ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
พระมหาสถูปแห่งเกสเรีย ที่ประดิษฐานบาตรของพระพุทธเจ้า http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=48096 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 05 ก.ค. 2014, 11:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระมหาสถูปแห่งเกสเรีย ที่ประดิษฐานบาตรของพระพุทธเจ้า |
พระมหาสถูปแห่งเกสเรีย เมืองไวสาลี สถูปทางพระพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ประดิษฐานบาตรของพระพุทธเจ้า ที่ทรงประทานแก่ชาวเมืองไวสาลี พระมหาสถูปแห่งเกสเรีย (Kesaria Stupa) เมืองไวสาลี ประเทศอินเดีย หรือในปัจจุบันเรียกว่า พระมหาสถูปแห่งเกสรียา (Kesariya Stupa) สถูปทางพระพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก นับเป็นสถานที่สําคัญอีกแห่งหนึ่งเพราะเป็นที่ประดิษฐาน “บาตรของพระพุทธเจ้า” ที่ทรงประทานแก่ชาวเมืองไวสาลี ในครั้งพุทธกาล พระมหาสถูปแห่งเกสเรียตั้งอยู่ในเขตพรมแดนของแคว้นวัชชีและแคว้นมัลละติดต่อกัน (จังหวัดจัมปารัน รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ในปัจจุบัน) แต่ไม่ใช่สถานที่แสดงกาลามสูตร หรือต้นกำเนิดของเกสปุตตสูตร ดังที่เข้าใจกัน เพราะสถานที่แสดงกาลามสูตร หรือต้นกำเนิดของเกสปุตตสูตรนั้นอยู่ในเขตพรมแดนของ “แคว้นโกศล” แต่สถูปแห่งนี้อยู่ในเขตพรมแดนของแคว้นวัชชีติดต่อกันกับเขตพรมแดนของแคว้นมัลละ ปัจจุบัน พระมหาสถูปแห่งเกสเรียซึ่งเป็นสถูปที่เพิ่งค้นพบใหม่ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกุสินาราไปประมาณ ๑๒๐ กิโลเมตร ในเขตหมู่บ้านเลาลิยะนันทัน (Lauliyanandan) และหมู่บ้านนันทันฆาต (Nandanghat) จังหวัดจัมปารัน รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย กล่าวคือ ตั้งอยู่ระหว่างทางจากเมืองไวสาลีไปยังกรุงกุสินารานั่นเอง ในครั้งพุทธกาล เมืองไวสาลีเป็นเมืองหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์สำคัญทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับและแสดงธรรมแก่ชาวเมืองไวสาลีหลายครั้ง กล่าวกันว่าพระองค์ได้เสด็จมาประทับคืนสุดท้ายที่เมืองไวสาลี ภายหลังที่ทรงปลงอายุสังขารว่า พระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพานหลังจากนี้ไป ๓ เดือน ในวันรุ่งขึ้นทรงลาชาวเมืองไวสาลีเพื่อเสด็จไปยังกรุงกุสินารา วันที่เสด็จมุ่งหน้าไปยังกรุงกุสินารานั้น ตามตำนานเล่าว่า ชาวเมืองไวสาลีกลุ่มใหญ่ได้ตามมาส่งพระพุทธเจ้าและจะเดินทางไปพร้อมกับพระองค์ โดยปฏิเสธที่จะเดินทางกลับ เมื่อพระพุทธเจ้าพร้อมพระสาวก และกลุ่มชาวเมืองไวสาลีเดินทางมาถึงนิคมเกสปุตตะ (Kessaputta) พระพุทธเจ้าทรงเกลี้ยกล่อมให้ชาวเมืองไวสาลีเดินทางกลับ แต่ดูเหมือนชาวเมืองไวสาลีจะไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก ดังนั้น เพื่อทำให้ชาวเมืองไวสาลีกลุ่มใหญ่ที่เดินทางมาส่งพระพุทธองค์เกิดความสบายใจและพากันเดินทางกลับ พระองค์จึงทรงประทานบาตรเพื่อไว้เป็นที่ระลึกแก่ชาวเมืองไวสาลี และเสด็จมุ่งหน้าสู่กรุงกุสินาราเพื่อเสด็จดับขันธปรินิพพาน หลังจากสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว เชื่อกันว่า ชาวเมืองไวสาลีนำโดยเจ้าลิจฉวี ได้สร้างสถูปขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับพระพุทธเจ้า พร้อมกันนี้ได้ประดิษฐานบาตรที่พระพุทธเจ้าทรงประทานให้ไว้ในสถูปแห่งนี้ สถูปแห่งนี้มีนามว่า “พระมหาสถูปแห่งเกสเรีย (Kesaria Stupa)” ต่อมาสถูปแห่งนี้ได้สูญหายไปทั้งหลังเนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในประเทศอินเดีย เมื่อปี ค.ศ.1934 ภัยธรรมชาติในคราวนั้นทำให้สถูปหลังนี้ฝังอยู่ใต้แผ่นดินมาเป็นเวลานาน จวบจนกระทั่งปี ค.ศ.1998 รัฐบาลอินเดียโดยหน่วยงานสำรวจทางโบราณคดี Archaeological Survey of India (ASI) ได้ทำการขุดหาสถูปหลังนี้เพื่อสืบค้นร่องรอยประวัติศาสตร์ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเจริญรุ่งเรือง ณ ดินแดนแห่งนี้ ภายหลังจากการขุดแล้วเสร็จเพียงบางส่วน สถูปหลังนี้ได้สร้างความตกตลึงให้กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสำรวจทางโบราณคดีเป็นอันมาก เพราะมีขนาดใหญ่ จนกล่าวกันว่าเป็นสถูปที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อเปรียบเทียบกับสถูปทางพระพุทธศาสนาหลังอื่นๆ พระมหาสถูปแห่งเกสเรียหลังนี้ มีความสูง 104 ฟุต อย่างไรก็ตามก่อนที่จะได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นเดินไหวอย่างรุนแรงในคราวนั้น เชื่อกันว่า ความสูงของสถูปหลังนี้อยู่ที่ประมาณ 123 ฟุต แหล่งข้อมูลบางแห่งเชื่อว่า เริ่มแรกสถูปหลังนี้สร้างขึ้นที่ความสูงประมาณ 150 ฟุต มีความกว้างรายรอบวงนอกตัวสถูปอยู่ที่ประมาณ 1,400 ฟุต และตัวสถูปประกอบด้วย 6 ชั้น ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ภายหลังจากการขุดค้นสถูปหลังนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสำรวจทางโบราณคดีได้ค้นพบสิ่งที่สำคัญที่อยู่ภายในตัวสถูปนี้ด้วยเช่นกัน คือ เหรียญชาวมุสลิม หัวลูกศร เครื่องทองแดง เป็นต้น ซึ่งอาจจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการค้นหาร่องรอยทางประวัติศาสตร์ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ด้านศาสนาหรือวัฒนธรรมของผู้คนบนดินแดนแห่งนี้ ทั้งในช่วงสมัยพุทธกาลและสมัยต่อมาหลังพุทธกาล เนื่องจากความยิ่งใหญ่ ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาของพระมหาสถูปแห่งเกสเรียหลังนี้ รวมทั้งดินแดนเมืองไวสาลี ทางรัฐบาลอินเดียต่างเร่งบูรณะตัวสถูปและปรับปรุงสถานที่โดยรอบบริเวณนั้น นอกจากงานบูรณะปรับปรุงแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลอินเดียพยายามตามหาเพื่อนำมาประดิษฐานไว้ที่เดิมคือที่สถูปแห่งนี้ นั่นคือ บาตรของพระพุทธเจ้า อันเป็นจุดเริ่มต้นการตั้งกระทู้ถามรัฐบาลหลายครั้งจากนักการเมืองนามว่า ดร.ราคุวานส์ ประสาด ซิงห์ (Raghuvansh Prasad Singh) ที่สำคัญคือ รัฐบาลอินเดียเชื่อว่าหลังจากทำการบูรณะตัวสถูปและปรับปรุงสถานที่โดยรอบแล้วเสร็จ พุทธสถานแห่งนี้จะเป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่งที่จะสามารถดึงดูดความสนใจผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะนักแสวงบุญชาวพุทธให้เดินทางมายังดินแดนแห่งนี้ ยิ่งถ้าได้บาตรใบที่พระพุทธเจ้าทรงประทานแก่ชาวเมืองไวสาลี ซึ่งเป็นสมบัติที่มีค่าสำหรับเมืองไวสาลีนั้น มาประดิษฐานไว้ที่เดิมคือที่พระมหาสถูปแห่งเกสเรียด้วยแล้ว ยิ่งจะเป็นการผลักดันสถานที่นี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกด้วย ทั้งนี้ ตามความที่ ดร.ราคุวานส์ ประสาด ซิงห์ ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเดอะฮินดู (The Hindu) พระมหาสถูปแห่งเกสเรีย เมืองไวสาลี ขอขอบพระคุณที่มาของข้อมูล :: (๑) บทความเรื่องเกสรียะสถูป (KESARIA STUPA) : สถานที่ประดิษฐานบาตรขององค์สมเด็จพระสัมมนาสัมพุทธเจ้า โดยพระมหาสมพงษ์ คุณากโร พระนักศึกษาเมืองเจนไน ประเทศอินเดีย (๒) http://handytour.blogspot.com/2005/07/vesali.html พุทธสังเวชนียสถาน : สถานที่อันเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39377 กาลามสูตร : หลักความเชื่อของชาวพุทธ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=18318 |
เจ้าของ: | Duangtip [ 20 ก.ย. 2018, 12:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระมหาสถูปแห่งเกสเรีย ที่ประดิษฐานบาตรของพระพุทธเจ้า |
ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ ได้ประโยชน์มากเลยค่ะ |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 24 มี.ค. 2019, 09:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระมหาสถูปแห่งเกสเรีย ที่ประดิษฐานบาตรของพระพุทธเจ้า |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |