วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 18:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2020, 12:55 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กัณฑ์ที่ ๓
ศาสดาเอกของโลก
พระธรรมเทศนาของหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม

รูปภาพ

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส


มนุสฺโสวา เอตํ พุทฺธสาสนนฺตี ติ

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานี้ก็เป็นมนุษย์ เมื่อท่านเป็นมนุษย์นั้น ทานบารมี อยู่ใน ทาน การถวายของ ปรารถนาอยากเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ศีลบารมี การรักษาศีล ๕ ศีล ๘ ปรารถนาอยากเป็นพระพุทธเจ้า

เนกขัมมะบารมี ใจคิดออกบวช

ปัญญาบารมี ความรู้ดีรู้ชอบในศีล ในฌาน แต่เป็นโลกียศีล โลกียฌาน น้ำใจปรารถนาอยากเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

วิริยะบารมี มีความเพียรให้ทาน หรือความเพียรทำการทำงานต่างๆ แต่น้ำใจปรารถนาอยากเป็นพระพุทธเจ้า

ขันติบารมี มีความอดทน ไม่มีเวรเป็นกรรมแก่ใคร แต่น้ำใจอยากเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เมตตาบารมี มีจิตเมตตาแก่เพื่อนมนุษย์ เพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย อเวรา ไม่มีเวรแก่มนุษย์ ใจอยากเป็นพระพุทธเจ้า

อุเบกขาบารมี กระทำจิตเป็นกลาง วางจิตเฉย

สํสาเร สํสารนฺติ ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายไม่มีที่สิ้นสุด นับบารมีถึงสี่อสงขัย แสนมหากัปป์ ชาติที่สุดก็ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นมนุษย์นั่นแหละ

พุทฺธกปฺเปน มนุสฺเสน ศาสนาพระพุทธเจ้ากัสสปะสูญไปแล้ว ไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีพระพุทธศาสนา มีแต่ศาสนาพราหมณ์ ธรรมชาติ มนุษย์ ผู้ถือพุทธก็มี ถือพราหมณ์ก็มี ถือไปตามอาการของมนุษย์

เทพยเจ้าจึงได้ปรึกษากันว่า มนุษย์จะได้เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ เทพยเจ้าทั้งสี่ มีสิงกุฏอมาตย์ สัจจะเทวบุตร อาการีเทวบุตร เป็นต้น จึงกล่าวว่า เอส ธมฺโม เอกญาโณ มีพระยาธรรมเจ้าองค์หนึ่ง คือ เวสสันตะระ ท่านตายจากมนุษย์นี้ และจักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เทพยเจ้าจึงขึ้นไปกราบอาราธนาถึงชั้นจาตุมหาราชิกา จึงกล่าวบทคาถาบาลีมคธว่า กโรยตฺเตมหาวีโร อาราธนํกโร ข้าพเจ้าทั้งหลายขอโอกาสอาราธนาหน่อพุทธังกูร ผู้มีบุญตนประเสริฐ จงลงไปเกิดเถิดพระเจ้าข้า

อุปมาดอกบัว ๒ ดอก ดอกหนึ่งได้แก่พระเจ้าสุทโธทนะ ดอกที่สองได้แก่พระนางสิริมหามายา

ดังนั้น พระโพธิสัตว์รับนิมนต์ แล้วลงมาจากสวรรค์ ในสวรรค์ พรหมก็เป็นสวรรค์เหมือนกันนั่นแหละ แต่ว่าเป็นชั้นๆ

พระเจ้าสุทโธทนะ ลงมาจากพรหมชั้นพรหมปริสัชชา พระนางเจ้าสิริมหามายา ลงมาจากพรหมปโรหิตา

ตัวพระโพธิสัตว์มหาพรหมมานี้แหละลงมาจากพรหมปฏิสนธิธาตุเข้าท้องยายวันพุธ ยายฝันเห็นช้างเผือกได้อุ้มช้างเผือก ว่าลูกยายจะเป็นผู้ชาย สิบเดือนคลอด เสด็จเจ็ดก้าวตีนโลกิยฌานของท่าน

ทานบารมีเป็นฌานที่หนึ่ง ศีลบารมีเป็นฌานที่สอง เนกขัมมบารมีเป็นฌานที่สาม ปัญญาบารมีเป็นฌานที่สี่ วิริยะบารมีเป็นฌานที่ห้า ขันติบารมีเป็นฌานที่หก สัจจะบารมีเป็นฌานที่เจ็ด เสด็จเจ็ดก้าวตีน นางสาวสนมได้เห็นด้วยจักขุคือตา กล่าวคาถาว่า ธมฺมสฺสวนกาโล อยมฺภทนฺตา ลูกยายบินได้ลูกตาบินได้นี่น่าอัศจรรย์

พระเจ้าสุทโธทนะ รับเอาแม่กับลูกไว้ได้ ๗ วัน พระมารดาสวรรคต คือตาย ทิ้งลูกเป็นกำพร้า พระแม่น้าเลี้ยงไว้ ฤาษีมาทำนาย จะได้เป็นพระพุทธเจ้า

พระฤาษี ๓ องค์เข้ามาเฝ้า พระเจ้าสุทโธทนะ จึงอุ้มเอาพระราชบุตรไปกราบฤาษี

พระฤาษีมองเห็นแล้วด้วยฌาน จึงกล่าวเป็นภาษาบาลีว่า อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ อิทมฺปิ สงฺเฆ รตนํ มหาปุริสาลกฺขณานุภาเวน อสีตยานุพยญฺ ชนานุภาเวน นวโลกุตฺตรธมฺมานุภาเวน สมยวิมุตฺโต อสมยวิมุตฺโต

อธิบายเป็นภาษาไทย ถวายพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า พระราชบุตรพระองค์เจ้าออกบวชเป็นฤาษี พุทฺเธ รตนํ ได้เป็นพระพุทธเจ้า หนึ่งไม่มีสอง เอโก สุริโย พระอาทิตย์ดวงเดียว ชายคนนี้แหละจะได้เป็นพระพุทธเจ้า

เมื่อท่านได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะแสดงพระปรมัตถ์ พุทฺธปญฺญตฺติ อิทมฺปิ สงฺเฆ รตนํ อสีติพุทธสาวก ๘๐ องค์ มีฤทธิ์ศักดานุภาพ อสีตยา นุพยญฺญชนานุภาเวน

มหาปุริสลกฺขณานุภาเวน ฝ่าตีนเป็นกงจักร ฝ่ามือเป็นดอกบัว

เมื่อท่านได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะเทศนาปรมัตถ์ได้ชื่อว่า พุทฺธปญฺญตฺติ นวโลกุตฺตรธมฺมานุภาเวน แสดงธรรมเก้าประการ เกิดจากวิญญาณหัวใจ พระโพธิสัตว์ สมยวิมุตฺโต

อาตมาเกิดมาเกินสมัย ก่อนสมัยตายเสียเปล่าๆ ไม่มีทางที่จะไป สวรรค์ก็ไม่รู้ พรหมก็ไม่รู้ นิพพานก็ไม่รู้ อสมยวิมุตฺโต มนุษย์ที่เกิดในสมัยท่านเป็นศิษย์ของท่าน นวโลกุตฺตรธมฺมานุภาเวน จ เทศนา เก้าประการเกิดจากวิญญาณพระโพธิสัตว์ ถวายพระพรมหาบพิตรพระราชสมภาร

เหตุนั้น พระองค์ใหญ่แล้วก็ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินครอบครองพระราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดิน มีบุตรชายพระองค์หนึ่ง อายุ ๒๘ ปี บารมีที่สร้างไว้ ทานเป็นปรมัตถ์ ศีลเป็นปรมัตถ์ ตลอดถึงอุเบกขาเป็นปรมัตถ์

เมื่อเป็นพระปรมัตถ์เกิดจากหัวใจแล้ว จึงเสด็จออกบวช กาย วาจา ใจ เจริญกรรมฐานภาวนา ๖ ปี ได้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกาศพระศาสนาอยู่ ๔๕ ปี บัญญัติศีลธรรมกรรมฐานแล้วนิพพานไป

เมื่อจะปรินิพพานนั้นอายุของพระองค์ ๘๐ ปีแล้ว จึงพร้อมพุทธสาวกไปเมืองกุสินารา พระอานนท์ พระกัสสปะ พระอนุรุทธะ ข้ามแม่น้ำกุกุทานามะ ที่อาบน้ำชำระกายแล้วไปถึงแม่น้ำหิรยะประเทศ เข้าเขตกรุงกุสินารา เดือน ๖ ออก ๑๔ ค่ำ

พระเจ้ามัลละกษัตริย์มาเฝ้าพระพุทธเจ้า จึงเปล่งคาถาก่อนจะปรินิพพานนั้นขึ้นว่า โยโข อานนฺท ภิกฺขุ วา ภิกฺขุณี วา ภิกษุก็ดี นางภิกษุณี นางสามเณรีก็ดี เจ้าสามเณรก็ดี อุปาสโก วา อุปาสิกา วา ธมฺโม จ วินโย จ พระธรรมจะเป็นครูสั่งสอน พระวินัยจะเป็นครูสั่งสอน ปญฺญตฺโต โสโว ตถาคตบัญญัติไว้แล้ว

พรุ่งนี้อยู่ไม่ได้แล้ว เตสํ รูปแตก รูปตายเสียแล้ว แต่ใจไปนิพพาน เตสํ เวทนาแตก เวทนาตายเสียแล้ว เตสํ สัญญาแตก สัญญาตาย สังขารแตก สังขารตาย

อะไรมันตาย รูปก็ตาย เวทนาก็ตาย สัญญาก็ตาย สังขารก็ตาย มีปาก ปากก็ตาย มีหัวใจ หัวใจก็ตาย แต่ใจนั้นไม่ตาย ใจนั้นจะไปนิพพานเสียแล้ว อันนี้ก็ประเสริฐ

ทุติย ปริเฉทอุปสโก วา อุปสิกา วา โยมทั้งหลายเกิดมาในพุทธศาสนา เป็นผู้ใกล้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ใกล้อย่างนั้น อย่างไรจึงจะเป็นผู้ใกล้ นั่งใกล้ก็ไม่ใช่ นอนใกล้ก็ไม่ใช่ และยืนใกล้ก็ไม่ใช่ ทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้ที่ใกล้ โยมผู้หญิงผู้ชายทั้งหลาย

ทานบารมี ตั้งอยู่ในทาน การถวายของตามที่จัดหามาได้ มีมากก็ทานมาก มีน้อยก็ทานน้อย ทานตามมีตามเกิด

ศีลบารมี ตั้งอยู่ในศีลห้า ศีลแปด ธรรมบารมี ตั้งอยู่ในธรรมคำสั่งสอนของเราแล้ว ศาสนธรรมคำสั่งสอนของเราก็เจริญ เต็มไปด้วยพระโสดา ไม่เลือกผู้หญิงผู้ชาย เต็มไปด้วยพระสกิทาคา ได้ทั้งหญิงทั้งชาย เต็มไปด้วยพระอนาคา เต็มไปด้วยพระอรหันต์ จิตวิญญาณเท่ากันทั้งนั้น

แม้โยมทั้งหลาย ทานบารมีก็ไม่ทำเลย ศีลบารมี ศีลห้า ศีลแปด ก็ไม่เอา ธรรมคำสั่งสอนของเราก็สูญหมด หายหมด ไม่เป็นประโยชน์แก่มนุษย์

ธมฺโม จ วินโย จ พระธรรมอยู่ที่ไหน เดิมทีอยู่ที่กายพระพุทธเจ้า ที่ใจพระพุทธเจ้า น้อมเข้ามาในกายของเรา ก็เป็นตัวเดียวกันนั่นแหละ พระธรรมที่ใจของเรา วินัยก็ที่ใจของเรา

ธรรมนั้นคืออะไร รูปก็พระธรรม เวทนาก็พระธรรม สัญญาก็พระธรรม วิญญาณก็พระธรรม ตาก็พระธรรม หูก็พระธรรม จมูกก็พระธรรม ปาก ก็พระธรรม กายก็คือพระธรรมนั่นแหละ ใจที่เราทำบาป บาปก็เกิดจากหัวใจ นี่แหละ

สมมติถ้าเราทำนาก็ได้ข้าวกิน เอาผัวเอาเมียก็ได้ลูกสาวลูกชายตามความปรารถนา ถ้าเราไม่เอาเมียเอาผัวก็ไม่ได้ลูกสาวลูกชาย

ธรรมทั้งหลายก็อยู่ที่หัวใจของเรา กายของเรา วินโย จงรักษาวินัย ศีล ๒๒๗ ก็พุทธวินัย มีศีล ๕ เป็นเค้า ศีล ๘ เป็นปลาย ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ก็เป็นปลาย

ศีลทั้งหลาย มีศีล ๕ เป็นเค้า ศีล ๕ เปรียบเหมือนแผ่นดิน ศีล ๘ เหมือนต้นกล้วยต้นอ้อย ศีล ๒๒๗ เหมือนต้นข้าว

เปรียบเหมือนนายเศรษฐี จะทำนาก็ดี จะปลูกต้นกล้วยก็ดี ต้นอ้อยต้นข้าวทั้งหลายนี้ปลูกลงในแผ่นดิน ไม่มีดิน กล้วยอ้อยทั้งหลายก็ตาย

นี่แหละศีลทั้งหลายมีศีล ๕ เป็นเค้า (ต้น) เมื่อได้ศีล ๕ แล้ว ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ก็ได้เค้า

ศีล ๕ ก็เค้าขาของเราทุกคน เค้าแขนของเราทุกคน ศีล ๕ ก็หัวใจของเรานี้แหละ หัวใจนั้นคืออะไร ?

การที่เราเกิดมานี้เรียกว่าผู้หญิงผู้ชายนี้ ก็เป็นเพียงแต่ขันธ์เท่านั้น ส่วนใจนั้นทำให้เป็นพระอรหันต์ได้ เหตุนั้นธรรมอรหันต์ก็คือใจนั่นแหละ

เวรมณี ไม่ฆ่าสัตว์ เป็นธรรมที่หนึ่ง เวรมณี ไม่ลักทรัพย์ เป็นธรรมที่สอง เวรมณี ไม่ประพฤติผิดในกาม เป็นธรรมที่สาม เวรมณี ไม่กล่าวมุสาวาท เป็นธรรมที่สี่ เวรมณี ไม่กินเหล้าเมาสุรา เป็นธรรมที่ห้า นี่แหละ ธรรมะอยู่ที่นี้ จึงจะแปลเวรมณีออกเป็นภาษาไทย

กายานุปัสสนาสติปัฏฐานัง รูปขันธ์เป็นกายที่หนึ่ง เวทนาขันธ์เป็นกายที่สอง สัญญาขันธ์เป็นกายที่สาม สังขารขันธ์เป็นกายที่สี่ วิญญาณขันธ์เป็นกายที่ห้า นี้แหละเรียกว่ากายานุปัสสนาสติปัฎฐานัง

กายานุปัสสนา เรามีกาย ไม่พากายไปฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท ดื่มสุรายาเมา กายก็กลายเป็นพระพุทธเจ้า ใจก็เป็นพระพุทธเจ้า กายเราใจเราทุกคนนี่แหละ

๑. แปลมาที่กายของเรา ใจของเรา รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ใจไม่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท ดื่มสุรายาเมา ใจเป็นโสดาผลหนึ่ง พุทโธคือใจของเรา

๒. รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ใจไม่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท ดื่มสุรายาเมา ใจนั้นเป็นโสดาผล

๓. รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ออกบวชไม่มีผัวเมีย ใจนั้นเป็นโสดาผล

๔. รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ไม่ขี้ปด ใจนั้นเป็นโสดาผล

๕. กายานุปัสสนา เรามีกายไม่พากายไปกินเหล้า กายกับใจก็เป็นโสดาผล

อริยบุคคล เกิดจากพุทโธ ธัมโม สังโฆ

อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฆ่าสัตว์ก็ละแล้ว ยังแต่พุทโธ ธัมโม สังโฆ คือใจของเราทุกคน

ลักทรัพย์ละแล้ว ยังแต่พุทโธ ธัมโม สังโฆ คือใจของเราทุกคน

เสพกามก็ละแล้ว ยังแต่พุทโธ ธัมโม สังโฆ คือใจของเราทุกคน

พุทโธอยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจของเรา พุทธภายใน พุทธภายนอก

พุทธภายใน ได้แก่ ใจที่บริสุทธิ์ ใจที่บริสุทธิ์ ใจที่ไม่เป็นใบ้ ใจดีใจงาม ใจซื่อสัตย์ ใจมีศีลธรรม พุทโธเกิดจากใจของเราทุกคน ธัมโมก็ใจ สังโฆก็ใจ ใจเป็นพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า นี้เรียกว่า พุทธภายใน

พุทธภายนอก ได้แก่ ตาของเรา ถ้าตาบอดตาเสีย ตาไม่มีพุทธ ตาไม้สักไม้ซาง ตาไม้ไผ่ ไม้ไร่ ไม้บง ตาอย่างนั้นไม่ใช่ตามีพุทธ

ตามนุษย์เราท่านทั้งหลายผู้ถือพุทธศาสนา พุทธภายใน ได้แก่ ใจของเราทุกคน พุทธภายนอก ได้แก่ ตาอันนี้เป็นองค์ที่หนึ่งและองค์ที่สอง

พุทธภายในคือใจที่บริสุทธิ์ คือ ใจมีทาน ใจมีศีล ใจมีธรรม พุทโธเกิดจากใจของเราทุกคน ธัมโม สังโฆ ก็เหมือนกัน ใจเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันนี้แหละเรียกว่า พุทธภายใน

พุทธภายนอก พุทโธก็หูของเราทุกคน ธัมโม สังโฆ ก็เหมือนกัน หูเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

หูหนวกหูเสีย หูไม่มีพุทธ ได้แก่ หูกระเช้า หูกระทะ หูกระบุง หูอย่างนั้นไม่มีพระพุทธ หูมีพระพุทธ ได้แก่ หูมนุษย์เราท่านทั้งหลายผู้ถือพุทธศาสนา

พุทธภายในก็คือใจของเราทุกคน พุทธภายนอกก็คือหูอันเป็นองค์ธรรมที่สอง พุทธภายใน ใจอันบริสุทธิ์ ใจมีเมตตา พรหมวิหารอันเป็นฐานที่อยู่ของใจ ได้แก่ เมตตาพรหมวิหารแก่เพื่อนมนุษย์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย อเวรา อย่าได้เป็นเวรแก่มนุษย์

กรุณาเจโต กรุณาแก่เพื่อนมนุษย์ เพื่อนเกิดมาร่วมสุขร่วมทุกข์ อพยาปชฺชาโหนฺตุ อย่าพยาบาทกัน อาฆาตผูกเวรกัน

มุทิตาเจโต มุทิตาจิตอ่อนหวาน ผู้เกิดก่อนเป็นปู่ย่าตายาย ผู้เกิดมาทีหลังเป็นลูก หลาน เหลน

อุเบกขาพรหมวิหาร กระทำจิตเป็นกลางวางจิตเฉยๆ

พุทโธ ตั้งใจของเราให้มีพระพุทโธ ธัมโม สังโฆ ตั้งใจของเราให้มีพระธรรม พระสงฆ์ ขาวพุทโธให้ขาวลงที่ใจของยาย ธัมโม สังโฆ ให้ขาวพระพุทโธ ธัมโม สังโฆ ที่ใจของคุณยายคุณตาทุกคน

ผ้าเหลือง พุทโธ ธัมโม สังโฆ ก็ให้เหลืองลงที่ใจของเราทุกพระองค์เถิด

นี้เพราะพระพุทธศาสนา นี้แหละพุทธใน

พุทธนอก ได้แก่ ปากของเรา ธัมโม สังโฆ ได้แก่ ปาก ปากเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ปากไม่มีพระพุทธ ได้แก่ ปากน้ำบ่อ ปากน้ำบวย ปากน้ำคนโฑ ปากหม้อ ปากไห ปากอย่างนี้เป็นปากไม่มี พุทธ ปากมีพุทธได้แก่ปากมนุษย์ทั้งหลาย

หูไม่มีพุทธ ได้แก่ หูกระเช้า หูกระทะ หูกระบุง หูมีพุทธ ได้แก่ หูมนุษย์

ตาไม่มีพุทธ ได้แก่ ตาไม้สัก ไม้ซาง ตาไม้ไผ่ ตาไม้ไร่ ตาไม้บง ตามีพุทธ ได้แก่ ตามนุษย์ เราท่านทั้งหลายทุกคน

พุทธใน ก็คือใจของเรา พุทธนอก ได้แก่ ตาของเรา ปากไม่มีพุทธ ได้แก่ ปากน้ำบ่อ ปากน้ำกระบวย ปากหม้อ ปากไห ปากมีพุทธ ได้แก่ ปากมนุษย์ของเรา พุทธในก็ใจ พุทธนอกได้แก่ปากของเรา

ขอนักกรรมฐานทั้งหลาย ผู้มีพุทโธแล้ว สวรรค์ ๖ พรหม ๑๖ พระนิพพาน ก็จะเป็นของท่าน ถ้าหากนักธรรม นักกรรมฐาน ละพุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้ว มันไกลพุทธศาสนาตั้งหมื่นวาแสนวา จะนั่งภาวนาเอาสวรรค์ ๖ พรหม ๑๖ พระนิพพาน จนกระดูกหักก็ไม่ได้สวรรค์นิพพานหรอก

ถ้ามีพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นผู้รู้สวรรค์ รู้นิพพาน ปรารถนาสวรรค์ ปรารถนานิพพาน ก็จะได้สวรรค์ และนิพพานตามความมุ่งมาดปรารถนา

ขอให้ท่านทั้งหลายจงตั้งอยู่ในพุทโธเถิด อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ


หนังสือหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ในยุคปัจจุบัน
โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๒ หน้า ๒๖๓-๒๗๒
รศ.ดร.ปฐม-รศ.ภัทรา นิคมานนท์ เรียบเรียง :b8: :b8: :b8:


:b44: ประวัติและปฏิปทา “หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=26069

:b44: รวมคำสอน “หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43511

:b44: ประมวลภาพ “หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม” วัดอรัญญวิเวก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=26976


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร