต่แรก และก็ยื่นความช่วยเหลือโดยตนเองไม่เดือดร้อน และไม่หวังอะไรจากคนเกเร ...และข้อสำคัญ เพราะโอกาสต่อไป นี้จะเป็นการดีที่จะมีโอกาสปฏิเสธญาติเกเรในคราวต่อไป หากมีการขอร้องจากคนเกเรอีก ...
อย่างนี้ การช่วยครั้งแรกนั้น เป็นการช่วย
และการปฏิเสธในครั้งหลัง คือ การไม่ช่วย ก็เป็นการช่วย
คือ ช่วยทั้งตนเอง และช่วยให้คนเกเรไม่ล้ำเส้นมากเกินไปโดยบอกกล่าวกันไว้ก่อน
ดังนั้น วิสัยผู้มีปัญญาย่อมกระทำ สองอย่าง คือ แม้จะช่วย หรือแม้จะไม่ช่วยก็ถือเป็นการช่วย


:b47: :b48: :b47:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 22:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
ขอให้บุญกุศลที่หาเงินเลี้ยงเค้า ส่งผลให้เค้าไปจากชีวิตเราในเร็ววันด้วยเถอะ


ในเมื่อขณะนี้..ยังไม่ถึงเวลาที่จะไปจากกัน
อย่างไรเสีย..เราก็ต้องเลี้ยงดูเขา....หากทำด้วยความไม่เต็มใจ
มีแต่ความขุ่นข้องหมองใจ....กุศลอันที่กระทำไปนี้ก็จะเจือปน
ด้วยความเศร้าหมอง ให้ผลได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งยังจะเป็นเครื่อง
ยึดเหนี่ยวให้ต้องพัวพันกันอย่างไม่สิ้นสุด

สู้หันกลับมาพิจารณาใหม่ว่า....เราได้มีโอกาสทำบุญ เมตตา
อาทร ผู้ที่ด้อยกว่า....อนุโมทนาทุกครั้งที่เห็นเขามีความสุข
สิ่งที่เราทำไปด้วยความเต็มใจ...ย่อมเป็นกุศลกว่า บุญกุศลเหล่านี้
จะผลักไสความอัปมงคล คนพาลให้ห่างไกลจากเราได้เอง....

ที่แน่ๆ อานิสงส์ที่ได้รับทันที....ก็คือใจเราเป็นสุข อิ่มเอิบ
จากการให้แทนที่จะเป็นทุกข์ด้วยความขัดข้องเช่นทุกวันนี้....

จะเต็มใจหรือไม่ ก็ต้องเลี้ยงดูเขาอยู่ดี...ในเมื่อเคยออกปากไล่แล้ว
เคยคุยกันแล้ว...เขาก็ยังทำตัวเป็นปลิงอยู่อย่างนี้ เราก็ต้องหัน
มาแก้ที่ตัวเราเองดีกว่า....อนุโมทนาทุกครั้งที่ให้เขา ดีกว่าจะ
ขึ้งเคียด โกรธแค้น จะทำให้ผูกพันกันต่อไป ไม่จบสิ้นเสียที

ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะคงอยู่ตลอดไป
ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา..... :b4: :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2010, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2010, 07:21
โพสต์: 65

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากให้ใครพ้นจากชีวิต ก็ทำบุญแผ่เมตตา และอธิษฐานจิต ทุกครั้งว่า ขอให้บุญกรรมที่ผูกพันกัน จงหมดสิ้น ณ ภพปัจจุบัน
กรรมใดๆก็ตามขอให้เป็นอโหสิกรรมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ลองสังเกตใจตัวเอง ว่ากล้าเปล่งคำขอตัดขาดหรือไม่ ถ้าไม่กล้า แสดงว่าใจยังผูกพันกับเขาอยู่ ถ้ากล้าเปล่งเสียงออกมา แสดงว่า ใจคุณค่อยๆคลายลงแล้ว
ใจที่ค่อยๆปล่อยวาง จะทำให้ห่างจากเขาได้
ส่วนใจเขา ตัวเขาจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของเขา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 21 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร