วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 18:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 16:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ค. 2011, 08:56
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


เราเคยคบหากับผู้ชายคนหนึ่งค่ะ ด้วยหน้าที่การทำงานที่ต้องทำด้วยกัน ทำให้เราสนิทกัน แต่เค้ามีแฟนแล้ว ตลอดเวลาที่คบกัน ถึงแม้ว่าเรามีความสุขบ้าง แต่เจ็บไม่น้อยเลยค่ะ โดยเฉพาะเวลาที่เราต้องได้ยินเค้าคุยกับแฟน เราคุยๆเลิกๆ หลายหน จนเราตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ลงเด็ดขาด ให้เหลือแค่เพื่อนร่วมงาน เราพยายามตัดทุกช่องทางในการสื่อสารกับเค้านะคะ เราก็เจ็บเหมือนกัน น้ำหนักลด เป็นลม แต่เพื่อความถูกต้องแล้วก็ต้องทำ เค้าก็พยายามวนเวียนมาบ้าง แต่เราก็แข็งใจ คุยแต่เรื่องงาน จนกระทั่ง เราแอบรู้มาว่าเค้ากำลังจะแต่งงานกับแฟนเค้าแล้ว เรากลับมาเจ็บอีกครั้งค่ะ คราวนี้ตลอดเวลาที่ทำงานกับเค้า ต้องได้ยินเค้าคุยกับแฟน เรื่องบ้าน งานแต่ง และอนาคต ทุกครั้งที่ได้ยิน เราแทบจะทำใจไม่ได้เลย พยายามฝืนทำตัวเข้มแข็ง เมื่อรู้ว่าเค้าไม่ได้รักเราเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาคือการหลอกลวง เราเสียใจ เราไม่รู้ว่าเราจะเผชิญหน้ากับอนาคตได้ยังไง ใจหนึ่งเราก็คิดอยากจะลาออก แต่อีกใจก็คิดว่าเราอ่อนแอเกินไปหรือเปล่า ทุกวันนี้ ก็พยายามทำจิตใจให้เข้มแข็งขึ้นค่ะ แม้ว่ามันดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีขึ้นก็ตาม แต่เราอยากได้คำแนะนำในการข่มใจไม่ให้เสียใจ ไม่ให้รู้สึก ไม่ให้คิดอะไร เมื่อเราต้องทำงานกับเค้า หรือต้องรับรู้เรื่องของเค้าค่ะ ถ้าทำไม่ได้จริงๆ การลาออกจะช่วยให้ดีขึ้นไหมค่ะ เรารู้สึกว่า เมื่อเราไม่ได้ทำงานกับเค้า แม้ว่าจะยังรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง แต่น่าจะดีขึ้นในเร็ววันค่ะ เมื่อไม่ต้องรับรู้อะไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 17:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การหนีความรู้สึกหนีใจตนเองยากเอาการอยู่ครับ

แต่การไม่เห็นหน้ากันก็เป็นวิธีหนึ่งที่พอช่วยได้ หากจะลาออกจากงานต้องมั่นใจว่าไม่นานก็หางานได้ใหม่ และมั่นใจว่าจะไม่เป็นทุกข์เพราะตกงานซ้ำเข้าอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 17:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ค. 2011, 08:56
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะ แต่มันจะพอมีหนทางอื่นไหมที่เราจะทำจิตใจให้เข้มแข็งกว่านี้ เราอยากจะลองสู้อีกสักตั้ง เราอยากให้การออกจากงานเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ เพราะมันก็คืออนาคตของเราเหมือนกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทางน่ะมีครับ แต่ จขกท. ต้องทำคือเดินไปบนทางสายนี้เอง

แต่ลองฟังเพลงนี้ดูก่อนอาจได้แง่คิดบ้าง

ช่างเขาเถอะนะหัวใจ :b1:

http://www.charyen.com/jukebox/play.php?id=11722

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 18:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ค. 2011, 08:56
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะ ได้ฟังแล้ว เนื้อหาเพลงดีทีเดียว

เราอยากจะปฏิบัติแบบอินทรีย์สังวรบ้าง ควรจะเริ่มยังไงค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


A young girl เขียน:


เราอยากจะปฏิบัติแบบอินทรีย์สังวรบ้าง ควรจะเริ่มยังไงค่ะ


:b1: :b12: ต้องการปฏิบัติแบบอินทรีย์สังวรล่ะก็ ควรรู้จักความหมายตามหลักพุทธศาสนาซักเล็กน้อยก่อนนะครับที่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... 23#msg9023

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


A young girl เขียน:
เราอยากจะปฏิบัติแบบอินทรีย์สังวรบ้าง ควรจะเริ่มยังไงค่ะ


ก็เริ่มจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี่แหละครับ

มนุษย์เรามีอินทรีย์ 6 (จักขุนทรีย์ โสตินทรีย์ ฆานินทรีย์ ชิวหินทรีย์ กายินทรีย์ มนินทรีย์) เหมือนกันทุกคน อินทรีย์เหล่านั้นมีหน้าที่ยังไงคงรู้นะครับ

แต่ปัญหาว่าเราจะสำรวมระวังอินทรีย์นั้นๆยังไง กิเลสใหม่จึงไม่เกิด กิเลสเก่าคอยแต่จะสิ้นไปๆ โดยไม่ต้องหลับตา ปิดหู ปิดจมูก ปิดปาก ตัดเส้นเอ็นกายไม่ให้รู้สึก ทางใจก็ไม่มันรับรู้อะไร นี่กระมังปัญหาที่มนุษย์แสวงหาทางกันอยู่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 19:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ค. 2011, 08:56
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


นั่นสิค่ะ ทางการกระทำคิดว่าน่าจะสำรวมได้แล้ว แต่ทางความคิดกับใจ ยากจัง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 19:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


A young girl เขียน:
เราอยากจะปฏิบัติแบบอินทรีย์สังวรบ้าง ควรจะเริ่มยังไงค่ะ


วิธีปฏิบัติต่อกรณีเมื่อต้องเกี่ยวข้องกับเขาผู้ซึ่งทำให้เราวุ่นวายใจทุกข์ใจ (เฉพาะอารมณ์เด่นๆ) คือเมื่อได้เห็น (เขา) ได้ยินเสียง (เขา) ฯลฯ คิดนึก (ถึงเกี่ยวกับเขา) เพราะทำงานสำนักงานเดียวกัน

สำรวมอินทรีย์ คือ ตา เมื่อเห็นเขา กำหนดในใจเลยครับ เห็นหนอๆๆๆๆๆๆๆ
สำรวมอินทรีย์คือหู เมื่อได้ยินเสียงเขาคุยกันเรื่องแต่งงาน กำหนดในใจเลยครับ เสียงหนอๆๆๆๆๆๆ
สำรวมอินทรีย์คือใจ เมื่อนึกคิดถึงเขา กำหนดในใจเลยครับ คิดหนอๆๆๆๆๆๆ
ทุกๆครั้งทุกๆขณะที่เห็น ได้ยิน ได้คิด

นี่คือสำรวมอินทรีย์ ตามลายเซ็น โดยไม่ต้องปิดตา ปิดหู เป็นต้น

แต่ก็ต้องค่อยๆฝึกทำไปนะครับ จนกว่าสติสัมปชัญญะเป็นต้นจะเกิดไวโดยไม่ต้องฝืน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


A young girl เขียน:
นั่นสิค่ะ ทางการกระทำคิดว่าน่าจะสำรวมได้แล้ว แต่ทางความคิดกับใจ ยากจัง


ทางความคิด ก็คือว่า ขณะใดคิดถึง...ที่เกี่ยวกับเขา กำหนดคือว่าในใจ คิดหนอๆๆๆๆๆๆ ทุกขณะที่คิด แล้วสติจะเกิดเพราะการกำหนดรู้สภาวะนั้น ความคิดเดิมเปลี่ยน กุศลสัญญาก็เกิดตามมา :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 20:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ค. 2011, 08:56
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


ได้วิธีใหม่แล้ว จะรับไปปฏิบัติ จันทร์นี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณกรัชกาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพลงของท่านกรัชกายเพราะดีค่ะ ไม่เคยฟังมาก่อน พอดีกำลังคิดไม่ตกเรื่องงานอยู่
ได้ฟังเพลงเบา ๆ แบบนี้แล้วรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะทีเดียว :b16:

สวัสดีค่ะ คุณจขกท.
ขออันเชิญบทกลอนของบรมครูสุนทรภู่ จากเรื่องสุภาษิตสอนหญิง เอาไว้เป็นบทเรียน
สอนใจได้ค่ะ

:b45: แม้ชายใดใจประสงค์มาหลงรัก
ให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น
อันความรักของชายมีหลายชั้น
เขาว่ารักรักนั้นประการใด
จงพินิจคิดดูให้รู้แน่
อย่าทำแต่ใจเร็วจะเหลวไหล
เปรียบเหมือนคิดปริศนาอย่าไว้ใจ
มันมักไพล่แพลงขุมเป็นหลุมพรางฯ :b41:

ถ้าคุณจขกท.อยากพ้นไปจากความทุกข์แนะนำให้ "ปฏิบัติธรรม" เจริญวิปัสสนาภาวนาค่ะ
หรือจะเริ่มจากการฝึก เจริญสมถะ ไปก่อนก็ได้ ก็สามารถช่วยได้มากเหมือนกันค่อยๆ ศึกษาไปค่ะ
ก่อนจะปฏิบัติ ให้ศึกษาปริยัติพอควรต่อการปฏิบัติแล้วจึงค่อยนำไปปฏิบัติจะได้ไม่หลงทาง
ถ้าคุณปฏิบัติจนได้ปฏิเวธ (ผล) เกิดขึ้นกับตัวเองบ้างแล้ว คุณจะรู้สึกได้ว่าคุณมีบุญมากที่ได้เกิด
มาพบพระพุทธศาสนา...ชีวิตนี้ไม่เสียชาติเกิดแล้ว

ทุกข์นั้นมีไว้ให้กำหนดรู้...ไม่ได้มีไว้ให้เป็นทุกข์...มันเป็นเพียงสภาวะธรรมที่เกิดตามเหตุปัจจัย
แล้วก็หมดไป..ไม่ใช่ตัวใช่ตนที่แท้จริง ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของเขาแล้ว...มันก็สักแต่ว่า
เกิดขึ้นแล้วก็หมดไปเท่านั้นเอง...ใจมันไม่ยึดว่าเป็นเราเป็นของเรา..ก็ไม่ทุกข์
ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นสภาวะของทุกข์ไปให้ได้นะคะ :b45:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 20:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ค. 2011, 08:56
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


บทความของสุนทรภู่ สอนใจได้ดีทีเดียวค่ะ ต้องจำไว้เป็นบทเรียนเลย ขอบคุณค่ะ คุณปลีกวิเวก แต่อยากจะถามเพิ่มเติมนิดนึงว่า การเจริญสมถะนี่ ควรเริ่มจากไหนค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


A young girl เขียน:
ได้วิธีใหม่แล้ว จะรับไปปฏิบัติ จันทร์นี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณกรัชกาย


อุปสรรค์บ่มี บารมีบ่เกิด

ได้ผลไม่ได้ผลยังไงกลับมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ :b14:

อันที่จริง ไม่ต้องรอถึงวันจันทร์ก็ได้ เริ่มปฏิบัติเสียแต่เดี๋ยวนี้ขณะนี้เลย เช่นคิดถึงเขาคิดถึงอดีตที่เคยซึ้งๆเกี่ยวกับเขาแล้วเศร้าใจ เป็นต้น ก็สำรวมอินทรีย์ (มนินทรีย์) ได้เลย ดึงความรู้สึกมาจึ้ตรงหัวใจ (ใต้ราวนมด้านซ้าย) คิดหนอๆๆๆๆ เพียงเท่านี้ วิถึจิตเปลี่ยนออกนอกเส้นทางแห่งทุกข์ ขึ้นสู่ทางแห่งอริยะแล้วครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2011, 08:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


A young girl เขียน:
บทความของสุนทรภู่ สอนใจได้ดีทีเดียวค่ะ ต้องจำไว้เป็นบทเรียนเลย ขอบคุณค่ะ คุณปลีกวิเวก แต่อยากจะถามเพิ่มเติมนิดนึงว่า การเจริญสมถะนี่ ควรเริ่มจากไหนค่ะ


เริ่มจากที่ท่านกรัชกาย แนะนำก็ได้ค่ะ
สมถะภาวนา หมายถึงการกำหนดให้จิตใจแน่วแน่ในอารมณ์เดียว ผลที่ได้รับคือสมาธิ

การเจริญ "สมถะ" ใช้ "สติ" เพื่อจับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง(ที่ใช้เป็นองค์ภาวนา)
เพื่อให้เกิดสมาธิ ผลคือสมาธิตั้งมั่นนำไปสู่ "ฌาน" สมาธิที่ตั้งมั่นสามารถกดข่มหรือระงับนิวรณ์
ได้ชั่วคราว

หรือศึกษาจากบทความด้านล่างนี้ก็ได้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่จะนำไปปฏิบัติได้ค่ะ


สมถกรรมฐาน ระงับนิวรณ์ ๕
http://www.thaniyo.com/index.php/2009-05-03-02-45-43


ภาวนาพุทโธไปจนกว่าจิตจะสงบ มีความสว่าง มีปีติ มีความสุข อันเป็นสมาธิขั้นสมถกรรมฐาน มีจุดมุ่งหมายที่จะระงับนิวรณ์ ๕ ประการ คือ กามฉันทะ ความใคร่ในกามหรือความสุขสบาย พยาปาทะ ความพยาบาทเคียดแค้น ถีนะมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน อุทธัจจะกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านรำคาญ วิจิกิจฉา ความลังเล ไม่ตกลงใจที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมโดยเอาชีวิตเข้าแลก นี่คือจุดมุ่งหมายของการเจริญกรรมฐานขั้นสมถะ

กรรมฐานอันใดที่เนื่องด้วยบริกรรมภาวนา พุทโธ, สัมมาอรหัง, ยุบหนอพองหนอ เป็นวิธีการปฏิบัติสมถกรรมฐาน ใครปฏิบัติบริกรรมภาวนาอะไรก็ได้ จุดมุ่งหมายเพื่อระงับนิวรณ์ ๕ ให้สงบระงับไปจากจิตในขณะที่ภาวนาอยู่

กรรมฐานอันใดสามารถทำจิตให้สงบ สว่าง มีปีติ มีความสุข มีความเป็นหนึ่ง จิตรู้ ตื่น เบิกบาน นิวรณ์ ๕ หายไปหมดสิ้น กรรมฐานอันนั้นเป็นกรรมฐานที่ถูกต้อง ใครจะภาวนาแบบไหนอย่างไรก็ตาม เมื่อสามารถทำจิตให้สงบนิ่งเป็นสมาธิ ขจัดนิวรณ์ ๕ ได้ เป็นการใช้ได้ทั้งนั้น

ดังนั้น ณ โอกาสต่อไปนี้ ขอเชิญท่านทั้งหลายจงบริกรรมภาวนา ใครคล่องตัวในการบริกรรมภาวนาพุทโธ ก็ว่า สัมมาอรหัง ก็เอา ยุบหนอพองหนอ ก็ใช้ได้ หลักสำคัญให้ขจัดนิวรณ์ ๕ ได้ เป็นจุดมุ่งหมายของการเจริญสมาธิขั้นสมถะ อันนี้สำหรับผู้ที่เริ่มต้น

สำหรับผู้ที่ภาวนาเก่งแล้ว จิตมีภูมิจิต ภูมิใจ มีภูมิธรรมเกิดขึ้น เมื่อภาวนาไป จิตเกิดมีความคิด ให้มีสติกำหนดตามรู้ความคิดเรื่อยไป สำหรับผู้ใหม่ ภาวนาพุทโธ พุทโธ เป็นต้น เมื่อจิตทิ้งพุทโธไปคิดอย่างอื่น ให้กลับมานึกพุทโธๆๆ ถ้าจิตสงบลงไปแล้ว หยุดว่าพุทโธ แต่มีปีติ มีความสุข นิ่ง ว่าง อยู่เฉยๆ ก็ปล่อยให้นิ่งว่างอยู่อย่างนั้น ถ้าหากเกิดความคิดขึ้นมา ปล่อยให้คิดไป แต่มีสติตามรู้ไปทุกขณะจิต นี่คือจุดเริ่มต้นของการภาวนา

อย่ากลัวติดสมถะ สมาธิขั้นสมถะนี่ต้องเอาให้ได้ ต้องพยายามบริกรรมภาวนาเอาให้ได้ ให้จิตสงบ นิ่ง สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน มีปีติ มีความสุข กายเบา จิตเบา กายสงบ จิตสงบ นิวรณ์ ๕ หายไป ความฟุ้งซ่านรำคาญหายไป มีแต่ปีติและความสุขบังเกิดขึ้นในจิต

จิตมีปีติและความสุขเป็นภักษาหาร ผู้ภาวนาย่อมอยู่อย่างสงบเยือกเย็น หาความสุขอันใดจะเทียมเท่าความสงบจิตที่ประกอบด้วยปีติและความสุขไม่มีแล้ว ดังนั้น อย่ามองข้ามความสงบ อย่ามองข้ามสมาธิ ต้องให้เอาสมาธิให้ได้ อย่าไปกลัวจิตจะติดสมาธิ ถ้าจิตไปติดความสงบ ติดสมาธิ ดี ดีกว่าไปติดอย่างอื่น ให้มันติดสมาธิ ติดความสงบเอาไว้ก่อน อย่าไปกลัว บางทีบางท่านภาวนาพุทโธแล้วกลัวจิตจะติดสมถะ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังไม่เคยเป็นสมถะ จิตยังไม่สงบเป็นสมถะ ยังไม่สงบเป็นสมาธิ แต่ไปกลัวจิตจะติดเสียก่อนแล้ว ในเมื่อเกิดกลัวขึ้นมา จิตก็ไม่เป็นสมาธิ เมื่อไม่เป็นสมาธิ วิปัสสนาก็ไม่มี ต้องเอาจิตให้เป็นสมาธิก่อน อันนี้สำหรับผู้ปฏิบัติเบื้องต้น ต้องยึดอันนี้เป็นหลัก

ขอเจริญในธรรมค่ะ

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร