วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 21:56
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำตัวน่ารักไปวัน ๆ
สิ่งที่ชื่นชอบ: คู่มือสะกดใจคน - เดวิด เจ.ไลเบอร์แมน
ชื่อเล่น: นุช
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


cool สวัสดีคร๊าสมาชิกลานธรรมทุกท่าน

ช่วงนี้รู้สึกแปลก ๆ ค่ะ ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมานี้ อ่านธรรม สวดมนต์ และดูรายการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพวกธรรมแม้กระทั่งรายการโทรทัศน์ที่เชิญคนตายแล้วฟื้นอะไรประมาณนี้ ...
สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองคือ อยู่ดี ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมา ซึ่งปรกติแล้วน้ำตาจะไหลก็ต่อเมื่อยินดี เสียใจเป็นที่สุด
แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ งง กับตัวเองมาก ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนแรกก็ไม่เอะใจ มาช่วงหลังเป็นบ่อยมาก
คืนไหนที่ไม่ได้สวดมนต์จะนอนไม่ได้เลยค่ะ แต่ก่อนไม่เป็นนะ ตอนใช้ชีวิตเสเพลหน่ะไม่เป็น
แต่ตอนนี้ถึงจะง่วงแค่ไหนก็ต้องสวดมนต์ก่อนนอน รวมถึงการนึกว่าวันรุ่งขึ้นจะตื่นแต่เช้าไปใส่บาตร
แต่ถ้าออกจากบ้านสายไม่ทันได้ทำบุญ จะเหมือนมีคนมารอเราอย่างไรอย่างนั้น ....

เมื่อคืนก่อนนอนก็ได้ฟังเรื่องราวธรรมของ พระเรวัตตะกับลีลาวดี น้ำตาก็ไหลออกมาซะงั้น ...ทั้งที่ไมได้ทุกข์ใจอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะวางมันลงประมาณ 70 % แล้ว
เราเป็นอะไรไปนี่ มันเกิดอะไรขึ้น ใครเคยเป็นแบบนี้บ้างมั้ยคะ ...

มีอีกอย่างหนึ่งนะคะ แต่ก่อนหลับตาลงนอนไม่เคยเห็นพระเลย คือนึกภาพไม่ออก .. เพราะอย่างที่บอกชีวิตไม่เคยแตะธรรมเลย แต่ทุกวัน ทุกคืนหลับตาลง เห็นพระตลอด ... เป็นอะไรที่บรรยายไม่ถูกจริง ๆ ....

ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้านะคะ ... ขอให้ทุกท่านเจริญทั้งในทางโลกและทางธรรม

.....................................................
กฏเหล็กข้อแรกสุด ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 15:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2010, 11:50
โพสต์: 283

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น้ำว่าเป็นเรื่องที่ดีของน้องนุชนะคะ ยังไงดีละ คือธรรมะเข้าถึงจิตใจได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ที่สำคัยเกิดปิติที่ได้ทำความดี ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ การตักบาตร การฟังธรรมะ พอใจเราพร้อมที่จะรับธรรมะเข้าสู่จิตใจ ก็จะปิตินะคะ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 15:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อันน้ำตาจะไหลออกมาก็ต่อเมื่อ สภาวะจิตใจเกิด มีเวทนา ทุกขเวทนา หรือ สุขเวทนา คือ อุปาทานขันธ์ ปรุงแต่ง ซึ่งธาตุน้ำ นี้อยู่ในกายเรา จะขับออกมาจากทวารต่างๆ ออกมาทางตาเรียก น้ำตา ออกมาทางจมูกเรียก น้ำมูก เป็นต้น
กรณีของคุณ..ความเห็นของกระผม..น่าจะมาจากความ ปีติ(สุข) อย่างละเอียดมากกว่า เพราะเมื่อในชีวิตประจำวันนั้นเพ่ง จดจ่ออยู่แต่เรื่องธรรม(นั้นเป็นสิ่งวิเศษสุดอยู่แล้ว) ความปีติสุขย่อมเกิดขึ้นในใจตลอด ใจมันฟู มันพอง ที่ได้เห็นบุญ พบพระธรรม พบความเย็น สงบสุขโดยที่ไม่เคยพบจากที่ใดมาก่อน
ก็เลยบางครั้งน้ำตาแอบไหลออกมาโดยที่เราไม่รู้สึกตัวหรือกำหนดไม่ทัน บางครั้งแม้ยามหลับตาก็อาจจะนิมิตเห็นผ้าเหลือง..สีเหลืองๆ บ้าง คล้ายๆ กับ พระพุทธรูปบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เป็นนิมิตมงคล..เป็นผลจากสัญญาที่เราได้ยิน ได้เห็นธรรมอยู่ประจำเนืองๆ....แม้แต่ความรู้สึกว่ามีใครมารอ..ยามจะตักบาตร..เรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้เสมอ กับผู้ปฏิบัติธรรม..
เราเดินทางมาถูกต้องแล้ว..เดินต่อไป เจริญสมาธิภาวนา ปฏิบัติกรรมฐาน สะสมหน่วยกิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออินทรีย์คุณแก่กล้า เรื่องเหล่านี้ จะหายไปเอง..คุณจะกำหนดรู้ได้เอง..ด้วยตัวคุณเองโดยไม่ต้องมีปัญหาใดๆ อีก..เพราะธรรมเหล่านี้ล้วนสร้างแต่ปัญญา มีผลคือความพ้นแห่งทุกข์เป็นจุดหมาย
ผิดถูกใดๆตอบไม่ตรงใจขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ :b8:
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


สนับสนุนความเห็นของท่านศรีสมบัติครับ .. :b4: :b4: :b4: :b8:

หนูนุชมาถูกทางแล้ว ยินดีด้วยครับ :b35: :b35: :b35: :b4: .. อาการเหล่านี้อีกหน่อยก็จะหายไป ไม่ควรวิตกกังวลหรือยึดถือว่าเป็นสาระสำคัญอะไรครับ .. :b46: :b47: :b48:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 15:46
โพสต์: 6

อายุ: 26

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมบัติ เขียน:
อันน้ำตาจะไหลออกมาก็ต่อเมื่อ สภาวะจิตใจเกิด มีเวทนา ทุกขเวทนา หรือ สุขเวทนา คือ อุปาทานขันธ์ ปรุงแต่ง ซึ่งธาตุน้ำ นี้อยู่ในกายเรา จะขับออกมาจากทวารต่างๆ ออกมาทางตาเรียก น้ำตา ออกมาทางจมูกเรียก น้ำมูก เป็นต้น
กรณีของคุณ..ความเห็นของกระผม..น่าจะมาจากความ ปีติ(สุข) อย่างละเอียดมากกว่า เพราะเมื่อในชีวิตประจำวันนั้นเพ่ง จดจ่ออยู่แต่เรื่องธรรม(นั้นเป็นสิ่งวิเศษสุดอยู่แล้ว) ความปีติสุขย่อมเกิดขึ้นในใจตลอด ใจมันฟู มันพอง ที่ได้เห็นบุญ พบพระธรรม พบความเย็น สงบสุขโดยที่ไม่เคยพบจากที่ใดมาก่อน
ก็เลยบางครั้งน้ำตาแอบไหลออกมาโดยที่เราไม่รู้สึกตัวหรือกำหนดไม่ทัน บางครั้งแม้ยามหลับตาก็อาจจะนิมิตเห็นผ้าเหลือง..สีเหลืองๆ บ้าง คล้ายๆ กับ พระพุทธรูปบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เป็นนิมิตมงคล..เป็นผลจากสัญญาที่เราได้ยิน ได้เห็นธรรมอยู่ประจำเนืองๆ....แม้แต่ความรู้สึกว่ามีใครมารอ..ยามจะตักบาตร..เรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้เสมอ กับผู้ปฏิบัติธรรม..
เราเดินทางมาถูกต้องแล้ว..เดินต่อไป เจริญสมาธิภาวนา ปฏิบัติกรรมฐาน สะสมหน่วยกิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออินทรีย์คุณแก่กล้า เรื่องเหล่านี้ จะหายไปเอง..คุณจะกำหนดรู้ได้เอง..ด้วยตัวคุณเองโดยไม่ต้องมีปัญหาใดๆ อีก..เพราะธรรมเหล่านี้ล้วนสร้างแต่ปัญญา มีผลคือความพ้นแห่งทุกข์เป็นจุดหมาย
ผิดถูกใดๆตอบไม่ตรงใจขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ :b8:
ขอเจริญในธรรม :b8:


เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

เพราะแต่ก่อนใช้ชีวิตเสเพล พอมาพบธรรม ปฏิบัติธรรมมากๆ ใจมันก็เกิดปีติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 22:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 21:56
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำตัวน่ารักไปวัน ๆ
สิ่งที่ชื่นชอบ: คู่มือสะกดใจคน - เดวิด เจ.ไลเบอร์แมน
ชื่อเล่น: นุช
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


cool tongue ขอบคุณนะคร๊า

นุชจะเพียรทำความดี เดินทางที่ถูกที่ควรไปจนวินาทีของลมหายใจสุดท้ายเลยค่ะ ... ตอนนี้ยังทำได้ไม่มาก แต่จะพยายามทำทุก ๆ วัน ...


เวรกรรม ตามทันกันในชาตินี้
คิดดูให้ดี ใครจะก่อกรรมทำเข็ญ
ก่อกรรมเช้า ได้รับลงทันฑ์ตอนเย็น
อยากให้โลกได้เห็น ความลิขิตแห่งกรรม
สามคำ จำไว้กรรมลิขิต
ให้ชีวิตมีขึ้นสูง และตกต่ำ
ใครทำกรรมดี กรรมนั้นช่วยหนุนนำ
ใครเคยก่อกรรม ทำเวรไว้ กรรมลิขิต...



ขอพระคุ้มครอง" คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ เช่นเคยค่ะ

.....................................................
กฏเหล็กข้อแรกสุด ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ปีติ ในสมัยก่อน หากมีความแรงมากๆ ถึงกับเหาะได้เลยทีเดียว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 11:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...คุณnuchy...เกิดอาการที่เรียกว่าว่าจิตคือผู้รู้...
...เพราะเราฝึกจิตตนเองพอจิตรู้จึงพอใจยินดีในการทำ...
...ผลที่ตามมาคือเกิดปิติยินดีด้วยอาการน้ำตาไหลค่ะ...
...จิตที่ยินดีแล้วแผ่อุทิศบุญกุศลจึงให้ผลละเอียดต่อจิตผู้รู้...
...ขออนุโมทนาในบุญกุศลด้วยค่ะ...คุณnuchy...
:b8:
:b44: :b44:
:b39: :b39: :b39: :b39: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 13:22
โพสต์: 176

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ,ฟังธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: อยู่กับปัจจุบัน

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ปีติ ในสมัยก่อน หากมีความแรงมากๆ ถึงกับเหาะได้เลยทีเดียว


โอ๊ววว...จริงหร๊อค๊า ไม่เคยได้ยินอ่ะ :b10:
ตัวดิฉันเอง ตอนนั่งเจริญภาวนา แค่รู้สึกว่าตัวมันเบาๆ ลอยๆ เฉยๆอ่ะคะ ตอนแรกก็ตกใจว่าเป็นอะไร พอถามพระอาจารย์ มันคืออาการปีติ ก็เข้าใจด้วยประการชะนี้แล :b9:

.....................................................
เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นไปได้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร