วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 03:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน ไม่ถลึงตาดู ไม่ค้อนตาดู ไม่ชำเลืองตาดู [พหุชน ด้วยอำนาจความโกรธ] เป็นผู้ตรง มีใจตรงเป็นปรกติแลดูตรงๆ และแลดูพหุชนด้วยปิยจักษุตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะกรรมนั้น อันตนทำ สั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ฯลฯ ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ ประการเหล่านี้ คือ มีพระเนตรสีดำสนิท ๑ มีดวงพระเนตรดังว่าตาแห่งโค ๑ พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๒ ประการนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ฯลฯเมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ เป็นผู้อันชนเป็นอันมากเห็นแล้วรัก เป็นที่รักใคร่พอใจแห่งพราหมณ์และคฤหบดี แห่งชาวนิคม และชาวชนบท แห่งโหราจารย์และมหาอำมาตย์ แห่งกองทหาร แห่งนายประตู แห่งอำมาตย์ แห่งบริษัท แห่งพวกเจ้า แห่งเศรษฐี แห่งพระราชกุมาร ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไรเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ เป็นผู้ที่ชนเป็นอันมากเห็นแล้วรัก เป็นที่รักใคร่พอใจแห่งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาคและคนธรรพ์ พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้ พระโบราณกเถระทั้งหลายจึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะเหล่านั้นว่า

" พระมหาบุรุษ ไม่ถลึงตาดู ไม่ค้อนตาดู ไม่ชำเลืองดู [พหุชน
ด้วยอำนาจความโกรธ] เป็นผู้ตรง มีใจตรงเป็นปรกติ แลดู
พหุชนด้วยปิยจักษุ พระองค์เสวยวิบากอันเป็นผล บันเทิงอยู่
ในสุคติทั้งหลาย มาในโลกนี้ มีดวงพระเนตรดังว่าตาแห่งโค
และมีพระนัยนาคือพระเนตรมีสีดำสนิท มีการเห็นแจ่มใส พวก
มนุษย์ผู้ประกอบในลักษณศาสตร์ มีความละเอียด ผู้ฉลาดใน
ลักษณะเป็นนิมิตมีบทมาก ฉลาดในการตรวจเห็นนัยน์ตามีสีดำ
สนิทและดวงตาเป็นดังตาแห่งโค จะชมเชยพระราชกุมารนั้น
ว่า พระองค์เป็นที่เห็นน่ารัก พระมหาบุรุษดำรงอยู่ในคิหิวิสัย
เป็นที่เห็น ที่น่ารัก เป็นที่รักของชนมาก ก็ถ้าพระองค์ทรงละ
คิหิวิสัยเป็นพระสมณะ ย่อมเป็นที่รักของพหุชน และยังชน
เป็นอันมากให้สร่างโศก ฯ "


แก้ไขล่าสุดโดย ปฤษฎี เมื่อ 31 ต.ค. 2014, 20:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน เป็นหัวหน้าของพหุชนในธรรมทั้งหลายฝ่ายกุศล เป็นประธานของพหุชนด้วยกายสุจริต ด้วยวจีสุจริต ด้วยมโนสุจริต ในการบำเพ็ญทาน ในการสมาทานศีล ในการรักษาอุโบสถ ในความปฏิบัติดีในมารดา ในความปฏิบัติดีในบิดา ในความปฏิบัติดีในสมณะ ในความปฏิบัติดีในพราหมณ์ ในความเคารพต่อเชฏฐชนในสกุล และในธรรมเป็นอธิกุศลอื่นๆ ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะกรรมนั้น อันตนทำ สั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ฯลฯ ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีพระเศียรได้ปริมณฑลดุจดังว่าประดับด้วยอุณหีส พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิฯลฯ เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ เป็นที่คล้อยตามของมหาชน ที่เป็นพราหมณ์ เป็นคฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ เป็นที่คล้อยตามแห่งมหาชน ที่เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณีเป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์ พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้ พระโบราณกเถระทั้งหลายจึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะนั้นว่า

" พระมหาบุรุษ เป็นหัวหน้าในธรรมทั้งหลายที่เป็นสุจริต ยินดี
ยิ่งแล้วในธรรมจริยา เป็นที่คล้อยตามของพหุชน เสวยผลแห่ง
บุญในสวรรค์ทั้งหลาย ครั้นเสวยผลแห่งสุจริตแล้ว มาในโลก
นี้ ได้ถึงความเป็นผู้มีพระเศียรดุจดังว่าประดับด้วยอุณหีส พวก
ผู้รู้ที่ทรงจำลักษณะเป็นนิมิตอันปรากฏอยู่ทำนายว่า พระราช
กุมารนี้ จักเป็นหัวหน้าแห่งพหุชน หมู่ชนที่ช่วยเหลือของพระ
องค์ในหมู่มนุษย์ในโลกนี้ จักมีมาก แม้ในเบื้องต้น [คราวที่
พระองค์ทรงพระเยาว์] ครั้งนั้น พวกพราหมณ์ก็พยากรณ์แก่
พระองค์ว่า พระราชกุมารนี้ ถ้าเป็นกษัตริย์จะเป็นใหญ่ใน
แผ่นดิน จะได้ความช่วยเหลือในชนมากโดยแท้ ถ้าพระองค์
จะทรงผนวช จะปราชญ์เปรื่อง มีความชำนาญวิเศษในธรรม
ทั้งหลาย และชนเป็นอันมาก จะเป็นผู้ยินดียิ่งในคุณคือความ
สั่งสอนของพระองค์ และจะคล้อยตาม ฯ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน ละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ พูดแต่คำจริง ดำรงคำสัตย์มีถ้อยคำเป็นหลักฐาน ควรเชื่อได้ ไม่พูดลวงโลก ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะกรรมนั้น อันตนทำ สั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ฯลฯ ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ ประการเหล่านี้ คือ มีโลมชาติขุมละเส้นๆ ๑ และมีอุณาโลมในระหว่างคิ้วมีสีขาวอ่อนเหมือนปุยฝ้าย ๑ พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๒ ประการนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ฯลฯ เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ เป็นที่ประพฤติตามของมหาชนที่เป็นพราหมณ์ เป็นคฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ เป็นที่ประพฤติตามของมหาชนที่เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสกเป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์ พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้ พระโบราณกเถระทั้งหลายจึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะเหล่านั้นว่า

" ในชาติก่อนๆ พระมหาบุรุษมีปฏิญญาเป็นสัจจะ มีพระวาจาไม่
เป็นสอง เว้นคำเหลวไหล ไม่พูดให้เคลื่อนคลาดต่อใครๆ
ตรัสโดยคำจริง คำแท้ คำคงที่ มีพระอุณาโลมสีขาวสะอาด
อ่อนดีดังปุยฝ้าย เกิดดีในระหว่างพระโขนงและในขุมพระโลมา
ทั่วไป ไม่มีโลมชาติเกิดเป็นสองเส้น มีพระสรีระอันโลมชาติ
เส้นหนึ่งๆ ขึ้นสะพรั่ง พวกผู้รู้ลักษณะ ฉลาดในลักษณะเป็น
นิมิตที่ปรากฏ เป็นจำนวนมากมาประชุมกัน แล้วทำนาย
พระมหาบุรุษว่า พระอุณาโลมตั้งอยู่ดี โดยนิมิตบ่งว่าพหุชน
ย่อมประพฤติตาม พระมหาบุรุษแม้ดำรงอยู่ในคิหิวิสัย มหาชน
ก็ประพฤติตาม เพราะกรรมที่ทรงทำดีมากในชาติก่อน หมู่ชน
ย่อมประพฤติตามพระมหาบุรุษผู้ตัดกังวลทรงผนวชเป็นพระพุทธ
เจ้าผู้ประเสริฐ ฯ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน ละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ฟังจากข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้น เพื่อให้คนหมู่นี้แตกร้าวกัน หรือฟังจากข้างโน้นแล้วไม่มาบอกข้างนี้เพื่อให้คนหมู่โน้นแตกร้าวกัน สมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง ชอบคนผู้พร้อมเพรียงกัน ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกันเพลิดเพลินในคนผู้พร้อมเพรียงกัน กล่าวแต่คำที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะกรรมนั้นอันตนทำ สั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ฯลฯ ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ ประการเหล่านี้ คือ มีพระทนต์ ๔๐ ซี่ ๑ มีพระทนต์ไม่ห่าง ๑ พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๒ ประการนั้นถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ฯลฯ เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ มีบริษัทไม่แตกกัน บริษัทของพระองค์ที่ไม่แตกกัน เป็นพราหมณ์ เป็นคฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร ถ้าออกจากเรือนผนวช เป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ มีบริษัทไม่แตก บริษัทของพระองค์ที่ไม่แตกกัน เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณีเป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์ พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้ พระโบราณกเถระทั้งหลายจึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะเหล่านั้นว่า

" พระมหาบุรุษ ไม่ได้กล่าวแล้วซึ่งวาจาอันส่อเสียด อันทำความ
แตกแก่พวกที่ดีกัน อันทำความวิวาทเป็นเหตุให้ความแตกกัน
มากไป อันทำกิจอันไม่ควรเป็นเหตุให้ความทะเลาะกันมากไป
อันยังความแตกกันให้เกิดแก่พวกที่ดีกัน ได้กล่าวแล้วซึ่งวาจาดี
อันทำความไม่วิวาทกันให้เจริญไป อันยังความติดต่อกันให้เกิด
แก่พวกที่แตกกัน บรรเทาความทะเลาะของชน มีความสามัคคี
กับหมู่ชน ยินดีเบิกบานอยู่กับประชุมชนทั้งหลาย ย่อมเสวย
วิบากอันเป็นผลเบิกบานอยู่ในสุคติทั้งหลาย มาในโลกนี้ ย่อม
มีพระทนต์ไม่ห่างเรียบดี และมีพระทนต์ ๔๐ ซี่เกิดอยู่ใน
พระโอษฐ์ตั้งอยู่เป็นอย่างดี ถ้าพระองค์เป็นกษัตริย์เป็นใหญ่ใน
แผ่นดิน จะมีบริษัทไม่แตกกัน หากพระองค์เป็นสมณะ จะ
ปราศจากกิเลส ปราศจากมลทิน บริษัทของพระองค์จะดำเนิน
ตาม ไม่มีความหวั่นไหว ฯ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน กำเนิดก่อน ละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ เพราะหู ชวนให้รัก จับใจ เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่พอใจ ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะกรรมนั้นอันตนทำ สั่งสมพอกพูน ไพบูลย์ ฯลฯ ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ ประการเหล่านี้ คือ มีพระชิวหาใหญ่ ๑ มีพระสุรเสียงดังว่าเสียงพรหม เมื่อตรัสมีกระแสเหมือนเสียงนกการะเวก ๑ พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๒ ประการนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ฯลฯ เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ มีพระวาจาอันพหุชนพึงเชื่อถือ พหุชนที่เชื่อถือคำของพระองค์ เป็นพราหมณ์ เป็นคฤหบดีเป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหารเป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ มีพระวาจาอันพหุชนเชื่อถือ พหุชนที่เชื่อถือพระวาจาของพระองค์ เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์ พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้พระโบราณกเถระทั้งหลายจึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะเหล่านั้นว่า

" พระมหาบุรุษ ไม่ได้กล่าวแล้วซึ่งวาจาหยาบอันทำความด่า ความ
บาดหมาง ความลำบากใจ ทำความเจ็บใจ เป็นเครื่องย่ำเหยียบ
แก่พหุชน เป็นคำชั่วร้าย ได้กล่าวแล้วซึ่งวาจาอ่อนหวาน
ไพเราะ อันมีประโยชน์ดี กล่าววาจาเป็นที่รักแห่งใจ อันไปสู่
หทัย อันสะดวกแก่โสต เสวยผลแห่งวาจาที่ประพฤติดีและ
เสวยผลบุญในสวรรค์ทั้งหลาย ครั้นเสวยผลแห่งกรรมที่ประพฤติ
ดีแล้ว มาในโลกนี้ ได้ถึงแล้วซึ่งความเป็นผู้มีเสียงดังว่าเสียง
แห่งพรหม และมีพระชิวหาไพบูลย์กว้างมีคำที่ตรัสอันพหุชน
เชื่อถือ ผลนี้ย่อมสำเร็จแก่พระองค์ แม้เป็นคฤหัสถ์ตรัสอยู่
ฉันใด ถ้าพระองค์ทรงผนวช เมื่อตรัสคำที่ตรัสดีมากแก่พหุชน
คำนั้นพหุชนก็เชื่อถือ ฉันนั้นโดยแท้ ฯ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน กำเนิดก่อน ละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล พูดแต่คำที่เป็นจริง พูดอิงอรรถ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดแต่คำมีหลักฐาน มีที่อ้าง มีที่กำหนด ประกอบประโยชน์โดยกาลอันควร ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะกรรมนั้น อันตนทำ สั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ฯลฯ ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีพระหนุดังว่าคางราชสีห์ พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ฯลฯ เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาได้รับผลข้อนี้ คือ ไม่มีใครๆ ที่เป็นมนุษย์เป็นข้าศึกศัตรูกำจัดได้ ถ้าออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้คือไม่มีข้าศึกศัตรูภายในภายนอก คือ ราคะ โทสะ โมหะ หรือสมณะ พราหมณ์เทวดา มาร พรหม ใครๆ ในโลกกำจัดได้ พระผู้มีพระภาคตรัสคำนี้ไว้พระโบราณกเถระทั้งหลายจึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะนั้นว่า

" พระมหาบุรุษ ไม่กล่าวคำเพ้อเจ้อ ไม่กล่าวคำปราศจากหลักฐาน
มีคลองพระวาจาไม่เหลวไหล ทรงบรรเทาเสียซึ่งคำที่ไม่เป็น
ประโยชน์ ตรัสแต่คำที่เป็นประโยชน์และคำที่เป็นสุขแก่พหุชน
ครั้นทำกรรมนั้นแล้วจุติแล้วจากมนุษยโลก เข้าถึงแล้วซึ่งเทวโลก
เสวยวิบากอันเป็นผลแห่งกรรมที่ทำดีแล้ว จุติแล้วเวียนมาใน
โลกนี้ ได้แล้วซึ่งความเป็นผู้มีพระหนุดังว่าคางราชสีห์ที่
ประเสริฐกว่าสัตว์สี่เท้า เป็นพระราชาที่เป็นใหญ่กว่ามนุษย์
แสนยากที่ใครจะกำจัดพระองค์ได้ พระองค์เป็นผู้ใหญ่ยิ่งของ
มวลมนุษย์ มีอานุภาพมากเป็นผู้เสมอด้วยเทวดาผู้ประเสริฐ
ในชั้นไตรทิพย์และเป็นเหมือนพระอินทร์ผู้ประเสริฐกว่าเทวดา
เป็นผู้มั่นคง อันคนธรรพ์ อสูร ท้าวสักกะและยักษ์ผู้กล้าไม่
กำจัดได้โดยง่ายเลย พระมหาบุรุษเช่นนั้น ย่อมเป็นใหญ่ทุก
ทิศในโลกนี้โดยแท้ ฯ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน กำเนิดก่อน ละมิจฉาอาชีวะแล้ว สำเร็จความเป็นอยู่ด้วยสัมมาอาชีวะ เว้นขาดจากการโกงด้วยตาชั่ง การโกงด้วยของปลอมและการโกงด้วยเครื่องตวงวัด และการโกงด้วยการรับสินบน การหลอกลวงและตลบตะแลง เว้นขาดจากการตัด การฆ่า
การจองจำ การตีชิง การปล้นและกรรโชก
ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะกรรมนั้นอันตนทำ สั่งสม พอกพูนไพบูลย์ ฯลฯ ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้วมาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ เหล่านี้ คือ มีพระทนต์เสมอกัน ๑ และมีพระทาฐะสีขาวงาม ๑ พระมหาบุรุษนั้นสมบูรณ์ด้วยลักษณะทั้ง ๒ นั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ฯลฯ เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ มีบริวารสะอาด บริวารของพระองค์ที่สะอาดนั้นเป็นพราหมณ์และคฤหบดี เป็นชาวนิคม และชาวชนบท เป็นโหราจารย์และมหาอำมาตย์เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐีเป็นราชกุมาร ก็ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ มีบริวารสะอาดบริวารของพระองค์ที่สะอาดนั้น เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์ พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้ พระโบราณกเถระทั้งหลายจึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะเหล่านั้นว่า

" พระมหาบุรุษนั้น ละมิจฉาอาชีวะเสีย ยังความประพฤติให้เกิด
แล้วด้วยสัมมาอาชีวะอันสะอาด อันเป็นไปโดยธรรม ละกรรม
อันไม่เป็นประโยชน์ ประพฤติแต่กรรมที่เป็นประโยชน์และ
เป็นสุขแก่พหุชน ทำกรรมมีผลดีที่หมู่สัตบุรุษผู้มีปัญญาอัน
ละเอียด ผู้ฉลาดสรรเสริญแล้ว เสวยสุขอยู่ในสวรรค์เป็นผู้
พรั่งพร้อมด้วยสมบัติ เป็นที่ยินดีเพลิดเพลินอภิรมย์อยู่ เสมอ
ด้วยท้าวสักกะผู้ประเสริฐในชั้นไตรทิพย์ จุติจากสวรรค์แล้ว
ได้ภพเป็นที่อยู่แห่งมนุษย์ ยังซ้ำได้เฉพาะซึ่งพระทนต์ที่เกิดใน
พระโอษฐ์สำหรับตรัสเรียบเสมอ และพระทาฐะสีขาวดีหมดจด
สะอาด เพราะวิบากอันเป็นผลแห่งกรรมที่ทำดี พวกมนุษย์ผู้
ทำนายลักษณะที่มีปัญญาอันละเอียดที่มหาชนยกย่องเป็นจำนวน
มากมาประชุมกันแล้ว พยากรณ์ว่า พระราชกุมารนี้จะมีหมู่ชนที่
สะอาดเป็นบริวาร มีพระทนต์ที่เกิดสองหนเสมอ และมีพระ
ทาฐะมีสีขาวสะอาดงาม ชนเป็นอันมากที่สะอาดเป็นบริวารของ
พระมหาบุรุษผู้เป็นพระราชาปกครองแผ่นดินใหญ่นี้ ไม่กดขี่
เบียดเบียนชาวชนบท ชนทั้งหลายต่างประพฤติกิจเป็นประโยชน์
และเป็นสุขแก่ชนมาก ถ้าพระองค์ทรงผนวชจะเป็นสมณะ
ปราศจากบาปธรรม มีกิเลสเป็นดังธุลีระงับไป มีหลังคาคือ
กิเลสอันเปิดแล้ว ปราศจากความกระวนกระวาย และความ
ลำบาก จะทรงเห็นโลกนี้และโลกอื่น และบรมธรรม
โดยแท้ คฤหัสถ์เป็นจำนวนมาก และพวกบรรพชิตที่ยังไม่
สะอาด จะทำตามพระโอวาทของพระองค์ ผู้กำจัดบาปธรรมที่
บัณฑิตติเตียนเสียแล้ว พระองค์จะเป็นผู้อันบริวารที่สะอาด
ผู้กำจัดกิเลสเป็นมลทินเป็นดังว่าตออันให้โทษ ห้อมล้อมแล้ว ฯ "


พระมีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุทั้งหลายนั้นชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล ฯ

จบ ลักขณสูตร ที่ ๗ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค

สาธุ สาธุ อนุโมทามิ :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron