32715.ปัจฉิมวาจา

Bwitch

ปัจฉิมวาจา

คืนวันนั้นเป็นวันเพ็ญวิสาขะปุรณมี (ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม) พระจันทร์เต็มดวง เวลาก็ล่วงมัชฌิมยามไปแล้ว พระบรมศาสดาบรรทมเหยียดพระกายในท่าสีหไสยาสน์ทรงระโหยโรยแรงยิ่งนัก แต่ก็ฝืนพระทัย ดำรงสติมั่น สั่งสอนให้โอวาทพระภิกษุสงฆ์สาวกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเสด็จปรินิพพานดังนี้

"อานนท์ เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว พวกเธอทั้งหลายอาจคิดไปว่า บัดนี้ไม่มีพระศาสดาแล้ว อาจรู้สึกว้าเหว่ไร้ที่พึ่ง พวกเธอจงอย่าคิดอย่างนั้น ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมวินัยเหล่านั้น จักเป็นองค์ศาสดาของพวกเธอทั้งหลายแทนเราต่อไป"

"อีกเรื่องหนึ่ง คือพระฉันนะ เธอดื้อดึง มีทิฐิมานะมาก ไม่ยอมเชื่อฟังอ่อนน้อมใคร เพราะถือว่า เป็นอำมาตย์ ราชบริพารเก่าแก่ของเรา เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว ขอให้สงฆ์ลงพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะ คือเธอจะทำ จะพูด สิ่งใด หรือประสงค์จะอยู่อย่างไร ก็ปล่อยเธอตามสบาย สงฆ์ไม่ควรว่ากล่าวตักเตือน ไม่ควรพร่ำสอนเลย เธอจะรู้สึกตัวเองในทีหลัง"

"อีกเรื่องหนึ่งคือ สิกขาบทบัญญัติที่เราได้บัญญัติไว้ เพื่อภิกษุทั้งหลาย จะได้อยู่ด้วยกันอย่างผาสุก ไม่กินแหนงแคลงใจกัน มีธรรมเป็นเครื่องอยู่เสมอกัน สิกขาบทบัญญัติเหล่านั้น มีอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อเราล่วงลับ ไปแล้ว สงฆ์พร้อมใจกันจะถอนสิกขาบทเล็กน้อย ซึ่งขัดกับกาลสมัยเสียบ้างก็ได้ จะเป็นความลำบากในการปฏิบัติ สิกขาบทที่ไม่เหมาะสมัยเช่นนั้น เราอนุญาตให้ถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้"
"ภิกษุรูปใดมีความเคลือบแคลงเห็นแย้งในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในมรรคในข้อปฏิบัติใดๆ ก็ดี จงถามเสีย อย่าเป็นผู้เดือดร้อนในภายหลังว่า เราอยู่เฉพาะหน้าพระศาสดาแล้ว ไม่กล้าถามในที่เฉพาะหน้า"

ปรากฏว่าไม่มีภิกษุรูปใดทูลถาม ตลอดเวลาที่ทรงเตือนซ้ำจนครบสามครั้ง ทุกองค์นั่งเงียบกริบ ในบริเวณป่าต้นสาละแห่งนี้ สงบเงียบไม่มีเสียงใดๆ เลย แม้จะมีพุทธบริษัทประชุมกันอยู่เป็นจำนวนมากก็ตาม พระกำลังของพระผู้มีพระภาคเจ้าเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ในที่สุดทรงตรัสปัจฉิมวาจาครั้งสุดท้ายว่า

"ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจักเตือนเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด นี่เป็นวาจาครั้งสุดท้ายของตถาคต"

:b42:

ปัจฉิมวาจา - วาจาครั้งสุดท้าย

:b42:

มัชฌิมยาม - ยามกลางคืน ในภาษาบาลีเขาจะแบ่งเวลากลางคืนออกเป็น ๓ ช่วงเวลา (หรือเรียกตามภาษาบาลีว่า ๓ ยาม) ช่วงเวลาละ ๔ ชั่วโมง ซึ่งเรียกว่า ปฐมยาม (18:00-22:00) มัชฌิมยาม (22:00-02:00) ปัจฉิมยาม (02:00-06:00)

:b42:

สีหไสยาสน์ - ท่านอนเหยียดตรง แบมือขวาพยุงศีรษะไว้ หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นท่าพระนอนสมาธิ

:b42:

สิกขาบทบัญญัติ - ข้อบังคับในเรื่องของศีล

:b42:

ตถาคต - พระนามพระพุทธเจ้า เป็นคำที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกพระองค์เอง

ข้อมูลจาก http://www.dharma-gateway.com/

สาวิกาน้อย

ขออนุโมทนาสาธุการด้วยจ้า แม่มดน้อย Bwitch

cool

ปล. หายไปจากลานตั้งหลายอาทิตย์
แม่มดน้อย Bwitch ไปภาวนาที่ไหนมาบ้างจ๊ะ

Bwitch

สาวิกาน้อย เขียน:

ขออนุโมทนาสาธุการด้วยจ้า แม่มดน้อย Bwitch

cool

ปล. หายไปจากลานตั้งหลายอาทิตย์
แม่มดน้อย Bwitch ไปภาวนาที่ไหนมาบ้างจ๊ะ

ขอบพระคุณท่านสาวิกาน้อย ที่เมตตาถามไถ่ค่ะ :b20:

"งานเข้า" เล็กน้อย ปลีกตัวจากความสงบในลานธรรมไปวุ่นวายกับโลกภายนอกค่ะ
แต่ไม่ละเลยที่จะภาวนา(ในใจ) และพิจารณาลมหายใจ (ตรงปลายจมูก)
พร้อมระลึกถึงความดาย(เพื่อนแท้) (เกือบ)ทุกขณะจิต
หมั่นทำความเข้าใจโลกธรรม ลดละเลิกได้มาก แต่ยังไม่วางค่ะ (แห่ะ แห่ะ).... รูปภาพ

หากท่านหมายถึงสถานที่สัปปายะสำหรับนั่งภาวนาของดิฉัน
วันนี้...เริ่มไม่สัปปายะแล้วค่ะ
เนื่องด้วยบารมีและความเมตตาขององค์หลวงปู่ฯ มากล้น
สาธุชนเริ่มทราบและหลั่งไหลเข้าไปกราบนมัสการชื่นชมบารมี
และขอเมตตาจากท่านมากมาย

ดิฉันก็ยังไปกราบนมัสการท่านสม่ำเสมอ
แต่จะเลือกไม่ไปวันพระที่ตรงกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ค่ะ

ระลึกถึงกัลยาณมิตรทุกท่านที่นี่นะคะ :b1:

บัวไฉน

แม้จะพอทราบเกี่ยวกับปัจฉิมวาจาของพระพุทธองค์มาบ้าง
แต่พอคุณ Bwitch นำมาลง ก็อ่านทุกบรรทัดทุกตัวอักษรเลยนะ
ทำให้ได้ทราบรายละเอียด เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเพิ่มมากขึ้น
ต้องขอขอบคุณ และอนุโมทนาสาธุ ด้วยนะจ๊ะ
ปล.เข้าใจว่าบรรทัดนี้ พิมพ์ตกไปหรือเปล่าจ๊ะ :b49:

ถ้าไม่ใช่ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ปรากฏว่าไม่มีภิกษุรูปใดทูลถาม ลอดเวลาที่ทรงเตือนซ้ำจนครบสามครั้ง

วิสุทธิปาละ

อ้างคำพูด:

ปัจฉิมวาจา

"ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจักเตือนเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด นี่เป็นวาจาครั้งสุดท้ายของตถาคต"

สาธุ อนุโมทามิครับ คุณ Bwitch :b8:

เพิ่มเติมจากอรรถกถาครับ :b46:

บทว่า อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ
ความว่า จงยังกิจทั้งปวงให้สำเร็จด้วยความไม่ไปปราศจาก สติ

ดังนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบรรทมที่เตียงปรินิพพาน
ประทานพระโอวาทที่ประทานมา ๔๕ พรรษา รวมลงในบท คือความไม่ประมาทอย่างเดียวเท่านั้น.
ก็คำนี้ว่า ปจฺฉิม วาจา เป็นคำของพระสังคีติกาจารย์ทั้งหลาย.

http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=67&p=5

เจริญในธรรมครับ :b8:

Bwitch

บัวไฉน เขียน:

แม้จะพอทราบเกี่ยวกับปัจฉิมวาจาของพระพุทธองค์มาบ้าง
แต่พอคุณ Bwitch นำมาลง ก็อ่านทุกบรรทัดทุกตัวอักษรเลยนะ
ทำให้ได้ทราบรายละเอียด เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเพิ่มมากขึ้น
ต้องขอขอบคุณ และอนุโมทนาสาธุ ด้วยนะจ๊ะ
ปล.เข้าใจว่าบรรทัดนี้ พิมพ์ตกไปหรือเปล่าจ๊ะ :b49:

ถ้าไม่ใช่ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ปรากฏว่าไม่มีภิกษุรูปใดทูลถาม ลอดเวลาที่ทรงเตือนซ้ำจนครบสามครั้ง

กราบขอบพระคุณค่ะท่านบัวไฉนที่เมตตาอ่านพร้อมตรวจทานให้
ดิฉันคัดลอกโดยเผลอเรอลืมตรวจทาน ซึ่งที่ถูกต้องน่าจะเป็น "ตลอดเวลา..."
จึงขออนุญาตกลับไปแก้ไขนะคะ หากผิดพลาดประการใด ขอผู้รู้โปรดแจ้งเตือนด้วยค่ะ :b8:

Bwitch

วิสุทธิปาละ เขียน:

อ้างคำพูด:

ปัจฉิมวาจา

"ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจักเตือนเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด นี่เป็นวาจาครั้งสุดท้ายของตถาคต"

สาธุ อนุโมทามิครับ คุณ Bwich :b8:

เพิ่มเติมจากอรรถกถาครับ :b46:

บทว่า อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ
ความว่า จงยังกิจทั้งปวงให้สำเร็จด้วยความไม่ไปปราศจาก สติ

ดังนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบรรทมที่เตียงปรินิพพาน
ประทานพระโอวาทที่ประทานมา ๔๕ พรรษา รวมลงในบท คือความไม่ประมาทอย่างเดียวเท่านั้น.
ก็คำนี้ว่า ปจฺฉิม วาจา เป็นคำของพระสังคีติกาจารย์ทั้งหลาย.

http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=67&p=5

เจริญในธรรมครับ :b8:

ขอบพระคุณและอนุโมทนาสาธุค่ะ ท่านวิสุทธิปาละ

Supatorn

ขอบพระคุณท่านBwitch ในธรรมทานค่ะ ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป บุญรักษาทุกๆท่านค่ะ :b8:

petermac

อนุโมทนาสาธุครับ ที่นำมาให้อ่าน :b8:

saovapa

ฟ้าใสใส

(♡✿◕‿◕✿♡) กราบอนุโมทนาบุญกับผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่าน มีดวงตาเห็นธรรม มีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม รู้แจ้งเห็นจริง มีความสุขความเจริญ และอยู่เย็นเป็นสุขนะเจ้าค่ะ :b8:

(♡✿◕‿◕✿♡)

32715.ปัจฉิมวาจา

ผู้ใช้งานขณะนี้