วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 07:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2009, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ม.ค. 2009, 14:52
โพสต์: 2


 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันมีสามีแล้ว แต่รักกับผู้ชายอีกคน (ไม่มีอะไรกัน) ดิฉันจะขอเลิกกับสามี เพื่อไปคบหากับผู้ชาย
อีกคน ดิฉันรักผู้ชายคนนี้ เขาคือคนที่ใช่ คนที่ต้องการ เป็นคนดี ดิฉันอยากถามผู้รู้ว่า
ถ้าดิฉันขอเลิกกับสามี ดิฉันจะบาปไหม จะเป็นเวรกรรมต่อกันไหม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2009, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 18:57
โพสต์: 159


 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุ ท. ! ในโลกนี้ ครั้งก่อนแต่การตรัสรู้ เมื่อเรายังไม่ได้ตรัสรู้
ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่ ตนเองมีความเกิด เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็ยังมัวหลงแสวง
หาสิ่งที่มีความเกิดเป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง, ตนเองมีความแก่ เป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ก็ยังมัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง, ตนเองมีความเจ็บไข้
เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็ยังมัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง,
ตนเองมีความตาย เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็ยังมัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความตาย
เป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง, ตนเองมีความโศก เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็ยังมัวหลง
แสวงหาสิ่งที่มีความโศกเป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง, ตนเองมีความเศร้าหมองโดย
รอบด้าน เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็ยังมัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความเศร้าหมอง
โดยรอบด้านเป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง อีก.
“ภิกษุ ท. ! ก็อะไรเล่า เป็นสิ่งที่มีความเกิด (เป็นต้น) ฯลฯ มีความ
เศร้าหมองโดยรอบด้าน (เป็นที่สุด) เป็นธรรมดา?
“ภิกษุ ท. ! บุตรและภรรยา มีความเกิดเป็นธรรมดา ฯลฯ มีความ
เศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดา ทาสหญิงทาสชาย มีความเกิดเป็น
ธรรมดาฯลฯ มีความเศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดา.แพะ แกะ มี
ความเกิดเป็นธรรมดา ฯลฯ มีความเศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดา. ไก่
สุกร มีความเกิดเป็นธรรมดา ฯลฯ มีความเศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดา.
ช้าง โค ม้า ลา มีความเกิดเป็นธรรมดา ฯลฯ มีความเศร้าหมองโดยรอบด้าน
เป็นธรรมดา. ทองและเงิน เป็นสิ่งที่มีความเกิดเป็นธรรมดา ฯลฯ มีความ
เศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดา. สิ่งที่มนุษย์เข้าไปเทิดทูนเอาไว้ เหล่านี้แล
ที่ชื่อว่าสิ่งที่มีความเกิดเป็นธรรมดา ฯลฯ มีความเศร้าหมองโดยรอบด้านเป็น
ธรรมดา ซึ่งคนในโลกนี้ พากันจมติดอยู่ พากันมัวเมาอยู่ พากันสยบอยู่
ในสิ่งเหล่านี้ จึงทำให้ตนทั้งที่มีความเกิดเป็นธรรมดา ฯลฯ มีความเศร้าหมอง
โดยรอบด้านเป็นธรรมดาอยู่เองแล้ว ก็ยังมัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความเกิดเป็น
ธรรมดา ฯลฯ ที่มีความเศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดา อยู่นั่นเอง อีก

“ภิกษุ ท. ! ความคิดอันนี้ ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า “ทำไมหนอ เราซึ่งมี
ความเกิด ฯลฯ ความเศร้าหมองโดยรอบด้าน เป็นธรรมดาอยู่เองแล้ว จะต้อง
ไปมัวแสวงหาสิ่งที่มีความเกิด ฯลฯ ความเศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดาอยู่อีก.
ไฉนหนอ เราผู้มีความเกิด ฯลฯ ความเศร้าหมองโดยรอบด้าน เป็น ธรรมดา
อยู่เองแล้ว ครั้งได้รู้สึกถึงโทษอันต่ำทรามของการมีความเกิด ฯลฯ ความ
เศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดานี้แล้ว เราพึงแสวงหา นิพพาน อันไม่มี
ความเกิด อันเป็นธรรมที่เกษมจากเครื่องร้อยรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าเถิด.

ภิกษุ ท. ! เรานั้นโดยสมัยอื่นอีก ยังหนุ่มเทียว เกสายังดำจัด บริบูรณ์
ด้วยความหนุ่มที่กำลังเจริญ ยังอยู่ในปฐมวัย, เมื่อมารดาบิดาไม่ปรารถนาด้วย
กำลังพากันร้องไห้น้ำตานองหน้าอยู่, เราได้ปลงผมและหนวด ครองผ้าย้อมฝาด
ออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีเรือนแล้ว.

จูฬทุกขักขันธสูตร สีหนาทวรรค มู.ม. ๑๒/๑๘๐/๔๑๑ ตรัสแก่ท้าวมหานาม ที่นิโครธาราม
กรุงกบิลพัสด
----------------------------------------
ภารทวาชะ ! ในโลกนี้ ครั้งก่อนแต่การตรัสรู้ เมื่อเรายังไม่ได้ตรัสรู้
ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่,ความคิดนี้เกิดมีแก่เรา ว่า “ฆารวาสคับแคบ เป็น
ทางมาแห่งธุลี, ส่วนบรรพชาเป็นโอกาสว่าง; ผู้อยู่ครองเรือนจะประพฤติ
พรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ด้วยดี เหมือนสังข์ที่เขาขัดดีแล้วนั้นใช้ไม่ได้. ถ้าไฉน
เราพึงปลงผมและหนวด ครองผ้าย้อมฝาดออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีประโยชน์
เกี่ยวข้องด้วยเรือน เถิด” ดังนี้ ภารทวาชะ ! เรานั้นโดยสมัยอื่นอีกยังหนุ่มเทียว….

บาลี สคารวสูตร พราหมณวรรค ม.ม. ๑๓/๖๖๙/๗๓๘. ตรัสแก่พราหมณ์หนุ่ม ชื่อสคารวะ,
ที่หมู่บ้านปัจจลกัปป์.
----------------------------------------
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2009, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จขกท. มีสามีแล้ว แล้วมีลูกด้วยกันหรือไม่ครับ
แล้วชายคนใหม่มีครอบครัวไหม รู้หรือไม่ว่าคุณมีสามีแล้ว


แล้วที่ถามว่าจะบาปไหม เป็นเวรเป็นกรรมต่อกันไหม

เคลียปัญหานี้ให้ผ่านก่อน แล้วค่อยคิดถึงข้อนั้น สมมุติว่า คุณต้องการเลิกกับสามีจริงๆ เพื่อไปคบคนใหม่ เพราะคิดนึกว่า เขาคือคนดี คนที่ใช่ คนที่ต้องการ ฯลฯ
คุณต้องกล้าๆ หน่อย กล้าคุยกับสามีตรง ๆ ตามที่เราคิดตามที่ใจเราต้องการนั่นแหละ

ได้ผลเป็นประการใดค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง :b1:

แล้วก็กล้าบอกกับชายคนใหม่ตามความเป็นจริงด้วย (หากยังไม่รู้ว่าเรามีสามีแล้ว) แม้รู้แล้ว ก็ควรให้เขาพาไปพบพ่อแม่เขาด้วย แล้วเล่าความจริงให้ผู้ใหญ่ฟัง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หากพ่อแม่เขารับไม่ได้ ก็จะขัดแย้งกับพ่อแม่เขาอีก แล้วคุณจะพลาดซ้ำสอง...เปรียบให้เห็นภาพชัดๆ เหมือนลิงที่ห้อยโหนโยนตัวอยู่ตามต้นไม้ ก่อนที่มันจะปล่อยมือจากกิ่งหนึ่งไปจับอีกกิ่งหนึ่งต้องมั่นใจว่า ไม้กิ่งนั้นไม่หัก หรือจับไม่พลาดแล้วจึงปล่อย ...หากจับไม่มั่น หรือกิ่งไม้หัก ตัวมันเองนั่นแหละจะร่วงหล่นจากต้นไม้นั้น ฉันใด ก็ฉันนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2009, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2009, 22:30
โพสต์: 61


 ข้อมูลส่วนตัว


ประเด็นที่ ผมว่าอยู่ที่ตัวคุณมากที่สุดดดดดดด

คุณมีสามี แต่ไปรักชายอื่น บอกว่าเป็นคนที่ใช่

คุณตอบได้ไหมว่า คนที่ใช่ นี่ มันจะใช่ไปตลอดทั้งชีวิตของคุณหรือ?

ถ้าแรกๆ บอกว่า ใช่ พอคบกันไป เห็นนิสัยที่แท้จริง แล้วคุณรับไม่ได้ คุณก็บอกว่าไม่ใช่อย่างที่คิด

แล้วถ้าไปเจอคนใหม่อีก ถูกใจ คุณก็ต้องบอกว่าใช่ แล้วก็เลิกกะคนเก่าอีก

ถ้าเป็นอย่างนี้มันก็เป็นวัฏจักร ที่ไม่สิ้นสุด

มันก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย มันเป็นไปเพราะอำนาจ ตัณหา คือมีความต้องการตามใจของตัวเอง

อยากได้คนที่ตัวเราเองคิดจิตนการเอาไว้ ว่าแฟนของเราต้องดีอย่างนั้น ต้องดีอย่างนี้

ต้องเป็นคนแบบนั้น ต้องเป็นคนแบบนี้

อีกกี่คนล่ะครับ ที่มันจะได้สมบูรณ์แบบ

การอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่การทดลอง แต่มันเป็นชีวิตจริง


ผมว่าคุณต้องสำรวจชีวิต ที่เป็นอยู่ของคุณก่อนว่า มันเป็นอย่างไรแล้วลองปรับแต่งชีวิตคู่
ให้มีความสุข เท่าที่คุณจะทำได้

หากว่าคุณทำดีที่สุดแล้ว ไปด้วยกันไม่ได้ ก็บอกเลิกกันด้วยดี อย่ากันซะ แล้วค่อยหาคบคนใหม่

เพื่อชีวิตที่ดี


อย่าตามใจ กิเลสตัณหาตัวเองมากไป จนเราขาดปัญญาในการใช้ชีวิตที่จะเรียนรู้ให้เราอยู่อย่างมีความสุข


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2009, 09:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ม.ค. 2009, 14:52
โพสต์: 2


 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันยังไม่มีลูก ค่ะ แล้วผู้ชายอีกคน รู้มาโดยตลอด ว่า ดิฉันมีแฟนแล้ว ส่วนผู้ชายอีกคน
ไม่มีแฟน ค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำแนะนำดี ๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2009, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.พ. 2009, 13:13
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากให้ระลึกว่าตอนก่อนแต่งงานกับสามี เขาคือคนดี คนที่ใช่ที่สุด ใช่ไหมครับ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2009, 22:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากให้ท่านอ่านกระทู้ AS LONG AS YOU LOVE ME ของคุณบุญชัยจังเลยครับ ผมขอพูดถีงทางโลกียะนะครับ ผมว่า ท่านน่าจะบอกสามีคุณตรงๆนะ ไม่อย่างนั้นทุกคนก็มีแต่ปวดร้าว ไม่ว่าคุณ หรือ สามี หรือคนนั้น ผมว่า ผู้ชายเค้ารับได้ถ้าเค้ารักคุณจริง เปิดโอกาสให้ตัวคุณเองแล้วจงเปิดโอกาสให้กับสามีคุณด้วยนะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้หรอกครับ "เก่าก็แสนดี ใหม่ก็เข้าที" ที่แน่ๆ ถามใจคุณก่อนนะครับว่า ใครคือคนที่ใช่ไม่ใช่หลง หรือปลื้ม และอย่าเผอไผลปล่อยตัวไปตามกระแส ถ้าถึงขั้นนั้นแล้วมันไม่มีอะไรดีเกิดขึ้นมาเลย และตัวคุณเองจะทุกข์ใจและเสียใจเป็นที่สุด คนต่อมาที่เข้าแถวต่อคุณ คือสามีของคุณ ส่วนคนมาใหม่ผมไม่แน่ใจว่าเค้าจะรู้สึกอย่างไรนะครับ...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 32 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร