วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 04:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 20:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโพธิสัตว์ คือ บุคคลที่ปรารถนาเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แบ่งเป็น ๒ ประเภท

๑. พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาเลย เรียกว่า "อนิยตะโพธิสัตว์" ความหมายคือ ยังไม่แน่นอนว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะอาจจะเลิกล้มความปรารถนาเมื่อไรก็ได้

๒. พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาแล้ว เรียกว่า "นิยตะโพธิสัตว์" ตามความหมายคือจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นนอน เพราะถ้าถึงนิพพานต้องดำรงค์ฐานะเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียว

แต่ถ้าบารมีและเวลายังไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะพยายามปฏิบัติอย่างยิ่งยวดบังเกิดปัญญาอย่างเยี่ยมยอด ก็ไม่สามารถถึงนิพพานก่อนได้ แม้จะทุกข์ท้อแท้ จนคิดว่าเลิกที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว แต่แล้วในที่สุดมหากุศลที่เป็นอนุสัย ก็จะพุ่งกระจายขึ้นมาให้ตั้งมั่นและบำเพ็ญบารมีกันต่อ จนกว่าบารมีและเวลาสมบูรณ์

พระพุทธเจ้า คือผู้ที่เป็นศาสดาเอกในพุทธศาสนา แบ่งพระพุทธเจ้าออกเป็น ๓ ประเภท

๑.ปัญญาธิกะพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ "ปัญญา" เป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด ๒๐ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือ ปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา ๗ อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา ๙ อสงไขย รวมเป็น ๑๖ อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ ได้รับพุทธพยากรณ์ ครั้งแรก เหลืออีก ๔ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่ง และเข็มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ซ้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน

๒. ศรัทธาธิกะพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ "ศรัทธา" เป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด ๔๐ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือ ปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา ๑๔ อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา ๑๘ อสงไขย รวมเป็น ๓๒ อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก เหลืออีก ๘ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ซ้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน

๓. วิริยาธิกะพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ "วิริยะ" เป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด ๘๐ อสงไขยกับเศษแสนมหากับล์ คือ ปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา ๒๘ อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา ๓๖ อสงไขย รวมเป็น ๖๔ อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก เหลืออีก ๑๖ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ซ้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน

วิเคราะห์ผลบุญและบารมีของพระโพธิสัตว์ ที่มีผลในพุทธภูมิของท่านเองเมื่อท่านตรัสรู้ ถึงแม้พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่แน่นอนเกิดล้มเลิกล้มความตั้งใจ ปรารถนาเป็นพระสาวกบารมีก็ยังส่งผลให้ท่านมีคุณสมบัติบางประการที่อำนวยประโยชน์ต่อผู้อื่นอยู่ โดยไม่ขาดตกบกพร่อง แต่คุณประโยชน์ต่อสรรพสัตว์อันยิ่งใหญ่หาได้เกิดขึ้นในอนาคต

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 20:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


ผลของบุญของพระโพธิสัตว์สามารถอธิบายแยกเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
๑. ผลบุญขณะที่เป็นพระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาอยู่ในใจ (ไม่ได้กล่าววาจาปรารถนาต่อพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า แต่อาจกล่าวกับบุคคลทั่วไป)
ซึ่งบุญบารมียังอ่อนอยู่มากและยังห่างไกลมาก จึงไม่สามารถส่งไปถึงสมัยที่ท่านตรัสรู้ เพราะผลบุญนั้นจะส่งผลในระหว่างทางหมดเสียก่อน

๒. ผลบุญขณะที่เป็นพระโพธิสัตว์ที่กล่าววาจาปรารถนา ต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้า(บารมีที่ปรารถนาอยู่ในใจ สมบูรณ์แล้วจึงจะสามารถกล่าววาจาออกมาต่อพระพักตร์ของพระพุทธองค์ได้) ซึ่งเป็นบุญบารมีอย่างกลาง และยังไกลจากสมัยที่จะเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ และจะล้มเลิกความตั้งใจเมื่อไรก็ได้

ดังนั้นจึงไม่ปรากฏชัดเจนในพุทธภูมิที่จะบังเกิดหรือไม่เกิดในอนาคต ดังนั้นผลบุญที่ทำก็จะอำนวยผลในช่วงเวลานั้นเสียมากกว่า ที่จะส่งเก็บสะสมในพุทธภูมิ


๓. ผลบุญที่พระโพธิสัตว์ได้รับพยากรณ์แน่นอนแล้ว ซึ่งเป็นบุญที่ทำอย่างยิ่งผลบุญเหล่านั้นจะส่งผลในปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้พอประมาณ เพื่อให้ทรงสร้างบารมีต่อ แต่ผลบุญส่วนมากจะไปปรากฏในพุทธภูมิของท่านเสียมากกว่า

ดังนั้นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้แน่นอน ท่านจึงมีอุปนิสัยในการสร้างบุญบารมีอย่างต่อเนื่อง และถ้าท่านได้สร้างบุญบารมีกับพระพุทธเจ้ามากเท่าไร หรือพระพุทธศาสนาก่อนมากเท่าไร ผลบุญบารมีที่จะปรากฏในสมัยพุทธภูมิของท่านมากขึ้นเท่านั้น ถึงระยะเวลาจะห่างไกลถึง ๔ อสงไขย หรือ ๘ อสงไขย หรือ ๑๖ อสงไขย ไม่ได้เป็นอุปสรรค เพราะผลบุญไม่ส่งก่อนเวลาเป็นแน่นอน จะรออยู่ในอนาคตสมัยพุทธภูมิของท่าน และพระนิยตโพธิสัตว์มีแต่จะสร้างบุญบารมีเพิ่มมากขึ้นไปเสียอีก ตามที่สามารถหาโอกาสที่อำนวยให้ได้

จึงจะเห็นว่าพระนิยตโพธิสัตว์ไม่ค่อยจะอยู่เสวยสุขบนสวรรค์นานนัก ต้องมีใจปรารถนาลงมาเกิดบนมนุษยโลกอยู่เป็นประจำ และถ้านิยตะโพธิสัตว์ได้สร้างบุญบารมีกับพระพุทธเจ้า หรือกับพระพุทธศาสนามากเท่าไร พุทธภูมิที่ท่านจะตรัสรู้ก็จะมีความบริบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


ดังที่ได้มีข้อมูลการเปรีบเทียบพุทธภูมิของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ในพระไตรปิฏก แต่การที่เราท่านทั้งหลายจะตำหนิว่า พระพุทธเจ้าองค์นี้สร้างบารมีบกพร่องไม่ดีกว่าพระพุทธเจ้าองค์โน้นในอดีต หรือในอนาคตนั้น ย่อมไม่ได้เป็นอันขาด เนื่องจากไม่ใช่ความผิดของพระองค์ เป็นเพราะโอกาสที่จะอำนวยให้พระองค์สร้างบารมี เมื่อตอนเป็นนิยตโพธิสัตว์ มีไม่เท่าเทียมกันตามกฎกระแสแห่งกรรม และบุญบารมีที่เด่นๆ ก็ต่างต่างกัน หาได้เหมือนกันทั้งหมดไม่ ที่ทรงมีเหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อยนิด คือสัมมาสัมโพธิญาณ และธรรมที่พระองค์ทรงสั่งสอน

พระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก(ผมยังไม่มั่นใจ เพราะมีได้หลายกรณี) ต้องสร้างบารมีต่อไปอีก ถึง ๒ อสงไขย ก่อนได้รับพุทธพยากรณ์ อาจจะสร้างบารมีมาหลายอสงไขยมาก่อนแล้วก็ได้

พระอัครสาวกเบื้องขวา หรือเบื้องซ้าย เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์ เป็นครั้งแรก ก็ต้องสร้างบารมีต่อไปอีก ถึง ๑ อสงไขยเศษแสนมหากัป

แต่ก่อนที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกนั้นไม่รู้ว่าท่านสร้างบารมีมายาวนานเท่าไร อาจเป็นหลายอสงไขยมาก่อนแล้วก็ได้

พระอเสติ ที่เป็นเอตทัคคะ หรือพระมหาสาวก เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก ต้องสร้างบารมีต่ออีก ๑ แสนมหากัป เป็นอย่างน้อย แต่ก่อนหน้านั้นท่านอาจสร้างบารมีมานานมากแล้วก็ได้ ดังมีในพระไตรปิฏก บางท่านสร้างบารมีนานถึง ๔ อสงไขยเศษแสนมหากัป บางท่านสร้างบารมีนานถึง ๓ อสงไขย บางท่านสร้างบารมีถึง ๒ อสงไขย บางท่านสร้างบารมี ๑ อสงไขย แต่อย่างน้อยสุด หนึ่งแสนมหากัป สามารถหาอ่านได้ในพระสุตันตปิฏกใน ๒ เล่มสุดท้าย แล้วลองหาข้อมูลดู ตัวนี้ ผมข้องใจเป็นอย่างยิ่ง และก็ไม่เชื่อ พระไตรปิฏกระบุไว้ ปกติแล้ว การมีบุญติดตัว มาดีแล้ว ย่อมดลบัลดาลให้เส้นทาง ของคนผู้นั้นเป็นไปตาม ได้เดินทางเส้นทางบุญต่อไปอีก จนถึงฝั่ง .. ด้วยฐานบุญเดิม, คนเราแต่ละคนมีเส้นทางชีวิตที่ขึ้นและลงมานับ อสงไขยชาติไม่ถ้วน นับอสงไขยมหากัปป์ไม่ถ้วนอยู่แล้ว ..ฉะนั้น ผู้ที่ปรารถนาที่จะเป็นอเสติ หรือ เอตทัคคะตาม ว่าเคยบำเพ็ญบุญบารมีมาแล้วหลายอสงไขย แล้วจึงสร้างต่อไปอีก แสนมหากัปป์ นั้นจึงเป็นการชอบกล .. เรื่องดังกล่าวนี้ต้องมีการชำระพระไตรปิฏกครั้งใหญ่

สำหรับผู้อ่าน/สนใจ ต้องจดจำไว้เลยว่า "การนับอายุบารมีนั้น นับที่ 2 อย่างเป็นสำคัญ ประกอบกันไป ก็คือ
(1) นับระยะทางการบ่มสร้างบารมี เช่น 20 อสงไขยมหากัปป์ และ
(2) นับปริมาณบุญบารมี ที่สร้างสมมาแล้วตลอดระยะเส้นทาง คือ 20 อสงไขยมหากัปป์

ฉะนั้น พระพุทธเจ้า 2 องค์ ที่สร้างด้วยระยะเวลาเท่ากัน คือ 20 อสงไขยมหากัปป์ ยอมอาจจะมี บารมีติดตัวมาภายใน มีปริมาณไม่เท่ากัน
ดังนั้น ทั้ง 2 อย่างจะต้องเป็นองค์ประกอปที่สอดคล้องและเกื้อกูลกัน เป็นสำคัญ ระยะเวลาเท่ากัน ถ้าองค์สร้างได้มากว่าก็หมายถึงว่า องค์นั้นแกร่งกล้ากว่า จึงมีรัศมีกาย 6 ประการ ที่เราเรียกว่า "ฉัพพรรณรังสี" สว่างไสวแตกต่างกันในแต่ละพระองค์ท่าน .. ก็เป็นดังนี้แล

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


นิยตโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้ที่จักได้สำเร็จแก่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณในอนาคตกาล ในขณะที่ก่อสร้างอบรมบ่มพระพุทธบารมีอยู่อย่างมโหฬาร ต้องสังสรณาการท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสายธารแห่งห้วงมหรรณพภพสงสาร นับด้วยแสนโกฏิชาติเป็นประมาณหรือมากยิ่งกว่านั้น พระบรมโพธิสัตว์ผู้เที่ยงที่จะได้บรรลุพระโพธิญาณทั้งหลาย ย่อมได้รับอานิสงส์แห่งพระพุทธบารมีที่ตนบำเพ็ญเป็นหลักเกณฑ์แน่นอน ๑๘ ประการ คือ

๑. ไม่เป็นคนมีจักษุบอดมาแต่กำเนิด

๒. ไม่เป็นคนหูหนวกมาแต่กำเนิด

๓. ไม่เป็นคนบ้า

๔. ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย

๕. ไม่เป็นคนใบ้

๖. ไม่เกิดในประเทศป่าเถื่อน

๗. ไม่เกิดในท้องแห่งนางทาสี

๘. ไม่เป็นคนมีความเห็นผิดเป็นนิยตมิจฉาทิฐิ

๙. ไม่เป็นสตรีเพศ

๑๐. ไม่ประกอบกรรมอันเป็นอนันตริยกรรม

๑๑. ไม่เป็นคนมีโรคเรื้อน

๑๒. เมื่อไปเกิดในกำเนิดแห่งสัตว์เดียรฉาน ย่อมเป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในประเภทมีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และมีกายไม่ใหญ่กว่าช้าง

๑๓. ไม่ไปเกิดในกำเนิดแห่งขุปปิปาสิกเปรต นิชฌามตัณหิกเปรต แลกาลกัญชิกาสุรกาย

๑๔. ไม่ไปเกิดในอเวจีมหานรก และโลกันตนรก

๑๕. เมื่อไปเกิดเป็นเทวดาในกามาวจรสวรรค์ คือสวรรคเทวโลก ๖ ชั้น ก็ไม่เกิดเป็นเทวดาซึ่งนับเนื่องเข้าในเทวดาจำพวกหมู่มาร

๑๖. เมื่อเกิดเป็นองค์พระพรหม ณ เบื้องบรมรูปาพจรพรหมโลก ก็ไม่ไปเกิดในปัญจสุทธาวาสพรหมโลก ทั้งนี้ก็เพราะว่าพรหมโลกชั้นปัญจสุทธาวาสนี้ เป็นภูมิที่อยู่แห่งพรหมอนาคามีอริยบุคคลโดยเฉพาะ

๑๗. ไม่ไปเกิดใน อรูปพรหมโลก เลยเป็นอันขาด

๑๘. ไม่ไปเกิดในจักรวาลอื่นเลยเป็นอันขาด

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 20:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมสโมธาน 8 ประการ

สำหรับพระโพธิสัตว์ ที่เป็น อนิตยโพธิสัตว์ แต่สร้างบารมี 30 ทัศ และมีธรรมสโมธาน 8 ประการสมบูรณ์แล้ว จะได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก ต่อหน้าพระพักตร์พุทธเจ้า โดยจะได้รับพุทธพยากรณ์โดยนัยว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงนามว่าอย่างนั้น ในกัปอันเป็นอนาคตที่เท่านั้น และก็จะกลายเป็น นิตยโพธิสัตว์ ทันที คือเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้ ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน

ธรรมสโมธาน 8 ประการคือ
1. ได้เกิดเป็นมนุษย์
2. เป็นบุรุษเพศ ไม่เป็นกระเทย
3. มีอุปนิสสัยปัจจัยแห่งพระอรหันต์รุ่งเรืองอยู่ในขันธสันดาน(ถ้าเกิดเปลี่ยนใจก็จะเป็นพระอรหันต์ทันที)
4. ต้องพบพระพุทธเจ้าขณะมีพระชนม์ชีพอยู่ และได้สร้างกองบุญกุศลต่อหน้าพระพักตร์
5. ต้องเป็นบรรพชิต หรือต้องเป็น โยคี ฤๅษี ดาบส หรือปริพาชก ที่มีลัทธิเชื่อว่า บุญมี บาปมี ทำบุญได้บุญ ทำบาปได้บาป ต้องไม่เป็นคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน
6. ต้องมีอภิญญาและฌานสมาบัติ อันเชี่ยวชาญ
7. เคยให้ชีวิตของตนเป็นทาน เพื่อสัมโพธิญาณมาก่อนในอดีดชาติ
8. ต้องมี ฉันทะ คือมีความรักความพอใจในพุทธภูมิเป็นกำลัง

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธภูมิธรรมของ นิยตะโพธิสัตว์ ในการเพิ่มพูนบารมีให้มากยิ่งขึ้น มีน้ำใจประกอบไปด้วย พุทธภูมิธรรม 4 ประการ คือ

1. อุสสาโห คือประกอบไปด้วยพระอุตสาหะ มีความเพียรอันสลักติดแน่นในจิตใจอย่างมั่นคง
2. อุมัตโต คือประกอบด้วยปัญญา มีปัญญาเชียวชาญเฉียบคม
3. อวัตถานัง คือมีพระทัยอธิษฐานอันมั่นคง มิได้หวั่นไหวคลอนแคลน
4. หิตจริยา คือประกอบไปด้วยพระเมตตา เจริญจิตอยู่ด้วยพรหมวิหารเป็นปกติ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


อัธยาศัย ที่ทำให้พระโพธิญานของนิตยโพธิสัตว์แก่กล้ายิ่งขึ้น มี 6 ประการ
1. เนกขัมมะ พอใจในการรักษาศีล การบวช หรือบรรพชา
2. วิเวกะ พอใจอยู่ในที่สงบ
3. อโลภะ พอใจในการบริจาคทาน
4. อโทสะ พอใจในความไม่โกรธ เจริญเมตตา
5. อโมหะ พอใจในการพิจารณาคุณและโทษ เจริญปัญญา
6. นิพพานะ พอใจที่ยกตนออกจากภพ ไม่ยินดีในการเวียนว่ายตายเกิด ประสงค์นิพพานเป็นอย่างยิ่ง

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์

คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์มีอยู่ 3 ข้อใหญ่
1. มหาปรัชญาหรือปัญญาอันยิ่งใหญ่ หมายความว่าจะต้องเป็นผู้มีปัญญาเห็นแจ้งในสัจธรรม ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส
2. มหากรุณา หมายความว่าจะต้องเป็นผู้มีจิตกรุณาต่อสัตว์ทั้งหลายอย่างปราศจากขอบเขต พร้อมที่จะสละตนเองเพื่อช่วยสัตว์ให้พ้นทุกข์
3. มหาอุปายะ หมายความว่าพระโพธิสัตว์จะต้องมีวิธีการชาญฉลาดในการแนะนำ อบรมสั่งสอนผู้อื่นให้เข้าถึงสัจธรรม
คุณสมบัติทั้งสามข้อนี้ เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ข้อแรกเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ตนให้ถึงพร้อม ส่วนข้อหลัง 2 ข้อเป็นการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่น

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


มหาปณิธาน 4

มหาปณิธาน 4 ประกอบด้วย
1. เราจะละกิเลสให้หมด
2. เราจะศึกษาสัจธรรมให้จบ
3. เราจะช่วยโปรดสัตว์ทั้งหลายให้สิ้น
4. เราจะบรรลุพระพุทธภูมิอันประเสริฐสุด

:b8: ที่มาข้อมูล http://www.pantown.com/board.php?id=387 ... ction=view

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


ศึกษา "ความหมาย คุณลักษณะ และประเภทของพระโพธิสัตว์
โดย พระมหาจู่ล้อม ชูเลื่อน"

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12675

อ่าน "ความสำคัญของพระโพธิสัตว์ต่อพระพุทธศาสนา"
http://www.daowadung.com/index.php?lay= ... &Id=133170

พระโพธิสัตว์ต้องต่อสู้กับความทุกข์ เพื่อความสุขของผู้อื่น
http://www.3a100.com/PatipataPraptisat.html

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 23:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 21:59
โพสต์: 234

สิ่งที่ชื่นชอบ: ในตัวเอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เฮ้อ..........เบื่อโพธิสัตว์

เพราะเหมือนคุ้นๆว่า เคยเป็นโพธิสัตว์มาจนเบื่อ

:b30: :b30: :b30:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 01:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 14:50
โพสต์: 69

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: สาธุครับ คุณBwitch :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2011, 21:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: :b8: :b8: ขออนุโมทนาด้วยค่ะ ท่านแม่มดน้อย :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2015, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร