ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
6 ข้อพิชิตอาการอกหัก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=30775 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 10 เม.ย. 2010, 11:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | 6 ข้อพิชิตอาการอกหัก |
วิธีดามหัวใจเวลาอกหัก ให้พิการทางกาย ยังดีกว่าพิการทางใจหลายร้อยเท่า แต่...แต่อย่าเพิ่งเข้าขั้นโคม่าขนาด นั้นเลยท่าน โอ้ย... อกหักครั้งสองครั้งน่ะจิ๊บจ๊อย เพราะในอนาคตคุณยังต้องเผชิญกับรักร้าวและรักลวงอีกเยอะ แค่นี้ปวดแสบปวดร้อน ยังน้อยไป ทว่าหัวใจยังทำด้วยเนื้อ ต่อให้เอาเหล็กมาหุ้มไว้ ถ้าเพิ่งแยกทางกับคนที่เคยรัก จะไม่ให้รู้สึกอะไรเลย คงตลกสิ้นดี งั้นถ้าหากอยากฟื้นจากพิษรัก ก็มีบันไดให้เดินตามขั้นตอนต่อไปนี้ 1. จำไว้ว่า เวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง เป็นไปได้ว่า ตอนที่คุณถูกคนรักทิ้งขว้าง แน่ล่ะมันย่อมเป็นช่วงที่คุณรู้สึกเสียศูนย์มากที่สุดในชีวิต เกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจและคิดเตลิดเปิดเปิงว่า อุตส่าห์รักขนาดนี้ยังทิ้งเราได้ลงคอ แต่ขอให้คิดไกลไปอีกนิดด้วยว่า ทุกวันนี้คุณก็ยังเป็นคนเดิม คนที่ครั้งหนึ่งเป็นที่รักของใครบางคน ไม่ได้เปลี่ยนไปในทางเลวร้ายแต่อย่างใดหรอก 2. ตอนที่คุณตกอยู่ในห้วงแห่งรักไม่สมหวังอย่างนี้รู้ไหมว่า คุณกำลังอ่อนแอทั้งร่างกาย และจิตใจ สภาพโทรมจัดแบบนี้ มีสิทธิ์ถูกคนอื่นกลั่นแกล้ง ได้ง่าย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่าช้ำในนานนัก หมั่นดื่มน้ำใบบัวบกหรือน้ำเก๊กฮวยให้มันหายเก๊กซิมซะเร็วๆ 3. หากฟังคำพูดตัดสวาทของอีกฝ่ายแล้วยังไม่แน่ใจว่า เขาหรือเธอพูดจริงหรือพูดเล่น สอบถามอีกทีก็ได้นี่ ว่า เราหมดเยื่อไม่เหลือใยกันจริงหรือ? ถ้ายังได้รับการยืนยันว่า ใช่ เค้าเรียกว่า ยังสะเออะไปถามให้ตัวเองหน้าแหกอีกทำไมก็ไม่รู้ สู้เอาเวลาไปตั้งหน้าตั้งตาจีบคนใหม่ดีกว่า การผิดหวัง อาจชักพาให้คุณสมหวังกับคนที่เหมาะสมยิ่งกว่าคนเก่าก็ได้ สักวันอาจ เจอ "รักแท้" ที่จริงใจกว่าเดิม มีรักเหนียวแน่นกว่าครั้งนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ 4. ช้ำรักมักทำให้คุณขมขื่นก็จริง แต่อย่าไปแสดงออกให้คนในอดีตของคุณรู้เข้าล่ะ เพราะไม่งั้น เขาจะหาว่า คุณขาดวุฒิภาวะ ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ หากยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะไปควบคุมอะไรไหวล่ะเนี่ย 5. ขอเวลานอก หลบไปพักผ่อน หรือยุติเรื่องหนักๆ ไว้ชั่วคราว สิ่งที่คุณเพิ่งเจอมานั้น สร้างความบอบช้ำมากพออยู่แล้ว ถ้าจิตใจยังไม่ปกติ ก็อย่าแสร้งทำเป็นว่า ตัวเองไม่เป็นอะไร การถูกคนรักตัดพ้อต่อว่า, ถูกสลัดรัก หรือถูกทิ้งทุกคน (ที่มีแฟน) ล้วนมีประสบการณ์ทำนองนี้ มาแล้วทั้งนั้น และอาจเผลอไปทำกับคนอื่นเอาไว้ แบบนี้เหมือนกัน ใช่ว่าจะถูกเขาทำฝ่ายเดียวซะที่ไหนล่ะ แต่หากหนีไปจากเรื่องวุ่นๆ ซ้ำซากจำเจได้ชั่วคราว ขอให้รีบทำ ขืนอยู่ที่เดิมๆ คงไม่แคล้วเห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด 6. ถ้าไม่กลายเป็นคนซึมกะทือ หรือมัมมี่เดินได้แล้วไซร้ การไปสังสรรค์ออกสังคม พบปะผู้คนบ้าง อาจช่วยให้ลืมเรื่องเก่าๆได้ แม้จะลืมได้ไม่ถาวร แต่ลืมได้ชั่วคราวก็ยังดี เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะลืมตลอดกาลไปเองนั่นแหละ ทีเรื่องอื่น ทำไมถึงขี้ลืมกันเหลือเกิน ตรงข้ามกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไยลืมไม่ลง ก็บ่ฮู้ สุดท้าย แทนที่คุณจะเกลียดอดีตหวานใจ เปลี่ยนเป็นจากกันด้วยดีและยังมีความปรารถนาดีต่อกันซะเถิด อย่างน้อย เราคงเหลือความทรงจำดีๆต่อกันอยู่บ้าง ที่มา... FW Mail ที่นี่ดอทคอม |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 10 เม.ย. 2010, 17:10 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: 6 ข้อพิชิตอาการอกหัก | ||
อนุโมทนาสาธุด้วยครับคุณลูกโป่ง
|
เจ้าของ: | rada [ 22 เม.ย. 2010, 17:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 6 ข้อพิชิตอาการอกหัก |
เกี่ยวกับความรัก .คนดีๆ... ล้วนมีเจ้าของไปหมดแล้ว (เหมือนที่จอดรถ) .ส่วนคนที่ยังเหลืออยู่... มันก็ต้องมีเหตุผลหละนะ(ไม่เหมือนที่จอดรถ) .อะไรที่คุณเอะใจว่า มันจะดีเกินจริง... เป็นไปได้มากว่า มันไม่จริง .ความรัก ก็เหมือนการรอรถเมล์.... สายที่ไม่อยากขึ้น ก็มาจัง ส่วนสายที่ต้องการจะขึ้น ก็รอไปเถอะ, พอมาก็ไม่จอด, พอจอด ก็คนแน่น ขึ้นไม่ได้, พอขึ้นได้ รถก็ไปตายกลางทางอีก .ความรักก็เหมือนกับเหรียญ แหวน หรือชิ้นส่วนเล็กๆ เพราะเมื่อไหร่ที่มันหลุดมือตกลงพื้น มันจะต้องกลิ้งไปยังซอกที่มืดที่สุด และลึกที่สุด จนเรามองไม่เห็น และเอื้อมไม่ถึง .รถไฟอาจจะวิ่งบนราง แต่อย่าด่วนสรุปว่า มันวิ่งไปทางไหน โดยดูจากราง เพราะเมื่อเหลียวกลับมามองอีกที รถไฟขบวนนั้นอาจจะวิ่งผ่านคุณไปแล้วก็ได้ .สวย หรือหล่อ ไม่ได้อยู่ที่คำจำกัดความ แต่อยู่ที่จินตนาการ .ความรัก สวนทางกับกฎฟิสิกส์ นั่นคือ เมื่อเราให้ความรักกับใครมากเท่าไหร่ เราก็จะได้รับตอบแทนกลับมาเป็นสัดส่วนผกผันกลับ .เมื่อไหร่ที่ฝ่ายหนึ่งบอกว่า 'เป็นเพื่อนกัน' แปลว่า 'ต้องการจะเลิกคบกัน' .เมื่อไหร่ที่ฝ่ายหนึ่งบอกว่า 'มีอะไรต้องคุยกัน' แปลว่า 'ไม่ต้องการคุยกันอีกแล้ว' .ความรักทำให้คนตาบอด, การแต่งงานช่วยให้คนตาสว่าง (คัดมาบางส่วน) จากเว็บไซต์วัดยานนาวา |
เจ้าของ: | Wylsmith [ 22 เม.ย. 2010, 19:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 6 ข้อพิชิตอาการอกหัก |
สุดยอดการเปรียบเทียบครับคุณRada เห็นภาพเลย....5555555 Wylsmith |
เจ้าของ: | ชิโนะซึเกะ [ 22 เม.ย. 2010, 21:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 6 ข้อพิชิตอาการอกหัก |
ขอบคุณทุกๆความเห็นเน้อ |
เจ้าของ: | ทักทาย [ 23 เม.ย. 2010, 04:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 6 ข้อพิชิตอาการอกหัก |
เมื่อไหร่น้าาา? โรคอกหักถึงจะหมดไปจากโลกนี้ ไม่มีใครคิดค้นวัคซีนป้องกันได้บ้างเลยหรือ? อนุโมทนาค่ะ คุณยายโป่ง |
เจ้าของ: | rada [ 23 เม.ย. 2010, 11:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 6 ข้อพิชิตอาการอกหัก |
ความรัก กะ รองเท้าที่ไม่พอดี วันหนึ่ง .........ฉันอยากได้ รองเท้า ฉันเดินเข้าไปในร้านที่มีรองเท้าหลากสี-หลายแบบวางเรียงรายร้านแล้วร้านเล่าแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้รองเท้าถูกใจกลับไปด้วยแม้แต่คู่เดียว เลือกแล้วเลือกอีกจนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้ากระจกร้านหรูแห่งหนึ่งรองเท้าส้นสูงสีส้มคู่นั้นสะท้อนเงาเฉิดฉายผ่านกระจกออกมาแตะตาฉันตั้งแต่แรกเห็นมันช่างเป็นรองเท้าที่สวยจนอยากมีไว้ ประดับคู่เท้าในทุกย่างก้าวโดยไม่รอรี......ฉันเดินตรงลิ่วเข้าไปหามัน แม้ป้ายราคาเล็ก-เล็กที่ติดเอาไว้จะบอกราคาที่ไม่เล็กนักแต่ฉันไม่ลังเลสักนิดเดียวที่จะจ่ายเงินจำนวนนั้นออกไปเพื่อให้ได้รองเท้าที่ถูกใจที่สุดในวันนี้ 'แน่นนิดนึงนะคะ...มีคู่ใหม่ที่ใหญ่กว่านี้มั้ย' ฉันถามพนักงานขายขณะที่กำลังพยายามสอดเท้าลงไปในรองเท้าคู่สวยให้พอดี แล้วพบว่ามันพอดิบ-พอดีจนขยับเท้าไม่ได้ 'ไม่มีหรอกค่ะ....เรามีแบบละคู่เท่านั้น รับรองว่า ใส่แล้วไม่ซ้ำแบบใคร' พนักงานขายเสนอข้อได้เปรียบในการซื้อสินค้า 'แต่ดิฉันว่าใส่แล้วก็พอดีนะคะ เผื่อมันยืดออกอีกนิดหน่อย' เธอยังคงเสนอต่อเมื่อเห็นแววตาที่ฉันชื่นชมสินค้าของเธอเย็นวันนั้นฉันกลับบ้านด้วยรอยยิ้มกรุ่นพร้อมกับรองเท้าคู่สวยที่อยู่ในมือ ฉันจัดแจงโยนรองเท้าผ้าใบคู่เก่าที่ใส่มาแรมปีทิ้งไปอย่างไม่แยแสวันรุ่งขึ้น ฉันออกเดินด้วยรองเท้าคู่ใหม่อย่างเฉิดฉายยิ่งมีใครต่อใครชมว่ามันสวยนักหนาฉันก็ยิ่งปลื้มใจทว่าไม่ทันข้ามวันรองเท้าเจ้ากรรมก็แผลงฤทธิ์จนฉัน เดินโขยกเขยกและเย็นวันนั้นฉันก็ต้องกลับมาบ้านพร้อมกับเท้าที่ระบม หากชีวิตคนเราเป็นเหมือนการเดินทางไกลความรักก็คงเป็นเหมือน "รองเท้า" แท้ที่จริงแล้วน่ะนะ ฉันว่าคนเราไม่ได้ต้องการ 'รองเท้าสวย' มากไปกว่า รองเท้าที่ใส่สบายแต่ก็นั่นแหละ ใคร-ใครก็ย่อมชอบรองเท้าสวย-สวยด้วยกันทั้งนั้นถึงไม่น่าแปลกที่หลายคนมักตัดสินใจซื้อรองเท้าเพราะว่า'มันสวย ' มากกว่า' มันพอดีกับเท้า'และแม้มันจะใส่แล้วคับไปนิด...อึดอัดไปหน่อยก็ยังไม่วางมือเหตุเพราะว่ามันสวยถูกใจหรือแม้มันจะราคาแพงลิบลิ่วก็ยังอยากเป็นเจ้าของให้ได้ หากว่าเราต้องเดินทางอีกไกลแม้จะมีรองเท้าสวยหรู ราคาแพง ยี่ห้อแบรนด์เนมมันก็คงไม่มีประโยชน์แม้จะสวยแค่ไหนแต่ถ้ามันทำเท้าเราเจ็บ ...สุดท้ายก็คงต้องถอดมันออกเพราะถ้าขืนเราเดินทั้งเท้าเจ็บ-เจ็บเราคงไปไม่ถึงปลายหนทางความ รักก็เช่นกัน เราอาจใฝ่ฝัน ที่จะมีคนรักสวย รวย เก่ง ฉลาด เลิศ หรู แต่ความจริงแล้ว เราเพียงต้องการคน-คนนั้นเพื่อให้ "ตัวเราดูดีขึ้นมา" เท่านั้นเองฉันว่านะ....รองเท้าที่ใส่แล้วสบายไม่จำเป็นต้องสวยเด่นอะไร เพราะฉะนั้นคนที่จะมาจับจูงมือเราไปตลอดทางของชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ดีเลิศที่สุดจนใครนึกอิจฉาแต่คงเป็น ...คนที่เค้ารักเรา ดูแลเรา ดีต่อเราเข้าใจเราไม่ทำให้เราเจ็บ ไม่ทำให้เสียใจ ซะมากกว่า...บางที ...การใส่รองเท้าที่เดินแล้วสบายมันอาจทำให้เรามีความสุขมากกว่าเพราะฉันเชื่อว่ามันจะพาเราไปจนถึงจุดหมายโดยที่เราไม่ต้องเจ็บเท้าและนึกอยากจะโยนมันทิ้งไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดตลอดการเดินทาง... ขอบคุณบทความจาก ชุมชนการเรียน |
เจ้าของ: | neemagirl [ 10 มี.ค. 2011, 14:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 6 ข้อพิชิตอาการอกหัก |
เจ้าของ: | bluebird [ 27 มี.ค. 2011, 16:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 6 ข้อพิชิตอาการอกหัก |
taktay เขียน: เมื่อไหร่น้าาา? โรคอกหักถึงจะหมดไปจากโลกนี้ ไม่มีใครคิดค้นวัคซีนป้องกันได้บ้างเลยหรือ? อนุโมทนาค่ะ คุณยายโป่ง วัคซีนไม่มีค่ะแต่มีวิธีแก้ วิธีแก้ก็คือ อย่ารักใคร แต่ว่าโลกนี้ก็อยู่ไม่ได้ถ้าขาดความรัก อิอิล้อเล่นขำๆนะคะคุณ taktay ขอบคุณ คุณลูกโป่งด้วยที่หาข้อความน่ารักๆมาให้ได้โพสกัน แต่ละท่านโพสข้อความน่ารักน่าอ่านค่ะ เป็นสีสันของบอร์ด รักแท้ไม่ต้องมีการต่อรอง หรือคำสัญญาใดๆ คือรักที่เกิดจากความไว้ใจ ไม่ใช่สาบาน ยอมรับตัวตนที่แท้จริงของคนที่เรารัก ไม่ต้องสวมบทบาท หรือพยายามให้เป็น รักแท้คือหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่มีเหตุผล แต่คุณ.....เข้าใจ ขอบคุณ คุณneemagirl ด้วยค่ะที่ขุดขึ้นมาให้ได้อ่าน |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |