วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 00:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 12:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2010, 11:50
โพสต์: 283

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าชีวิตนี้เป็นคนไร้คู่จริงๆ ถือว่าเราเป็นคนบาปหรือผิดปกติหรือเปล่าคะ และจะต้องปฏิบัติตัวต่อชีวิตที่ต้องอยู่คนเดียวอย่างไรคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 141


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่าน ว.วชิรเมธี เคยเทศน์เอาไว้ว่าสิ่งที่เป็นคู่คือความทุกข์ พระพุทธเจ้าออกบวชเพียงพระองค์เดียวตัดทุกอย่างเพื่อหนีจากทุกข์

สักวันหนึ่งถ้าคุณน้ำทำใจได้จะรู้ว่าการอยู่คนเดียวมีอิสระและสามารถมีความสุขได้จากความสงบ ตอนเกิดมาเราไม่ได้เอาใครมาด้วย เวลาไปก็ต้องไปคนเดียว ทำจิตใจให้ผ่องใส เบิกบาน แล้วจะรู้ว่าโลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายรอให้เราเรียนรู้ เป็นอีกคนหนึ่งนะคะที่ทุกวันนี้เลือกที่จะอยู่คนเดียวและไม่เคยคิดว่าเป็นบาป เพราะที่นี้ยังมีเพื่อนและกัลยาณมิตรอีกหลายท่านคอยเป็นกำลังใจค่ะ
:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 14:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ถ้าชีวิตนี้เป็นคนไร้คู่จริงๆ ถือว่าเราเป็นคนบาปหรือผิดปกติหรือเปล่าคะ


คนไร้คู่ไม่เป็นบุญหรือบาป แต่เป็นจากผลบุญหรือบาปที่เคยทำมา

คนบางคนเคยทำบาปมีการพรากของรักของผู้อื่นมา หรือแย่งคู่คนอื่นมา ก็เข้าถึงความเป็นผู้ไร้คู่ ย่อมมีอาการทุรนทุรายเศร้าสลดหดหู่ หาความรื่นรมย์ใจมิได้ เดือดร้อนกับสภาพการไร้คู่เสมือนคนผู้อดอยาก ย่อมหิวโหยหาการมีคู่ไม่หยุดหย่อน นี้ย่อมเป็นไปตามอำนาจกรรมที่ตนเคยเบียดเบียนคนอื่นมาในคราก่อนนั่นเอง... :b20: :b2: :b5: :b7: cry s007 s002 Onion_R

บางคนมีจิตนิยมชมชื่นในการเป็นผู้ไร้คู่ เพราะอาจเคยทุกข์ในเรื่องนี้มา..หรือได้มีโอกาสสดับพระธรรม เกิดปัญญาเห็นความจริงว่าการได้"ขันธ์"ทั้งหลายเป็นทุกข์..หรือมีจิตคิดประพฤติพรหมจรรย์ ปรารภเนกขัมมะวิตกอยู่เป็นเอนก จึงเมื่อทำกุศลก็ตั้งอธิษฐาน ขึ้นห้ามปรามตนจากการมีคู่ ขออยู่คนเดียว..เขาเหล่านี้ก็มิได้สนใจใฝ่หาคู่แต่อย่างใด แม้มีโอกาสก็ยังปฏิเสธ หรือหนีให้ห่างไกลไป..ความรู้สึกที่มีคือ "การไม่มีคู่เป็นลาภอันประเสริฐ".. :b4: ย่อมมีจิตเบาสบาย โล่งโปร่งหามีความดิ้นรนกระสับกระส่ายเกรงกลัวภัยแห่ง"คาน" ไม่... :b4: cheesy s003 Lips :b39: :b38: :b36: ..

นี่คือความแตกต่างของคนไร้คู่...

อ้างคำพูด:
ต้องปฏิบัติตัวต่อชีวิตที่ต้องอยู่คนเดียวอย่างไรคะ


การเตรียมที่สำคัญมี๒อย่าง...

๑. หาทรัพย์ไว้เลี้ยงตัวตอนแก่
๒. หาธรรมะไว้เลี้ยงใจตลอดกาล


ข้อที่จำเป็นและสำคัญยิ่งกว่าอื่นใดคือการหาธรรมะที่ถูกต้อง ไม่ใช่ธรรมะหลอกลวงประเภทใช้เงินซื้อสวรรคนิพพาน หรือธรรมะที่สอนให้ทำบุญด้วยเงินอย่างเดียว แต่เป็นธรรมะที่เป็นปัจจัยแก่ปัญญา รู้ว่าเรามาจากไหนเกิดได้อย่างไรทำอะไรแล้วได้อะไร อะไรคือบุญบาป ประเภทที่สอนว่าทำผิดศีลแต่ไม่บาป ก็ยังมาโผล่ในเว็บนี้เลย ต้องระวังตกไปเป็นเหยื่อ"พาลมิตร"เช่นว่านี้ด้วย..(so many traps!) :b7: :b7: ..ถ้าบุญเก่าไม่ดีก็ง่ายที่จะหลงงมงายไปกับธรรมะผิดๆได้จึงพึงตั้งอธิษฐานให้ได้พบธรรมะที่ถูกต้องเท่านั้นและขอให้มีปัญญาคุ้มครองตนได้ในทุกเรื่อง..

เมื่อได้ธรระเป็นฐาน จิตใจย่อมได้เกราะที่พึ่ง ปัญญาย่อมเตือนตนนั่นแหละว่า บัดนี้ ที่พึ่งอื่นใดของเราไม่มี เราจะขอมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดไป ปัญญาอีกนั่นเเหละจะกระตุ้นตนว่า บัดนี้เราจะพึงยัง ความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ด้วยการประพฤติศีล๕อย่างมั่นคง และเมื่อปัญญาเพิ่มขึ้นย่อมเห็นว่าการเจริญภาวนามีวิปัสสนาย่อมเป็นทางพ้นทุกข์..ก็ย่อมเข้าหากัลยาณมิตรเพื่อทราบวิธีการอันถูกต้องเหมาะสมที่จะเจริญภาวนาได้อย่างมีผลต่อไป..

การมีจิตใจที่มีปัญญาเช่นนี้ย่อมเหมือนมีมิตรแท้ในตน ไม่ต้องดิ้นรนตระเวณไปหาเพื่อนที่ไหนๆอีก นี่คือข้อที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญยิ่งนักว่า"จงมีตนเป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย" คนที่มีตนเป็นที่พึ่งเท่านั้นที่สามารถอยู่ได้คนเดียวอย่างแท้จริง...นี่ย่อมเป็นอุปการะอย่างยิ่งแก่ตนจนถึงวาระสุดท้ายของภพ และต่อเนื่องไปในภพหน้าอีก.. เพราะเวลาที่ต้องตายนั้น ตนเท่านั้นอยู่คนเดียว แม้มีคนรายล้อมเป็นหมื่น ก็ไม่มีใครสามารถเป็นเพื่อนใครได้จริง แม้เขาอาจส่งเสียงตะโกนเรียกชื่อเราเพื่อให้หายใจต่อ แต่เวลานั้นมัจจุราชคือความตายเท่านั้นที่อยู่กับเรา ..[color=#FF0000]ไม่มีใครเลย
...ไม่มีใครเลย .. จริงๆ.. :b54: :b49: :b44:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 16:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เกิดมาแบบเดี่ยวๆ คนเดียว แรกเกิด(จิตยัง สะอาดบริสุทธิ์ไร้กิเลส)
ชีวิตเติบโตเป็นวัยรุ่น เป็นหนุ่ม สาว( จิตรับอารมณ์ มาปรุงแต่งตัวเอง เริ่มมีกิเลส)
พบชีวิตคู่ อยู่ครองเรือน ( จิตทนทุกข์ ยึดมั่นถือมั่น ตัวเราของเรา ไม่อยากให้ใครมาพรากสมบัติ)
สุดท้ายก็เหลือเดี่ยวๆ คนเดียว (เพราะไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน จิตเริ่มฉลาด กลับสู่สภาพเดิม ไม่ยอมให้อะไรมาปรุงแต่งอีกต่อไป..เพราะมันมีเชื้อแห่งปัญญาอยู่)
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 13:59
โพสต์: 50

อายุ: 0
ที่อยู่: ท่องไปดุจ..นอแรด

 ข้อมูลส่วนตัว


บางคนมีจิตนิยมชมชื่นในการเป็นผู้ไร้คู่ เพราะอาจเคยทุกข์ในเรื่องนี้มา..หรือได้มีโอกาสสดับพระธรรม เกิดปัญญาเห็นความจริงว่าการได้"ขันธ์"ทั้งหลายเป็นทุกข์..หรือมีจิตคิดประพฤติพรหมจรรย์ ปรารภเนกขัมมะวิตกอยู่เป็นเอนก จึงเมื่อทำกุศลก็ตั้งอธิษฐาน ขึ้นห้ามปรามตนจากการมีคู่ ขออยู่คนเดียว..เขาเหล่านี้ก็มิได้สนใจใฝ่หาคู่แต่อย่างใด แม้มีโอกาสก็ยังปฏิเสธ หรือหนีให้ห่างไกลไป..ความรู้สึกที่มีคือ "การไม่มีคู่เป็นลาภอันประเสริฐ".. :b4: ย่อมมีจิตเบาสบาย โล่งโปร่งหามีความดิ้นรนกระสับกระส่ายเกรงกลัวภัยแห่ง"คาน" ไม่... :b4: cheesy s003 Lips :b39: :b38: :b36: ..

.....สะเทือนใจ!!!!!...

...อนุโมทนา..สาธุธรรม..

.....................................................
"..หลักของพระพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่การพูดกันเฉย ๆ
หรือด้วยการเดา..หรือการคิดเอาเอง
หลักของพระพุทธศาสนาที่แท้จริงคือ
การรู้เท่าทันความจริงตามความเป็นจริงนั่นเอง
ถ้ารู้เท่าทันตามความเป็นจริงนี้แล้ว
การสอนก็ไม่จำเป็น..แต่ถ้าไม่รู้ถึงความเป็นจริงอันนี้
แม้จะฟังคำสอนเท่าใด ก็เหมือนกับไม่ได้ฟัง!!!"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 17:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่เดี่ยว
January 25, 2010 in what i like | Tags: สัจธรรม


พระภิกษุรูปหนึ่ง เดินจงกรมอยู่รูปเดียว ไกลลิบๆ เป็นหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เดินตระกองกอดกันอยู่
สาวเห็นพระจึงชี้ชวนหนุ่มดู แล้วพูดว่า “ดูสิ น่าสงสารนะ พระท่านต้องอยู่รูปเดียว ไม่มีเพื่อน ไม่เหมือนเราสองคน ที่มีกันและกัน”
พระรูปนั้น ได้ยินอยู่ลิบๆ จึงกล่าวกับตัวเองว่า “เฮ้ออ ไม่รู้ใครกันแน่ที่น่าสงสารกว่า ฉันอยู่คนเดียวฉันก็มีความสุขได้ แต่สาวหนุ่มคู่นั้นสิ ต้องมีกันและกันถึงจะมีความสุข ถ้าจากกันไปสักคนก็ต้องมานั่งทุกข์อยู่ดี”

เรื่องของ หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต วัดร่มโพธิธรรม จ.เลย

ที่มาhttp://wswt.wordpress.com/2010/01/25/%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%a7/#respond


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 18:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีคู่บาปไหม ตอบคือว่าไม่บาป
ขอชี้แจง ตามกำลังสติปัญญาในเรื่องนี้นะครับ ไม่รู้จะโดนใจ ตัดใจได้บ้างไหมกับกังวลกับการเป็นการอยู่ของเรา จนกลัวนั้น กลัวนี้ ขึ้นมา กลัวจะไม่มีใครดูแลตอนแก่เฒ่า กลัวอยู่คนเดียว เป็นต้น ซึ่งในความเป็นจริงคนจะมีคู่ หรือไม่มีคู่ก็อยู่กันจนถึงวันตายทุกคน และเกิด จน โต ก็มา อยู่คนเดียวแต่อ้อนแต่ออดอยู่แล้ว
ส่วน ข้อที่ว่าบาปไหม ในข้อก็คลายเสีย ทำความเข้าใจใหม่ ว่าบาป หมายถึงอย่างไร มีเนื้อคืออย่างไร บาป คือความเศร้าหมอง ทุกข์ยาก ลำบาก ที่เกิดจากการกระทำ เบียดเบียนสรรพชีวิต ข้าวของเงินทองของคนอื่น และตัวเอง แต่ที่ไม่มีคู่หรืออยู่คนเดียวไม่จัดว่าเป็นการเบียดเบียนตนเอง แต่เป็นการสันโดษ เป็นการวิเวกไปในตัวด้วยซ้ำไป และหากมองในเรื่องกรรม กลไกธรรมชาติในเรื่องนี้ ก็แบ่งออกไปได้ใน 2ทาง คือเรื่องกรรม และ วาสนา
1 เรื่องกรรม คือกรรมในทางที่ไม่ค่อยดีเกิด หรือเคยกระทำมาในกาลก่อนไม่ว่าภพหนึ่งภพใด เคยไปเบียดเบียน แยกคู่ คนอื่น จะด้วยวิธีการใดก็ตาม ผลจากกรรมลักษณะดั้งกล่าวจึงยังผลให้ปัจจุบัน ไม่มีคู่ หรืออาภัพในเรื่องนี้ไปโดยปริยาย จะเห็นในคนเป็นหม้าย หรือครองโสดเป็นต้น
2 เรื่องวาสนา คือกรรมในทางที่ดีงามที่เคยเกิด หรือเคยกระทำมาในกาลก่อน ไม่ว่าภพหนึ่งภพ เคยได้ปรารถนา อธิฐานจิต เคยเป็นผู้เห็นทุกข์ในการครองเรือน เบื่อ มาก่อน ดำริที่จะไม่มีคู่ครอง ด้วยกรรมลักษณะดั้งกล่าวจึงยังผลให้ปัจจุบัน ไม่มีคู่ เช่นกัน จะเห็นในรูปแบบนักบวชทั้งหลาย ผู้บำเพ็ญเป็นต้น
ฉะนั้นในเรื่องนี้ที่ถามว่าไม่มีคู่จะบาปไหมก็เตะทิ้งข้างคลองไปเลย มีแต่ว่าจะมีคู่ หรือ ไม่มีคู่ อย่างไรจึงจะไม่ทุกข์กับมันในเรื่องนี้ ไม่เป็นปลิโพธ ความห่วงกังวล ให้พลอยกินไม่ได้นอนไม่หลับ อะไรประมาณนั้น ก็ควรที่จะมีบทสรุป ที่ตัดใจ ปลงใจ คือ ก็ช่าง หรือช่างมันไปเลย จะมีคู่ก็ช่างมัน ไม่มีคู่ก็ช่างมัน เป็นอยู่ทุกวันนี้มันดีอยู่แล้ว ให้หมดความแตกต่างระหว่าง มีกับไม่มีไปเลย เตือนใจบ่อยๆไปครับสั้นๆ ช่างมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากคิดว่าเป็นบุญก็เป็นบุญ มองในเป็นอิสระ จะไปไหนก็เสรี ไร้ลูกกวนตัวไร้ผัวกวนใจ


แต่คิดว่าเป็นบาปก็เป็นบาป เพราะคิดแต่ในแง่ลบ ยิ่งเห็นเพื่อนๆ หรือใครอื่นมีครอบครัวมีลูก ก็คิดว่าตนเอง

ทำไมอาภัพอย่างนี้ ฯลฯ คิดไปคิดมา นั่นแหละบาปแล้ว


หลวงปู่ หลวงพ่อบวชตั้งแต่เณรจนมรณะภาพ มิเป็นบาปกันหมดหรือลูกเมียก็ไม่มี :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 20:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




985658hgu7yqfuh6.gif
985658hgu7yqfuh6.gif [ 292.05 KiB | เปิดดู 9053 ครั้ง ]
ซำบายดีที่คานทอง :b1:

http://music.postjung.com/206610.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2010, 17:20
โพสต์: 29

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้ามีคู่แล้วต้องทุกข์มากหรือเจอคู่ไม่ดีไม่มีดีกว่านะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 21:56
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำตัวน่ารักไปวัน ๆ
สิ่งที่ชื่นชอบ: คู่มือสะกดใจคน - เดวิด เจ.ไลเบอร์แมน
ชื่อเล่น: นุช
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


cool สวัสดีคร๊า

ไม่เห็นจะผิดปรกติตรงไหนเลยค่ะ อยู่คนเดียวก็สบาย ๆ ดี นะ อาจจะเหงาบ้างก็หาอย่างอื่นทำ ..
มีอะไรให้ทำตั้งเยอะตั้งแยะ ถ้ามีคู่แล้วต้องแยกจากกันโดยที่ยังปล่อยวางไม่ได้ ก็จะเกิดทุกข์นานานับประการรออยู่ข้างหน้า ....แต่อย่างว่า คนมีคู่ไม่รู้หรอก ...

ตอนนี้ไม่อยากมีคู่เร้ยยยยแต่ใคร ๆ ก็อยากจะมาเป็นคู่ของเรา ทำไงดีน๊า อยากเกาะคานไปนาน ๆ 5555+ เผอิญยังรักความอิสระอยู่ คริ คริ เอาหน่า สบาย ๆ นะคะ มองมุมดี ๆ เดี๋ยวก็ดีเอง....




เนื้อคู่ ฉันยังไม่เกิดสักที และดูเหมือนยังไม่มีวี่แววจะพบเจอ
ไม่รู้ว่าต้องนานเท่าไหร่ กว่าฉันนั้นจะได้เจอะเจอกับเธอ คนที่ฉันรอ

เฝ้ารอทุกคืนทุกวัน มาหลายปี ถามใครที่มีวิธีเผื่อเราจะพบใคร
สักคนที่เป็นเหมือนเรา ที่เหงาหัวใจไม่ต่างกับฉัน แต่มันจะมีสักคนไหม

ก็ได้แต่ฝันไป ไม่กลายเป็นจริงสักที
ก็ได้แต่รอทั้งปี และฉันต้องเหงาอย่างนี้ถึงเมื่อไร

อยากมีคนรัก คนมีรักมันเป็นแบบไหน คนอย่างฉันมันยังไม่เคยเข้าใจ
บอกก็คงไม่รู้ ดีแค่ไหนก็คงไม่รู้ คงต้องหาซักคนมาเป็นเนื้อคู่
อยากมีคนรัก คนคนนั้นเค้าอยู่ที่ไหน คนอย่างฉันต้องรออีกนานเท่าไหร่
กว่าจะเจอ คนที่ฝัน คนที่มาเติมให้ใจของฉันมันเต็มสักที

ถึงคราวเมื่อลมหนาวมา กลับร้อนใจ
เห็นใครเค้าเดินคู่กันยิ่งทำให้ร้อนรน
กี่หนาวที่ฉันต้องทน กี่ฝนที่ฉันต้องผิดหวัง กับการรอใครจะมารัก

ก็ได้แต่ฝันไป ไม่กลายเป็นจริงสักที
ก็ได้แต่รอทั้งปี และฉันต้องเหงาอย่างนี้ถึงเมื่อไร

.....................................................
กฏเหล็กข้อแรกสุด ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 22:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้ามีแล้วจะรู้ ว่าพระท่านสอนถูก


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 23 พ.ค. 2010, 22:03, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 13:59
โพสต์: 50

อายุ: 0
ที่อยู่: ท่องไปดุจ..นอแรด

 ข้อมูลส่วนตัว


...เราไม่ไปจากเขา..
..เขาก็ต้องไปจากเรา..
.. ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง..
...เพราะเราจักต้องพลัดพรากจากของรักของเจริญใจทั้งสิ้นไป..

.....................................................
"..หลักของพระพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่การพูดกันเฉย ๆ
หรือด้วยการเดา..หรือการคิดเอาเอง
หลักของพระพุทธศาสนาที่แท้จริงคือ
การรู้เท่าทันความจริงตามความเป็นจริงนั่นเอง
ถ้ารู้เท่าทันตามความเป็นจริงนี้แล้ว
การสอนก็ไม่จำเป็น..แต่ถ้าไม่รู้ถึงความเป็นจริงอันนี้
แม้จะฟังคำสอนเท่าใด ก็เหมือนกับไม่ได้ฟัง!!!"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ขันธ์5 ของเรายังแบกไม่พอหนัก ฤา จะแบกของคนอื่นอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 08:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


คนในอยากออก...คนนอกอยากเข้า
ไม่มีคู่...ก็ไม่มีห่วง....ถึงจะเหงาแต่คล่องตัวดี
ไม่ว่าจะลุกจะเดิน...จะนั่งจะนอน..
หรือแม้กระทั่งจะตายก็นอนตาหลับ
ไม่มีอะไรมาถ่วง..ให้ห่วงนั่นห่วงนี่ :b16:

จะกลัวความเหงาไปทำไมกัน?....มีคู่ใช่ว่าจะไม่เหงา
เผลอๆ...ทั้งเหงาทั้งเศร้าด้วย.... :b11:


.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron