9 ไม่ ต่ออายุ ชีวิตคู่


ด้วยสภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เรื่องเศรษฐกิจ
รวมไปถึงเรื่องหยุมหยิมที่ไม่เป็นเรื่อง
ได้เป็นสาเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทของคู่ชีวิตในหลายครอบครัว
ซึ่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายคนมองเห็นอาจเป็นเรื่องใหญ่ของคนสองคนก็เป็นได้


ทั้งนี้การครองชีวิตรักของคนสองคนให้ยืนหยัดมั่นคงนั้น
อาจไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัวใดๆ เพราะต่างคู่ก็ต่างใจและต่างความต้องการ
แต่เคล็ดลับที่ใช้ได้ผลเสมอและทุกคนนำไปปฏิบัติอย่างไม่ยากเย็นนั้น
ทางทีมงานขอเสนอ เคล็ดลับ “9 ไม่” ที่จะพูดถึงต่อไปนี้
ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกัน เพื่อให้ชีวิตรักของหลายๆคู่จะได้รักกันไปนานๆ


1. ไม่โกรธพร้อมกัน

คงไม่ต้อง ถึงขั้นว่าเมื่อใดคนใดร้อนเป็นไฟ
แล้วอีกคนต้องเย็นประดุจน้ำ เพราะในความเป็นจริงแล้ว
น้ำกับไฟอยู่ด้วยกันไม่ได้แต่เป็นการเปรียบเปรยว่าหากคุณเกิดอารมณ์ร้อนขึ้นมา
เขาหรือเธอก็ควรจะนิ่งเสีย ไม่ใช่ว่าเธอแรงมาฉันก็แรงไป
ช่วยกันกระพืออุณหภูมิให้สูงยิ่งขึ้น
มันไม่ต่างกับการที่คนรักกันแต่กลับมาสาดโคลนใส่กัน
ลองนึกภาพดูนะคะ หากคนสองคนอยู่ในอารมณ์โกรธทั้งคู่
คำพูดคำจาคงดุเดือดเชือดเฉือนกันน่าดู
ดังนั้นหลายๆ คู่จึงมักจะทำข้อตกลงไว้ก่อนว่าเราจะไม่โกรธพร้อมกันเด็ดขาด


2. ไม่โกรธข้ามคืน

ต่อเนื่องมาจากข้อแรกค่ะ คือนอกจากจะไม่โกรธพร้อมกันแล้ว
ก็ไม่ควรจะโกรธกันข้ามวันข้ามคืนด้วย แม้ว่าอารมณ์โกรธน่ะไม่เข้าใครออกใคร
และก็ห้ามยาก ทำได้อย่างมากก็แค่ ข่มอารมณ์โกรธไว้
แต่เมื่อโกรธขี้นมาแล้ว ก็อย่าเก็บเอามาเป็นเรื่องค้างคาใจ
เคลียร์ได้ก็ควรเคลียร์ให้จบภายในวันนั้นอย่าได้พกพาอารมณ์โกรธเข้านอนไปด้วย
เพราะนอกจากจะทำให้คุณนอนไม่หลับแล้วคู่กรณีของคุณก็พลอยหลับไม่ลงไปด้วย


3. ไม่ขึ้นเสียงใส่กัน

ก็ยังเป็นผลสืบเนื่องจากอารมณ์โกรธอยู่นั่นเอง
ไม่ว่าจะโกรธเกรี้ยวขนาดไหน หรือเพียงแค่เป็นความคุกรุ่นไม่พอใจอยู่ในอก
แต่น้ำเสียงที่สื่อสารออกมานั้นจะมีความเข้มข้นหนักเบาและสะดุดหูต่างกันไป
ความดังของเสียงอาจจะเริ่มต้นจากพูดเสียงสะบัด
หางเสียงตวัดขึ้นสูงไปจนถึงขั้นตวาดแว้ดๆ ฟังไม่รู้เรื่องเลย
ส่วนคุณพ่อบ้านก็อาจจะเผลอเรอตะคอกใส่หน้าสุดที่รักได้
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ก็เพียงเพราะอารมณ์พาไปทั้งนั้น
ดังนั้น เมื่อใดที่รู้ตัวว่าเก็บอารมณ์ไม่อยู่แล้วจริงๆ ให้ใช้วิธีนิ่งเสีย
แล้วก็ปลีกตัวออกห่างๆ จะเป็นการดีที่สุด


4. ไม่ยุแหย่ยั่วยุ

ไม่ว่าหญิง หรือชาย เมื่อมีปากเสียงกันแล้ว นอกจากไม่ขึ้นเสียงใส่กัน
ทั้งคู่ควรระวังคำพูดที่จะทำร้ายซึ่งกันและกัน เพราะคำพูดที่ยั่วยุ
ยั่วอารมณ์ไม่ได้ทำให้ปัญหามีจบลงได้ ทั้งนี้ทั้งคู่ต้องอดทน
หนักแน่นและหันหน้ามาพูดจากันดีๆ ดีกว่าค่ะ


5. ไม่ลงไม้ลงมือ

สาเหตุหลัก สำคัญประการหนึ่งทีทำให้หลายคู่ต้องยุติชีวิตรักนั้น
มาจากการถูกทำร้ายร่างกายจากคนที่รัก
โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่มักจะโดนท้าร้ายอยู่เสมอ
ดังนั้นไม่ว่าจะประสบปัญหาร้ายแรงสักเพียงใด ขอให้ตระหนักไว้ว่า
คนตรงหน้าคือคนที่เราตัดสินใจลงเรือลำเดียวกันแล้ว
เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้น “คนรักกันจะไม่ทำร้ายกัน”


6. ไม่ลามปามพ่อแม่

พ่อแม่ของใคร ใครก็รัก ดังนั้นหากทะเลาะกัน อย่าลามปามไปถึงพ่อแมเด็ดขาด
เช่นเธอนิสัยไม่ดีแบบนี้เพราะพ่อแม่ไม่สอน หรือนิสัยไม่ดีเหมือนแม่
เพราะประโยคเหล่านี้มันจะเป็นชนวนให้ปัญหาไม่มีวันจบสิ้น


7. ไม่รื้อฟื้นเรื่องอดีต

เราอาจจะไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็เลือกจำเฉพาะส่วนที่ดีๆ ได้
เรื่องราวใดที่สร้างความบาดหมางใจ บั่นทอนความรักความรู้สึกดีๆ
ที่มีต่อกันก็ควรลืมมันเสียเก็บไว้เป็นบทเรียนหรือประสบการณ์สอนใจ
ถ้าจะนั่งรำลึกความหลังก็ควรพูดถึงแต่เรื่องดีๆ ของเขาหรือเธอ
ก็จะทำให้คุณทั้งสองมีความรู้สึกที่ดีต่อกันอยู่เสมอ


8. ไม่เงียบเกินไป

เป็นไหมคะ อยู่กันไปนานวันเข้า คุยกันแทบจะนับคำได้
ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องคุยมันหายไปไหนหมด กลับเข้าบ้านก็เหมือนต่างคนต่างอยู่
อย่างนี้ไม่ดีแน่นอน คุณอาจจะแย้งว่าอยู่กันมาหลายปี คุยกันจนหมดเรื่องคุยแล้ว
อันนี้คุณกำลังหลอกตัวเองอยู่แน่ๆ เรื่องคุยไม่มีวันหมดหรอกค่ะ
ถามใจตัวเองดีกว่าว่าความเงียบระหว่างสองเราที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะอะไรแน่
ความเงียบจะนำมาซึ่งความห่างเหินและหมางเมิน
จนในที่สุด คุณอาจจะกลายเป็นคนแปลกหน้าที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกันได้ในสักวัน

เพราะ ฉะนั้น หันหน้ามาคุยกันเถอะค่ะ เรื่องราวสัพเพเหระต่างๆ
ให้เขาหรือเธอรู้สึกว่าคุณยังอยู่เคียงข้างเสมอ
เพียงเท่านี้ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจได้แล้วค่ะ


9. ไม่ท้าทายเรื่องเลิก

สิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะหากเราพูดจาท้าทายเรื่องเลิกกันหลายๆครั้ง
ความรู้สึกที่โดนท้าทายอาจชินชาเข้าสักวัน
จนความรักที่มัอยู่มันถูกบั่นทอนไปไม่รู้ตัว และในที่สุดชีวิตรักก็จะสั้นลงกว่าที่คิดไว้...


ที่มา...ASTV ผู้จัดการออนไลน์

สบายดีนะคะ o.wan จะ.....จะ....ตั้งใจทำให้ได้เจ้าค่ะ
ช่วงนี้มีงานเข้าน่ะค่ะ เลยไม่ได้มาโพสต์ แต่ขอบอกว่ายังอยู่....สบาย....สบาย
มีบุญมาฝากนะคะ คือเมื่อวันศุกร์ได้จัดงานบวชให้หลานชายคนโต ลูกพี่สาวน่ะค่ะ
ที่วัดผาณิตาราม ฉะเชิงเทรา งานพิธีจัดแบบเรียบง่าย เชิญญาติๆกันมา จุดใหญ่คือ
หลานอยากบวชให้คุณตา เพราะบอกคุณตาคอยจะไปแค่ 2 ปี
แต่ได้ทุนไปเรียนอยู่สหรัฐมา 7 ปี ตอนนี้จบมีแค่เวลา 3เดือน คุณตาก็ 78 แล้ว
เลยบวชตอนนี้ 1 เดือน แบบให้คุณตาได้เห็น ได้โกนผมให้หลาน
แบบคุณตาเคยเป็นช่างตัดผมน่ะค่ะ แต่ตอนนี้มือสั่นแล้ว เลยมีคุณอาช่วยทำแทน
ตอนเห็นเค้าเป็นพระแล้ว ปลื้มใจจริง
เราเลี้ยงเค้ามาตั้งแต่แรกเกิด ตอนนี้บวชให้เราได้แล้ว
เลยแอบอยากมาเล่าให้คุณลูกโป่งฟัง
แม้จะเป็นน้าก็อดภูมิใจเค้าไม่ได้ เค้าเป็นเด็กดีค่ะ เรียนเก่ง รับผิดชอบตัวเอง
ตอนไปเรียนเค้าก็ทำงานในมหาลัย เป็นผู้ช่วยอาจารย์สอน เป็นประธานหอพัก
เรียนปริญญาตรี 2 ใบ ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เลยเป็นที่รักของ teacher
และตอนนี้ได้รับทุนเรียนปริญญาโท สแตนฟอร์ด แคลิฟอร์เนีย อีก 3 ปีฟรีไม่มีข้อผูกมัด
ไม่รู้เด็กคนนี้เมื่อชาติที่แล้ว เค้าทำบุญอะไรไว้ เค้าถึงมาเกิดได้ถูกที่ พ่อแม่ก็พอมีฐานะบ้าง
แต่เค้าไม่เคยฟุ้งเฟ้อ เที่ยวเตร่ กลับตั้งหน้าตั้งตาเรียน เค้าบอกว่าอยู่ที่โน่น
ก่อนนอนเค้าสวดมนต์บทพาหุงฯ เกือบทุกวัน เพราะทุกครั้งที่แม่เค้าโทรหา
จะต้องบอกให้เค้าสวดมนต์ ให้พระคุ้มครอง เวลาสวดมนต์ก็จะนึกถึงแม่ด้วยก่อนอน
เป็นคนดีครอบครัวหนึ่ง ลูกก็เป็นอภิชาติบุตรมาเกิด ไม่เคยทำให้พ่อแม่ต้องทุกข์ใจ
กลับสร้างแต่ความภาคภูมิใจให้ทุกๆคน o.wan สนิทกับเค้ามากๆเลย
ขอเล่าให้คุณลูกโป่งฟังนะ แบบว่าเห่อ....หลาน และกระซิบว่าแมน 100% นะคะ เพราะเค้า
เล่าว่ามีแฟนเป็นสาวไต้หวัน ฮิ..ฮิ พี่สาวไปเจอครอบครัวสาวน้อยมาแล้ว
คุณลูกโป่งอนุโมทนาบุญด้วยกันกับพระน้อยของo.wanคะ
แล้วมีเวลาจะมาเล่าต่ออีกค่ะ จะแอบส่งรูปพระให้ดูหลังไมค์นะคะ

เห็นหัวข้อที่คุณโรสโพสต์ไว้....น่าอ่านมากๆ แล้วจะรีบกลับมาอ่านนะคะ