วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 03:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2009, 17:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
...ข้าพเจ้าขอสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์....ด้วยกาย...วาจา...จิตใจ....
:b8: :b8: :b8:
...สิ่งที่ผู้มีความปรารถนาพุทธภูมิต้องศึกษาเอาไว้...
....ติดตามอ่านได้จากกระทู้นี้เจ้าค่ะ
:b40: :b4:
:b42: :b42: :b42:
การอุบัติของพระพุทธเจ้า
…พระพุทธเจ้า...คือ...เอกบุคคลหรือบุคคลเอก...เพราะเหตุผลที่ว่า...
...1)อทุติยะ...ไม่มีพระพุทธเจ้าอื่นเกิดร่วมเป็นองค์ที่ 2 ในคราวเดียวกัน...
...2)อสหายะ...ไม่มีสหาย...หมายถึงไม่มีใครเป็นแบบเดียวกับพระองค์ได้...
...ทั้งในด้านพระรูปกายและพระธรรมที่ทรงแทงตลอด
...3)อัปปฏิมะ...ไม่มีรูปเหมือนใดสร้างให้เหมือนพระองค์ได้...
...4)อัปฏิสมะ...ไม่มีผู้เสมอเหมือนพระองค์ด้วยพระรูปกาย...
...5)อัปปฏิภาคะ...ไม่มีผู้เสมอพระองค์ได้ด้วยคุณธรรม...
...6)อัปปฏิปุคคละ...ไม่มีใครกล้าปฏิญญาต่อพระองค์...
...7)อสมะ...ไม่มีใครเสมอพระองค์ได้...
...8)อสมสมะ...เสมอด้วยบุคคลที่ไม่มีใครเสมอได้ คือพระพุทธเจ้า...
...9)ทวิปทอัคคะ...เป็นเลิศในหมู่สัตว์ทวิบท(2เท้า)คือเทวดาและมนุษย์...


...โดยเหตุที่ทรงเป็นเอกบุคคลดังกล่าว...และโดยเหตุที่ทรงประกอบด้วยธรรมอัศจรรย์ต่างๆ...
...พระพุทธเจ้าจึงถือได้ว่าเป็น....อัจฉริยมนุษย์หรือมนุษย์มหัศจรรย์...เป็นอาจิณณมนุษย์...
...แปลว่า...มนุษย์สั่งสม...หมายถึงสั่งสมสิ่งต่อไปนี้...
…1)สั่งสมความพร้อมที่จะเป็นพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่า...สโมธานธรรม 8 ประการ... :b10:
…2)สั่งสมการได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าและมุ่งมั่นทำพุทธการกธรรม...
....ให้บริบูรณ์...(พุทธการกธรรม...ความดีที่ทำให้ได้เป็นพระพุทธเจ้า...)...
...3)สั่งสมบารมีให้แก่กล้าจนถึงพระชาติสุดท้าย...4)สั่งสมสติสัมปชัญญะ...
...5)สั่งสมความอัศจรรย์ต่างๆ...6)สั่งสมความกล้า...
...การปรากฎของบุคคลเอกเป็นปรากฎแห่งดวงตาของโลกที่ยิ่งใหญ่...


...{สโมธานธรรม 8 ประการประกอบด้วย...1)เกิดเป็นมนุษย์...2)มีเพศชาย...3)สมบูรณ์ด้วย...
...เหตุที่จะให้ได้บรรลุอรหัตตผล...4)ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า...5)ได้ออกบวช...
...เป็นนักบวชที่มีความเชื่อเรื่องกรรม...6)มีคุณสมบัติพร้อมเพราะได้บรรลุ...
...อภิญญา5และสมบัติ8...7)ได้ทำบุญสำคัญถึงขั้นยอมสละชีวิตถวายพระพุทธเจ้า...
...8)มีฉันทะคือต้องการเป็นพระพุทธเจ้าอย่างแรงกล้า...ประกอบด้วยความอุตสาหะ...
...ความพยายาม...และการแสวงหาอย่างยิ่งใหญ่}...


การตั้งปณิธานเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าโคดม
...พระพุทธเจ้าโคตมะหรือพระพุทธเจ้าโคดมคือพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน...
...พระองค์ทรงเป็นเหมือนพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆคือ...ก่อนได้มาตรัสรู้...
...เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตั้งปณิธานของพระองค์ไว้ 3 ช่วงเวลา ดังนี้


...1)ช่วงมโนปณิธาน...ช่วงระยะเวลาที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยปรารถนาพุทธภูมิ... :b8:
...เรียกง่ายๆว่า...ระยะคิดปรารถนาพุทธภูมิมาจนถึงก่อนเปล่งพระวาจาปรารถนาพุทธภูมิ...
...เป็นเวลา 7 อสงไขย...ทรงคิดปรารถนาพุทธภูมิในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ...
...รวมทั้งสิ้น 125,000 พระองค์


...2)ช่วงวจีปณิธาน....ช่วงระยะเวลาที่พระองค์ทรงเปล่งพระวาจาปรารถนาพุทธภูมิ... :b8:
...เฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ......แต่ยังมิได้ทรงรับพยากรณ์โดยตรง…
…เนื่องจากสโมธานธรรมมีไม่ครบ 8 ประการ...ทรงตรัสแนะนำให้บำเพ็ญบารมีไป...
...เป็นเวลา 9 อสงไขย...ช่วงนี้พระโพธิสัตว์ได้พบพระพุทธเจ้า 387,000 พระองค์...


...3)ช่วงกายวจีปณิธาน...ช่วงระยะเวลาที่พระองค์ทรงเปล่งพระวาจาแสดงความปรารถนาพุทธภูมิ... :b8:
...พร้อมทั้งทำบุญสำคัญสนับสนุน....ช่วงระยะเวลาดังกล่าว...ได้พบพระพุทธเจ้า 27 พระองค์...
...มิได้รับพยากรณ์จาก 3 พระองค์แรก...แต่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า 24 พระองค์ต่อมาคือ...
…ตั้งแต่พระพุทธเจ้าทีปังกรจนถึงพระพุทธเจ้ากัสสปะ...เพราะมีสโมธานธรรม 8 ประการครบ...
...รวมระยะเวลาในช่วงที่ได้รับพุทธพยากรณ์นี้เป็น 4 อสงไขย 100,000 กัป...


…สรุปแล้วการตั้งปณิธานเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าโคดมนั้น...
...สิ้นเวลาถึง 20 อสงไขย 100,000 กัป...โดยแบ่งเป็นช่วงมโนปณิธาน 7 อสงไขย ...
...ช่วงวจีปณิธาน 9 อสงไขย และช่วงกายวจีปณิธาน 4 อสงไขย กับ 100,000 กัป…
…และได้พบพระพุทธเจ้ามากถึง 512,027 พระองค์...

:b1: :b1: :b1:

:b48: ...ยังมีต่อ...โปรดติดตามอ่านคราวต่อไป... :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2009, 18:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว




4-4.gif
4-4.gif [ 19.41 KiB | เปิดดู 12485 ครั้ง ]
:b8: :b8: :b8:

สาธุครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
...ลองคิดเล่นๆ... :b12:
...พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์บำเพ็ญบารมีไม่เท่ากัน... :b27:
...ตั้งแต่...4อสงไขย...8อสงไขย...และ16อสงไขย :b17:
...พระสมณโคดมบำเพ็ญบารมี 4 อสงไขยกับแสนกัป... :b8: :b8: :b8:
...ส่วนพระศรีอริยเมตไตรยกว่าจะมาตรัสรู้จะนานขนาดไหนกันน๊า... :b6:
...พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีถึง 16 อสงไขย... :b4: :b4: :b4:
...เราต้องวนในวัฏฏะอีกแค่ไหนหนอ...
:b2: :b2: :b2:

...1 อสงไขยเท่ากับเลข 1 ตามด้วยเลขศูนย์ 140 ตัว... :b23:
...1 รอบอสงไขยปี = 1 อันตรกัป...นับแบบนี้...ตั้งแต่เริ่มมีสิ่งมีชีวิตกำเนิดขึ้นมา...
...จนกระทั่งล้างโลกแล้วเริ่มเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมาใหม่จ้ะ...เอ...พระองค์...
...พบพระพุทธเจ้ามาเท่าไหร่กันเนี่ย
:b42: :b42: :b42:
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2009, 16:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue

ชมพูทวีปเท่านั้นที่มีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ

ทวีปทั้ง4 (โดยย่อ)
ทวีป ตรงกับคำบาลีว่า ทีป ไทยแปลว่า เกาะ หมายถึงแผ่นดินทีทมีน้ำไหลโอบรอบ 2 ด้านแล้วไปบรรจบกัน


........ทวีปหรือทีปนี้มีปรากฏอยู่ทั่วไปมีเรียบเรียงในคัมภีร์พระพุทธศาสนา...อาทิพระไตรปิฎก และอรรถคาถา...รวมทั้งคัมภีร์อื่นๆ (ปกรณ์วิเสส)...มติทางพระพุทธศาสนาแบ่งทวีปออกเป็น 2 ส่วน คือ ทวีปใหญ่ (มหาทีป)...และทวีปเล็ก (ปริตตทีป)...แล้วจากนั้นก็แบ่งย่อยทวีปใหญ่ออกไปอีกเป็น 4 คือ อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีป อปรโคยานทวีป และชมพูทวีป...

1)อุตตรกุรุทวีป...

........ที่ตั้ง...ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ (ไทยเรียกว่า ภูเขาพระสุเมรุ)…

.........ขนาด...มีเนื้อที่ 8,000 โยชน์...

........สัณฐาน...เป็นรูป4เหลี่ยมยาวคล้ายตั่ง...

........ภูมิศาสตร์มีแม่น้ำจำนวนมากไหลเรื่อยตลอดเวลา...ท้องแม่น้ำเป็นทราย...มีน้ำใสสะอาด...
...ไม่มีโคลนตม...ไม่เย็นหรือร้อนเกินไป...ดารดาดด้วยดอกไม้น้ำนานาพรรณ...ทำให้น้ำส่งกลิ่นหอมชื่นใจ...
...ผู้ที่อาศัยมีทั้งคนและสัตว์...ชาวอุตตรกุรุทวีป...ทั้งชายและหญิงมีใบหน้าสี่เหลี่ยม...รูปร่างไม่สูงเกินไป...
...ไม่เตี้ยเกินไป...ไม่ผอมเกินไป...ไม่อ้วนเกินไป...ไม่ดำเกินไป...ไม่ขาวเกินไป...สมส่วน...
...แม้จะมีอายุมากก็ไม่แก่...ผิวหนังไม่ตกกระ...ผมไม่หงอก...ชายมีร่างกายเป็นหนุ่มรุ่นอายุ 25 ปี...
...หญิงมีร่างกายเป็นสาวอายุ 16 ปี...อย่างนี้ตลอดไป... หญิงมีตาโตสวย...ขาเรียวงาม...ฟันขาว...
...สะดือลึก...เอวบาง...ผมดำปลายหยิก...ตะโพกผึ่งผาย...

..........ความเป็นอยู่...ไม่ต้องประกอบอาชีพ...ตามพื้นดินมีข้าวสาลีเกิดเอง...ผลเป็นข้าวสารหอมไม่มีแกลบและรำหุ้ม...ข้าวสาลีนั้นบริโภคเปล่าๆไม่ต้องมีกับข้าว...ภาชนะที่ใช้หุงอาหารเป็นหม้อทองคำ...ตั้งบนหินไฟที่ติดและดับเองได้(โชติปาสาณ)...

.........เพศสัมพันธ์...เมื่อถึงวัยจะมีเพศสัมพันธ์ได้ก็จะมีคู่ครองและอยู่ร่วมกันเพียง 7 วันเท่านั้น...จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็จะหมดราคะและไม่มีเพศสัมพันธ์กันอีกต่อไป...ไม่มีการประพฤติผิดเรื่องเพศ...ต่างพอใจคู่ครองตน

........พิธีศพ...ถึงคราวมีคนตาย...ผู้คนที่อยู่ข้างหลังจะไม่ร้องไห้เศร้าโศก...แต่จะช่วยกันดูแลแต่งตัวศพแล้วก็จะมีนกมาคาบไปทิ้ง...สิทธิในทรัพย์สิน...ทุกคนมีสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ตนเองมีอยู่แต่ไม่หวงแหน...และไม่มีการล่วงละเมิดสิทธิในทรัพย์สินผู้อื่น...

........ต้นไม้สำคัญ...ต้นกัลปพฤกษ์เป็นต้นไม้ให้สำเร็จสมประสงค์...คือไม่ว่าต้องการสิ่งใดก็ไปเหยียดมือแสดงความต้องการที่ต้นกัลปพฤกษ์นั้น...สิ่งที่ต้องการก็จะปรากฎให้หยิบไปใช้ได้...

........อายุผู้คน...ชาวอุตตรกุรุทวีป...มีอายุขัย 1,000 ปี...ตายแล้วไปสวรรค์ทุกคนเพราะมีศีล 5...


2)ชาวปุพพวิเทหทวีป

........ที่ตั้ง...อยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ…

........ขนาด...มีเนื้อที่ 8,000 โยชน์...

........สัณฐาน...เป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีก...ภูมิศาสตร์ไม่ระบุ...

........ผู้ที่อยู่อาศัย...มีทั้งคนและสัตว์...ใบหน้าผู้คนเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีกตามสัณฐานทวีป...
ส่วนรูปร่างความเป็นอยู่ไม่ระบุ...อายุผู้คนไม่ระบุ...


3)อปรโคยานทวีป

........ที่ตั้ง...อยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ…

........ขนาด...มีเนื้อที่ 7,000 โยชน์...

........สัณฐาน...เป็นรูปกลมคล้ายแผ่นกระจกกลม...ภูมิศาสตร์ไม่ระบุ...

........ผู้ที่อยู่อาศัย...มีทั้งคนและสัตว์...ในหน้าผู้คนกลมตามสัณฐานทวีป...อายุ,รูปร่าง,ความเป็นอยู่ไม่ระบุ


4)ชมพูทวีป...

........ที่ตั้ง...อยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ…

........ขนาด...มีเนื้อที่ 10,000 โยชน์...

........สัณฐาน...เป็นรูป 3 เหลี่ยมเรียวคล้ายตัวเกวียน...

........ภูมิศาสตร์แบ่งเนื้อที่เป็นทะเล 4,000 โยชน์...เป็นที่ตั้งของเทือกเขาหิมพาน 3,000 โยชน์.และเป็นที่อยู่ของผู้คน 3,000 โยชน์...มีแม่น้ำ 500 สาย เป็นแม่น้ำสำคัญ 10 สาย แบ่งเป็นกลุ่มแม่น้ำคงคา 5 สาย ได้แก่ คงคา ยมุนา สรภู อจิรวดี และมหี...และกลุ่มแม่น้ำสินธุ 5 สาย ได้แก่ สินธุ สรัสวดี เวตตวดี วิตัมสา และจันทภาคา...

........ผู้ที่อยู่อาศัย...มีทั้งคนและสัตว์...ชาวชมพูทวีปทั้งชายหญิงมีใบหน้าผู้คนเป็นรูป3เหลี่ยมเรียวตามสัณฐานทวีป...รูปร่างมีทั้งสวยและไม่สวย...มีทั้งสูงเกินไปและเตี้ยเกินไป...มีทั้งดำเกินไปและขาวเกินไป......ผู้ชายที่ถือว่าสง่างามที่สุดต้องประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ32ประการ...ผู้หญิงที่ถือว่าสวยที่สุดต้องประกอบด้วยลักษณะเบญจกัลยาณี (มีความงาม 5 อย่าง)...

........ความเป็นอยู่...ต้องประกอบอาชีพ...หุงหาอาหาร...

.........เพศสัมพันธ์...เมื่อถึงวัยจะมีเพศสัมพันธ์ได้ก็จะมีพิธีแต่งงานและมีเพศสัมพันธ์กันทุกฤดูกาล…

........สภาพสังคม...บางคราวสุข...บางคราวเดือดร้อนวุ่นวาย...มีการทะเลาะเบาะแว้งตั้งแต่ระหว่างคนต่อคนไปจนถึงกลุ่มคนต่อกลุ่มคน...

........ศาสนา...มีศาสนาและลัทธิต่างๆเกิดขึ้นมากมาย...แต่ที่สำคัญคือ...มีพระศาสนา...พระพุทธเจ้า...พระปัจเจกพุทธเจ้ารวมทั้งพระมหาสาวก...และพระเจ้าจักรพรรดิจะเกิดมีในชมพูทวีปเท่านั้น...ไม่เกิดในทวีปอื่น...เกณฑ์ศีลธรรมที่คอยควบคุมความประพฤติของคนให้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขให้ถือศีล 5 คือไม่ฆ่าสัตว์...ไม่ลักทรัพย์...
ไม่ประพฤติผิดในกาม...ไม่พูดเท็จ...ไม่ดื่มน้ำเมา...

........พิธีกรรม...มีพิธีกรรมในการดำเนินชีวิตหลายอย่าง อาทิ พิธีกรรมเกี่ยวกับศาสนา...พิธีกรรมเกี่ยวกับการเกิด
พิธีกรรมเกี่ยวกับการแต่งงาน...พิธีกรรมเกี่ยวกับงานศพ...

........วรรณะ....แบ่งคนเป็น 4 วรรณะ หรือ 4 กลุ่มตามหน้าที่หลัก คือ กลุ่มกษัตริย์ทำหน้าที่ป้องกันกลุ่มอื่นๆ... กลุ่มพราหมณ์ทำหน้าที่สอนศิลปวิทยาและวิชาพระเวท ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และให้คำปรึกษาแก่คนกลุ่มอื่นๆ... กลุ่มแพศย์ทำหน้าที่ค้าขาย... กลุ่มศูทร์ทำหน้าที่ใช้แรงงาน...

........ต้นไม้สำคัญ...ต้นชัมพุ (ต้นหว้า) ถือเป็นต้นไม้ประจำทวีป...มีลำต้นสูง 50 โยชน์...มีกิ่ก้านสาขาแผ่ออกไปรอบด้านๆละ 50 โยชน์...มีร่มเงาวัดได 100 โยชน์...ขึ้นอยู่ในป่าหิมพาน...มีผลใหญ่ขนาดเท่าช้าง...ชื่อทวีปมาจาก
ชื่อต้นไม้...

........อายุผู้คน...อายุขัย 100 ปี...ส่วนมากอยู่ไม่ถึง...ที่อยู่เกิน 100 ปีมีไม่มาก...หลังจากตายแล้วไปตามกรรม...เกิดในสวรรค์ก็มี...พระพุทธเจ้า...พระปัจเจกพุทธเจ้า...และพระอรหันต์ ตาย (นิพพาน) แล้วไม่เกิดอีก...


...ความเกี่ยวข้องกัน... :b42: :b42: :b42: :b42: :b42:

........มีหลักฐานระบุว่า...ก่อนครั้งพุทธกาล...ผู้คนในทวีปทั้ง 4 มีการติดต่อกันอยู่...โดยกษัตริย์พระองค์หนึ่ง...ทรงพาบริวารเสด็จไปยัง...อุตตรกุรุทวีป...ปุพพวิเทหทวีป...และอปรโคยานทวีป...คราวเสด็จกลับทรงพาผู้คนจากทวีปใหญ่ทั้ง 3 นั้นมาด้วย...ผู้คนเหล่านั้นมาตั้งถิ่นฐานในชมพูทวีป...จนกระทั่งมีเชื้อสายสืบทอดกันมา...

........ชนบท(ชุมชน)ที่ชาวอุตตรกุรุทวีปอยู่เรียกว่ากุรุรัฐ(แคว้นกุรุ)...ชนบทที่ชาวปุพพวิเทหทวีปอยู่เรียกว่า...
วิเทหรัฐ (แคว้นวิเทหะ)...ชนบทที่ชาวอปรโคยานทวีปอยู่เรียกว่าอปรันตชนบท(แคว้นอปรันตะ)...

........ตกมาถึงครั้งพุทธกาล...อุตตรกุรุทวีปกับชมพูทวีปมีความเกี่ยวข้องกันใกล้ชิด...พระไตรปิฎกระบุว่า...คราวที่เสด็จโปรดชฎิลอุรุเวลกัสสปะ ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ...พระพุทธเจ้าทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ด้วยการเสด็จไปบิณฑบาตที่อุตรกุรุทวีป....

........อรรถกถาธรรมบทระบุว่า...คราวที่เสด็จไปโปรดพระมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์...พระพุทธเจ้าเสด็จไปบิณฑบาตและเสวยพระกระยาหารที่อุตรกุรุทวีปทุกวัน....และได้ทรงแสดงพระอภิธรรมให้พระสาลีบุตรทรงจำที่นั่นด้วย...

........อรรถกถาธรรมบทยังกล่าวอีกด้วยว่า...หญิงสาวชาวอุตตรกุรุทวีปนางหนึ่ง...ได้มาแต่งงานอยู่กินกับโชติกะเศรษฐีหนุ่มชาวเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธในชมพูทวีป...และเมื่อสามีนางตายนางก็กลับไปอยู่ที่อุตตรกุรุทวีปตามเดิม


...สรุปความเห็นของนักคิดอินเดียโบราณถือว่า...โลกเรามีทวีปใหญ่ 4ทวีป...ภูเขาสิเนรุเป็นจุดศูนย์กลางของโลก...ทวีปทั้ง 4 มีสัณฐานไม่เหมือนกัน...ใบหน้าผู้คนเป็นไปตามสัณฐานของทวีปของตน...ผู้คนในทวีปทั้ง 4 นั้นเคยไปมาหาสู่กัน...แต่ที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดมากที่สุดคือผู้คนจากอุตตรกุรุทวีปและผู้คนจากชมพูทวีป...อย่างไรก็ตาม...เฉพาะชมพูทวีปเท่านั้นที่มีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 12 ก.ค. 2011, 13:47, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2009, 11:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue ...วันนี้มาลงต่ออีกนิดหน่อยเจ้าค่ะ...
:b16:
ชมพูทวีป : ดินแดนแห่งอารยธรรมหลายยุค
...ชมพูทวีปเป็นดินแดนแห่งศาสนาต่างๆ...รวมทั้งพระพุทธศาสนาด้วย...โดยเหตุที่ชมพูทวีป...
...มีการประพฤติพรหมจรรย์ที่ประกอบด้วยมรรคมีองค์8...ชมพูทวีปจึงเป็นเวทีโลกที่สำคัญ...
...สำหรับรองรับการอุบัติของพระพุทธเจ้าองค์พระศาสดาของพระพุทธศาสนา...

:b6:
...ในวรรณคดีสายสันสกฤต...มีกล่าวถึงชมพูทวีปว่า...เป็นทวีปหรือเกาะ 1 ใน 7...
....ซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นโลกของเรา...โดยมีภูเขาหลวง(ภูเขาใหญ่) ชื่อ เมรุ ตั้งอยู่ตรงใจกลาง...

:b44:
...ในวรรณคดีสายสันสกฤตมีการแบ่งชมพูทวีป ออกเป็นดินแดน 9 ส่วนคือ...
........1) ภารตะ...ดินแดนส่วนใต้ของเทือกเขาหิมาลัย...และอยู่ใต้สุดของดินแดนทุกส่วน...
........2) กิมปุรุษะ...อยู่ด้านเหนือของดินแดนภารตะและเทือกเขาหิมาลัย...
............เป็นที่ตั้งของภูเขาเหมกูฏ....
........3) หริวรรษะ...อยู่ด้านเหนือของดินแดนกิมปุรุษะ...เป็นที่ตั้งของภูเขานิษธะ...
........4) อิลาวฤตะ...อยู่ตรงใจกลาง...เป็นที่ตั้งของภูเขาเมรุ...
........5) รัมยกะ...อยู่ด้านเหนืออิลาวฤตะ...เป็นที่ตั้งของภูเขานีละ...
........6)หิรันมยะ...อยู่ด้านเหนือรัมยกะ...เป็นที่ตั้งของภูเขาศเวตะ...
........7) กุรุ...อยู่ด้านเหนือหิรันมยะ...เป็นที่ตั้งของภูเขาศฤควัน...
........8) ภัทราสวะ...อยู่ด้านทิศตะวันออกของอิลาวฤตะ...เป็นที่ตั้งของภูเขาคันธมาทนะ...
........9) เกตุกุมภา...อยู่ด้านทิศตะวันตกของอิลาวฤตะ...เป็นที่ตั้งของภูเขามัลยวฤตะ...
............ดินแดนภารตะเป็นดินแดนส่วนที่ดีที่สุด...

:b1:
...ฝ่ายวรรณคดีบาลีไม่มีกล่าวแบ่งชมพูทวีปออกเป็นส่วนๆอย่างวรรณคดีสันสกฤต...
...แต่มีกล่าวถึงการแบ่งมหาปฐพี(แผ่นดินใหญ่) ออกเป็น 7 ส่วนเท่าๆกัน
.........1) กลิงคะ.(อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้) มีเมืองหลวงชื่อ...ทันตปุระ...
.........2) อัสสกะ (อยู่ทางทิศใต้) มีเมืองหลวงชื่อ...โปตนะ...
........3) อวันตี (อยู่ทางทิศตะวันตก) มีเมืองหลวงชื่อ...มาหิสสติ...
.........4) โสวีระ (อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) มีเมืองหลวงชื่อ...โรรุกะ...
........5) วิเทหะ (อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) มีเมืองหลวงชื่อ...มิถิลา...
........6) อังคะ (อยู่ทางทิศตะวันออก) มีเมืองหลวงชื่อ...จัมปา...
........7) กาสี (อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอังคะ) มีเมืองหลวงชื่อ...พาราณสี...
:b4:
...ดินแดนทั้ง 7 ส่วนนี้...ท่านโควินทะเป็นผู้กำหนดแบ่งมอบให้กษัตริย์ 7 พระองค์คือ...
...พระเจ้าสัตตภู...พระเจ้าพรหมทัต...พระเจ้าภารตะ...พระเจ้าเรณุ...พระเจ้าธตรฐ1...
...พระเจ้าธตรฐ2...ปกครอง...และยังกล่าวถึงลักษณะทางภูมิศาสตร์ไว้ว่า...ด้านเหนือกว้าง...
...ส่วนด้านทิศใต้เรียวเหมือนธูปเกวียน...ดินแดนทั้ง7ส่วนนี้เมื่อนำมาไปเทียบกับฝ่ายวรรณคดีสันสกฤต
...แล้วน่าจะได้แก่ดินแดนส่วนแรกคือ...ภารตะ...ที่ในฝ่ายวรรณคดีบาลีนิยมเรียกรวมๆว่า...ชมพูทวีป

:b55: :b55: :b55:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 03 ธ.ค. 2009, 15:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2009, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1: ...วันนี้มาต่ออีกหนึ่งยกเจ้าค่ะ...
:b48:
........ชมพูทวีป…เป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลและรองรับอารยธรรม...ความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์มาหลายยุคหลายสมัย...นักประวัติศาสตร์และนักภูมิศาสตร์ได้ร่วมกันศึกษาความเป็นไปของชมพูทวีปและแบ่งออกเป็นยุคได้ดังนี้...
:b48:
........1) ยุคอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ...ยุคนี้กำหนดช่วงเวลาประมาณ3000ปีก่อนพุทธศักราช...เป็นยุคที่ชมพูทวีปมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ที่บริเวณตอนล่างลุ่มแม่น้ำสินธุ...ซึ่งเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลจากเทือกเขาหิมาลัยด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ...มาลงทะเลด้านทิศตะวันตกของชมพูทวีป...หลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดพบที่เมืองโมเฮนโจทาโร(Mohenjodaro) แสดงให้เห็นว่ามีการสร้างเมืองและบ้านเรือน...รวมทั้งศาสนสถานและสระใหญ่ก่อด้วยอิฐ...สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นที่อาบน้ำล้างบาป...
:b48:
...........มหาชัน(V.D.MAHAJAN) นักเขียนผู้มีชื่อเสียงของอินเดียกล่าวว่าโมเฮนโจทาโร(เนินดินฝังคนตาย)มีการสร้างบ้านเรือน...มีอาคารขนาดใหญ่ก่อด้วยอิฐเผารูป4เหลี่ยม...และยังมีที่อาบน้ำขนาดใหญ่...มีสถูป...มีวิทยาลัยและหอประชุมระหว่างที่อาบน้ำกับสถูปมีซากอาคารยาว 83 เมตร กว้าง 24 เมตร มีห้องขนาดใหญ่อยู่ทั้ง 3 ด้านของสนามซึ่งกว้าง 10 เมตร และยังมีบันไดติดราวบันไดซึ่งแสดงให้เห็นว่าน่าจะมีชั้นบน...และบนพื้นชั้นแรกคงจะมีห้องอีกหลายห้อง จึงสันนิษฐานได้ว่าอาคารนั้นน่าจะเป็นที่อยู่ของพระผู้สูงศักดิ์ หรืออาจเป็นวิทยาลัยของพระก็ได้ สภาพของเมืองมีการวางผังที่ดี มีถนนตรอก ซอกซอย บ้านเรือนตั้งกันอยู่เป็นสัดส่วน
:b48:
............ข้ามแม่น้ำสินธุไปถึงบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำปัญจาป ซึ่งอยู่ไปทางตะวันออก นักโบราณคดีได้พบ เมืองฮารัปปา (Harappa) เมืองแห่งนี้มีการขุดพบประติมากรรมรูปคนและสัตว์ ทำด้วยดินเหนียว หิน โลหะ ยังพบรูปปั้นเจ้าแม่ทำด้วยดินเหนียวซึ่งถือกันว่าเป็นมารดาของคน สัตว์ และพืช...
:b48:
............อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุทั้ง 2 แห่งนี้ เชื่อว่ายั่งยืนมาถึงช่วงเวลา 2000 – 1500 ปีก่อนพุทธกาล และล่มสลายด้วยเหตุ 2 ประการ คือ น้ำท่วมใหญ่ กับ การบุกทำลายของชนเผ่าอารยัน และส่วนใหญ่จะให้น้ำหนักแก่สาเหตุหลัง เนื่องจากมีการขุดพบโครงกระดูกจำนวนมาก บางโครงกระดูกมีรอยถูกฟันที่ศีรษะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการฆ่าหมู่เกิดขึ้น ชาวชมพูทวีปที่เป็นชาวพื้นเมืองเดิม ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่ามิลักขะ ซึ่งมีผิวดำ จมูกแบนกว้าง ตาพอง...
:b48:
.........2)ยุคอารยันบุก ยุคนี้กำหนดช่วงเวลา 2000 – 1500 ปีก่อนพุทธกาล คนอารยันเป็นชนผิวขาวในตระกูลอินโดยุโรเปี่ยน เป็นพวกเรร่อนเลี้ยงสัตว์ มีถิ่กำเนิดอยู่ที่เอเชียกลาง บริเวณทะเลสาบแคสเปียน อพยพมาทางเปอร์เชียและเมโสโปเตเมีย และย้ายต่อไปยังพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของชมพูทวีป (ปัจจุบัน คือ ดินแดนส่วนที่เป็นประเทศอาฟกานิสถานและปากีสถาน) โดยสารเรือที่ต่อเป็นลำเล็กๆ เพื่อใช้เฉพาะกิจขึ้นมาตามลำสินธุ.....
:b48:
............ชาวอารยันเป็นชนชาตินักรบ ชำนาญในการขี่ม้า ใช้รถม้าและใช้ดาบ ชำนาญกว่าพวกมิลักขะ จึงขับไล่เจ้าของถิ่นแตกกระเจิงไป เมื่อยึดพื้นที่ตอนบนของแม่น้ำสินธุได้แล้วยังได้อพยพมายังดินแดนปัญจาป ที่มีแม่น้ำทั้ง5สายคือ แม่น้ำวิตัสตาหรือเฌลุม แม่น้ำอสิกนีหรือจีนาบ แม่น้ำปรุษณีหรืออิราวตีหรือราวี แม่น้ำวิปาศหรือบีส และแม่น้ำศุตุทรีหรือสุตเลช นอกจากทำสงครามรุกไล่พวกมิลักขะแล้วยังลุกไล่ชาวอารยันด้วยกันเพื่อแย่งดินแดนบริเวณฝั่งแม่น้ำ5สาย...
:b48:
...........3)ยุคพระเวท ยุคนี้กำหนดช่วงเวลา 1500 - 300 ปีก่อนพุทธกาล คนอารยันโดยเหตุที่เป็นคนเร่ร่อน และจักรวาลคือท้องฟ้าเป็นบ้านของตนเอง...จึงสร้างพระอินทร์ซึ่งเชื่อว่าอยู่บนท้องฟ้าขึ้นเป็นเทพเจ้าของพวกตน และจากการเห็นปรากฏการณ์ฟ้าร้องฟ้าแลบ จึงกำหนดให้สายฟ้าเป็นอาวุธของพระอินทร์ สายฟ้าเป็นสัญลักษณ์แห่งการทำลายศัตรูและเมืองศัตรูคือมิลักขะ ซึ่งต่างจากพวกมิลักขะที่ถือว่าพื้นแผ่นดินเป็นบ้าน ได้อาศัยตั้งถิ่นฐานทำมาหากิน จึงสร้างโคขึ้นเป็นเทพเจ้า โคเทพเจ้าของคนมิลักขะเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์
:b48:
..............จากนั้นชาวอารยันได้ขยายดินแดนแผ่ไปทางตะวันออกจนถึงลุ่มแม่น้ำสรัสวดี ขยายเลยไปถึงดินแดน ที่อยู่ระหว่างแม่น้ำสรัสวดีกับแม่น้ำทฤษทวดี“พรหมาวรรต” แปลว่าดินแดนแห่งพรหมัน(สภาวะที่เที่ยงแท้ยั่งยืน)เป็นดินแดนที่ชาวอารยันเริ่มค้นหาความจริงเกี่ยวกับชีวิต แนวความคิดเรื่องพรหมันของคนอารยันก่อเกิดขึ้นที่นี่
:b48:
...............แม่น้ำสรัสวดีเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้เป็นที่ชำระบาป ตลอดแนวฝั่งแม่น้ำมีอาศรมของฤาษีและท่าบุญ ตั้งเรียงรายคล้ายแนวฝั่งแม่น้ำคงคาในสมัยต่อมา ดินแดนแถบนั้นส่วนใหญ่ในบทสวดฤคเวทมีรจนาถึงปรากฏการณ์ต่างๆ อาทิ ฟ้าแลบฟ้าร้อง ฝนตกพรั่งพรู ตลอดจนภูเขาซึ่งมีเกิดขึ้นในบริเวณลุ่มแม่น้ำสรัสวดี (เกิดได้น้อยมากในบริเวณที่ราบลุ่มปัญจาป ซึ่งแห้งแล้งและมีฝนตกประปรายในฤดูฝน)
:b48:
...............มีการแผ่ขยายดินแดนออกไปมากขึ้น...ผ่านแม่น้ำยมุนาข้าไปมัธยเทศะ ตอนกลางของชมพูทวีป คนอารยันได้แต่งพระเวท ยชุรเวท และสามเวท (และอาถรรพเวท) ขึ้นตามลำดับและรวบรวมเป็นหมวดหมู่เรียกว่า “สังหิตา” ต่อมาสมัยรวบรวมพระเวท คนอารยันได้ขยายดินแดนต่อไปจนครอบคลุมที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคา และไปถึงลุ่มแม่น้ำสทานีราซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำคงคาทางทิศตะวันออก พร้อมกันนั้นได้แต่งวรรณคดีสายพระเวทต่างๆ และมีการแต่งมหากาพย์มหาภารตะและรามายณะ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ทางการเมืองและทางศาสนาของตนขึ้น ขยายดินแดนไปหยุดยังทิศใต้ถึงเทือกเขาวินธัย
:b48:
................คนอารยันยังมีการแบ่งวรรณะเป็น 2 วรรณะคือ วรรณะอารยัน(ผิวขาว) กับวรรณะทาส(มิลักขะ/ผิวดำ) นับถือเทพเจ้า เทพอินทระเป็นองค์แรก ต่อมานับถือเพิ่มอาทิ เทพวรุณ เทพอัคนี
:b48:
................4)ยุค 16 มหาชนบท ยุคนี้กำหนดช่วงระยะเวลา 300 - 100 ปีก่อนพุทธกาล อันเป็นช่วงที่คนอารยันครอบครองพื้นที่ชมพูทวีปได้เกือบทั้งหมด ในพระไตรปิฎกมีกล่าวถึงมหาชนบทหรือรัฐใหญ่ไว้ 16 รัฐด้วยกันคือ อังคะ มคธ กาสี โกศล วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี คันธาระ และกัมโพชะ “ชนบท”หรือ “รัฐ”นักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาโบราณของไทยอย่างสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงนิยมแปลว่า “แคว้น”.....แคว้นทั้ง 16 นี้ แบ่งออกเป็นแคว้นหรือชนบทหลักได้ 2 ชนบทคือ มัชฌิมชนบท กับ ปัจจันตชนบท มีการปกครองแบ่งออกเป็น 2 ระบบคือ ระบบราชาธิปไตย กับระบบคณาธิปไตย
:b48:
...............5)ยุคพุทธกาล ยุคนี้กำหนดช่วงระยะเวลา 80 - 1 ปีก่อนพุทธศักราช แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ช่วง 35 ปีแรก เริ่มตั้งแต่เวลาที่พระโพธิสัตว์สิทธัตถะประสูติจนถึงเสด็จออกผนวช และช่วง 45 ปีหลังเริ่มตั้งแต่ เวลาที่พระโพธิสัตว์ออผผนวชตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจนถึงเวลาเสด็จดับขันธปรินิพพาน ในยุคนี้แคว้นทั้ง 16 มีแคว้นที่จัดได้ว่าเป็นอาณาจักรสำคัญอยู่ 4 แคว้นคือ แคว้นมคธ แคว้นโกศล แคว้นวังสะ และแคว้นอะวันตี
:b48:
................ในยุค 35 ปีก่อนพุทธกาลและยุคพุทธกาลนั้นถือเป็นยุคทองของชมพูทวีป เพราะมีความเจริญและมีความสงบสุข แคว้นต่างๆมีไมตรีต่อกันและเกื้อหนุนกัน นอกจากนี้ยังมีแคว้นสักกะที่มีความสำคัญต่อชาวโลกมาก เนื่องจากเป็นชาติภูมิของพระพุทธเจ้าผู้ให้กำเนิดพุทธศาสนา จะได้กล่าวเรื่องราวของแคว้นนี้ในบทต่อไป :b48:
:b48:
:b48:
:b48:
:b27: :b27: :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 15:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b15:
...หาหนังสือยังไม่เจอเลยยังไม่ได้พิมพ์เพิ่ม...
...วางไม่เป็นที่...ขออภัยสำหรับคนที่รออ่าน...
:b3:
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2010, 11:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2010, 17:29
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


I'm Waiting for reading Thank you.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...ขอข้ามกำเนิดและบรรพบุรุษของพระพุทธเจ้า...ข้ามมาที่เจ้าชายสุทโธทนะ - เจ้าหญิงมหามายา...
...เจ้าชายสุทโธทนะทรงมีพระอนุชา 4 พระองค์และทรงมีพระกนิฏฐภคินี(น้องสาว)2พระองค์...
...เจ้าหญิงมหามายาทรงมีพระเชษฐา 2 พระองค์และทรงมีพระกนิฏฐภคินี(น้องสาว)1พระองค์...
...คือเจ้าหญิงปชาบดี เจ้าหญิงมหามายาทรงพระสิริโฉมงดงามมาก รองลงมาคือเจ้าหญิงปชาบดี...
...พระเจ้าสีหหนุทรงส่งพราหมณ์ 8 คนผู้รู้ลักษณะมงคลหญิงไปเที่ยวสืบหาคู่แก่เจ้าชายสุทโธทนะ...
:b48:
...พราหมณ์พบเจ้าหญิงมหามายาทรงเจริญวัยได้ 16 พรรษาขณะเสด็จประพาสอุทยานกับนางกำนัล...
...ตรวจพบว่าทรงมีลักษณะครบ 64 ประการตามลักษณะหญิงมงคล พราหมณ์แจ้งให้เจ้าหญิงทราบ...
...เจ้าหญิงมหามายาพอได้ยินพระนามของเจ้าชายสุทโธทนะก็มีพระทัยเสน่หาด้วยบุพเพสันนิวาส...
...พราหมณ์เดินทางไปเฝ้าพระเจ้าอัญชนะกับพระนางกัญจนา...พอทราบทรงโสมนัสแสดงไมตรีตอบ...
...พิธีอภิเษกสมรสยิ่งใหญ่ระหว่างเจ้าชายสุทโธทนะกับเจ้าหญิงมหามายา 2ราชวงศ์เกิดปิติโสมนัส...
...ขบวนแห่ขันหมากจบลงด้วยการจับพระหัตถ์กันและกันของเจ้าชายสุทโธทนะกับเจ้าหญิงมหามายา...

:b12:
...ปฐมสมโพธิกถาพรรณนาความตอนนี้ไว้ว่า...
:b20:
...ท้าวสักกเทวราชทรงยืนเป่าแตรสังข์...ปัญจสิขเทพบุตรดีดพิณใหญ่...เทพยดาทั้งหลายประโคม...
...ทิพยดุริยางค์...ทั้งเทพยดาและมนุษย์ต่างประโคมดุริยางค์ขึ้นพร้อมกัน...
...ท้าวสุทธาวาสมหาพรหมจับพระเต้าแก้วอันเต็มด้วยน้ำอันประเสริฐ...
...กล่าวถ้อยคำอันเป็นมงคล รดน้ำวิวาหมงคลที่พระเศียรของกษัตริย์ 2 พระองค์...
:b48:
...ขณะนั้นมหาปฐพีก็คำรามหวั่นไหว ภูเขาสิเนรุก็น้อมยอดลง มหาสมุทรก็กระเพื่อม...
...สายฟ้านอกฤดูกาลก็แลบแปลบปลาบ ฟ้าคะนองฝนตกชั่วขณะ...
...รัตนะ 7 ประการก็ตกในที่ประมาณ 1 โยชน์โดยรอบมณฑป...(ยาว 16 กม.)
...เทพยดาทั่วทั้งจักรวาลก็โปรยปรายรัตนะนานาประการ มีแก้วมณีสีเขียวเป็นต้น...
...ให้สาธุการประกาศกึกก้องเป็นเสียงเดียวกัน เบื้องล่างตั้งแต่ปฐพีจนถึงภควัคคพรหม...
...แลกษัตริย์ทั้งหลาย อาทิ พระเจ้าสีหหนุ และหมู่มหาชนเห็นมหัศจรรย์ดังนั้น...
...ก็เกิดอัศจรรย์มีโลมชาติชูชัน แซ่ซร้องสรรเสริญพระกฤษฎาภินิหารแห่งกษัริย์ทั้งสองพระองค์นั้น...

:b17:
:b44: :b44:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 15 มิ.ย. 2010, 16:37, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2010, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b20:
พระนางมหามายาทรงพระครรภ์ (ย่อ)
...ครั้นอภิเษกสมรสกันแล้ว จนล่วงเลยมานานมาก พระนางมหามายาจึงทรงพระครรภ์…
...และเรื่องราวการทรงพระครรภ์ของพระนางมีรายละเอียดให้ศึกษาได้ดังต่อไปนี้...
...พระโพธิสัตว์เวสสันดร...ครั้นสวรรคตจากแคว้นสีพีก็ไปถือปฏิสนธิ(เกิด)เป็นเทพบุตรสันดุสิต...
...ครองความเป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดุสิต และทำหน้าที่สอนธรรมเหมือนพระโพธิสัตว์องค์ก่อนๆ...
...พร้อมกับรอวันจุติลงมาถือปฏิสนธิเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ต่อไป...
:b48:
...ลลิตวิสตระและปฐมสมโพธิกถา กล่าวไว้ตรงกันว่า ข่าวคราวที่เทพบุตรสันดุสิตจะจุตินั้น...
...เทวดาต่างรู้ล่วงหน้ากันมาเป็นเวลา 100,000 ปีแล้ว ช่วงเวลานั้นโลกว่างจากพระพุทธเจ้า...
...และยังกล่าวต่อไปอีกว่า ได้มีการป่าวประกาศไปทั่วหมื่นจักรวาล โดยเหล่าพรหมชั้นสุทธาวาส...
...เป็นผู้จาริกไปประกาศให้ทราบว่าอีก 100,000 ปีจักมีพระสัพพัญญูพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก...
...หากผู้ใดประสงค์จะพบพระองค์ ขอผู้นั้นจงเว้นจากเวร5 ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดในกาม...
...ไม่พูดเท็จ ไม่เสพของมึนเมาคือสุราและเมรัย...จงบำเพ็ญกิริยาวัตถุ คือ ทาน ศีล เจริญภาวนา...
:b48:
...เทวดาในหมื่นจักรวาลฟังการป่าวประกาศนั้นแล้ว ต่างมาประชุมพร้อมกันและค้นหาดู...
...ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ขณะที่ค้นหาดูนั้น เวลาล่วงไปนานแสนนาน จนกระทั่งวันหนึ่ง...
...หมู่เทวดาก็เห็นเทพบุตรสันดุสิตเกิดมีบุพนิมิตร(สิ่งบอกเหตุล่วงหน้าว่าจะจุติ) 5 ประการปรากฏคือ...
...1)ดอกไม้ทิพย์ที่ประดับกายเหี่ยวแห้ง 2)ผ้าทิพย์สำหรับทรงเศร้าหมอง(รัศมีไม่ผ่องใส)...
...3)มีเหงื่อไหลออกจากรักแร้ 4)มีความแก่ปรากฏทางร่างกาย 5)ไม่ยินดี(จะอยู่)ในวิมาน...
:b48:
...ครั้นเห็นเทพบุตรสันดุสิตเกิดมีบุพนิมิตร 5 ประการปรากฏแล้ว หมู่เทวดาก็รู้ได้ทันทีว่า...
...เทพบุตรองค์นี้แหละ คือ ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จากนั้นข่าวเรื่องเทพบุตรสันดุสิต...
...จะจุติมาถือปฏิสนธิเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็แพร่สะพัดไปทั่วหมื่นจักรวาล...
...ยังผลให้หมู่เทวดาทั่วหมื่นจักรวาลตั้งแต่มหาพรหมลงมาจนถึงเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา...
...ต่างมาประชุมพร้อมกันแล้วไปยังสวรรค์ชั้นดุสิต เพื่ออัญเชิญเทพบุตรสันดุสิตให้จุติ...
:b48:
...ด้วยการกล่าววิงวอนว่า...ข้าแต่พระผู้ยอดกล้า เวลานี้เป็นเวลาของพระองค์แล้ว...
...ขอได้โปรด(จุติ)ไปเกิดในครรภ์พระมารดา(ในโลกมนุษย์)เถิด...
...ขอได้โปรดตรัสรู้บท (ธรรม) อมตะ (ทางไม่ตาย) พร้อมทั้งช่วยขนสัตว์โลก...
...และเทวโลกให้ข้ามพ้น (ห้วงทะเล คือ ชาติ ชรา มรณะ) ด้วยเถิด…
:b48:
...ฝ่ายเทพบุตรสันดุสิต ครั้นได้ฟังทวยเทพทั้งหมื่นจักรวาลกล่าวอัญเชิญให้จุติเช่นนั้น...
...ก็หารับทันทีไม่...แต่ได้ทำมหาวิโลกนะ คือ การตรวจดูอย่างละเอียด…
...ในเรื่องสำคัญ 5 เรื่องด้วยกันคือ...
:b48:
...1) กาละ – ตรวจดูฤดูกาล โดยตรวจดูอย่างละเอียดว่า ถึงเวลาที่จะจุติไปเกิดเป็นมนุษย์...
...เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้หรือยัง...เงื่อนไขสำคัญคือ อายุของผู้คน กาลอันเหมาะสมก็คือ...
...ช่วงระยะเวลาที่คนมีอายุ 100 ปีโดยประมาณ จะเกินหรือจะสั้นกว่าก็เพียงเล็กน้อย...
:b48:
...2) ทีปะ – ตรวจดูทวีป โดยตรวจดูอย่างละเอียดว่า บรรดาทวีปทั้ง 4 คือ อุตตรกุรุทวีป...
...อปรโคยานทวีป ปุพพวิเทหทวีป และชมพูทวีป ทวีปไหนที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ...
...ก็พบว่า พระพุทธเจ้าจะเสด็จอุบัติเฉพาะในชมพูทวีปเท่านั้น ไม่เสด็จอุบัติในทวีปอื่น...
:b48:
...3) เทสะ – ตรวจดูประเทศ โดยตรวจดูอย่างละเอียดว่า ประเทสหรือดินแดนส่วนใด...
...ของชมพูทวีปสมควรจะเป็นถิ่นเกิดของพระพุทธเจ้า ก็พบว่าดินแดนชมพูทวีปแบ่งออกเป็น...
...ส่วนใหญ่ๆได้ 2 ส่วน คือ ปัจจันตคามประเทศ ได้แก่ ดินแดนส่วนที่เป็นรอบนอกหรือชายแดน...
...และมัชฌิมประเทศ ได้แก่ ดินแดนส่วนที่เป็นรอบในประกอบด้วยมหาชนบทหรือรัฐใหญ่ 16 รัฐ...
...ดินแดนทั้ง 2 ส่วนนี้ ส่วนที่เป็นมัชฌิมประเทศ หรือ มัชฌิมชนบท มีความเจริญทั้งทางด้านสังคม...
...การเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จึงมีความเหมาะสมที่จะเป็นถิ่นเกิดของพระพุทธเจ้า...
:b48:
...4) กุละ – ตรวจดูตระกูล โดยตรวจดูอย่างละเอียดว่า ในชมพูทวีปมีตระกูลหรือกลุ่มคนต่างๆกัน...
...ซึ่งเมื่อแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่แล้วก็จะได้ 4 กลุ่ม ที่เรียกกันว่า วรรณะ4 คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ และศูทร...
...วรรณะกษัตริย์ วรรณะพราหมณ์ วรรณะแพศย์ เป็นวรรณะชั้นสูง... ส่วนวรรณะศูทรเป็นวรรณะชั้นต่ำ...
...บางคราวชาวชมพูทวีปก็ยกย่องวรรณะพราหมณ์เหนือกว่าวรรณะกษัตริย์...
...แต่บางคราวก็ยกย่องวรรณะกษัตริย์เหนือกว่าวรรณะพราหมณ์...ครั้นแล้วก็พบว่า...
...ในยุคนี้กษัตริย์ได้รับการยกย่องเหนือกว่าวรรณะพราหมณ์...จึงตรวจดูตระกูล ก็พบว่า...
...ตระกูลศากยะมีความเหมาะสมที่จะไปถือปฏิสนธิเพราะมีชาติกำเนิดบริสุทธิ์...
...(ทั้งพระชนกและพระชนนีต่างเป็นคนวรรณะกษัตริย์) และมีความเชื่อเรื่องกรรม...
:b48:
...5) มาตาปิตุ – ตรวจดูพระบิดาและพระมารดา โดยตรวจดูถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็น...
...พระพุทธบิดาพระพุทธมารดาอย่างละเอียด พบว่า...
...พระเจ้าสุทโธทนะและพระนางมหามายาแห่งตระกูลศากยะ...
...ทรงมีคุณสมบัติครบถ้วน...

:b12:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2011, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
คุณสมบัติของหญิงผู้จะเป็นพุทธมารดา
...เป็นหญิงมีชื่อเสียง มีลักษณะดี มีชาติ มีตระกูล สมบูรณ์ด้วยรูปและนาม มีตะโพกผึ่งผาย...
...ยังไม่มีบุตร มีศีลสมบูรณ์ พร้อมบริจาค มีหน้ายิ้มแย้ม รับฟัง(โอวาท)ด้วยความเคารพ...
...มีใจกว้างขวางไม่คับแคบ เป็นพหูสูต เป็นบัณฑิต ไม่จองหอง ไม่มีมารยา ไม่โกรธ ไม่ริษยา...
...ไม่ตระหนี่...หนักแน่น ไม่เหลาะแหละ เหลวไหล ไม่ปากร้าย มีขันติ(ความอดทน)...
...มีโสรัจจะ(ความกล้าหาญ)...มีหิริ(ความละอายบาป) และโอตตัปปะ(ความกลัวต่อผลของบาป)...
...มีความรักความเกลียดชังและความหลงน้อย ปราศจากโทษแห่งสตรี อุทิศตนให้แก่สามี...

:b20:
คุณสมบัติของชายผูจะเป็นพุทธบิดา
...รุ่งเรืองด้วยเดชคือบุญ มีตระกูลสืบเนื่องมาจากตระกูลพระเจ้าจักรพรรดิหลายตระกูล...ที่สืบสายมาจาก...
...พระเจ้ามหาสมมต มีขุมทรัพย์และรัตนะ(สิ่งมีค่ามาก)หาประมาณมิได้ เชื่อกรรม ปราศจากความเห็นอันต่ำช้า...
...เป็นเอกราชา(พระราชาผู้เป็นเอกเหนือพระราชาทั้งหลาย)...ในประเทศของเจ้าศากยะทั้งสิ้น...
...เป็นผู้ที่หมู่คนทั้งหลายคือ เศรษฐี คหบดี และมหาอำมาตย์ทั้งหลายบูชา นับถือ เลื่อมใส น่าเลื่อมใส...
...น่าดู ไม่แก่เกินไป ไม่หนุ่มเกินไป มีรูปร่างงาม ประกอบด้วยคุณ(ความดี)ทั้งปวงคือ รู้ศิลปะ...
...รู้จักตน รู้ธรรม รู้ความจริงอันถ่องแท้ เป็นพระราชาผู้ตั้งอยู่ในธรรม...

:b20:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2011, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
...พระโพธิสัตว์เทพบุตรสันดุสิตพิจารณาหาวิธีจุติ...ในที่สุดตัดสินใจลงมาเกิดในรูปช้างฉัททันต์...
...เพราะช้างเป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่และฉลาด เมื่อตัดสินใจได้แล้วพิจารณาดูสถานที่...
...ที่จะมาเกิดอีกครั้งหนึ่ง ก็เห็นบุพนิมิต 8 ประการเกิดขึ้นในพระราชวังของพระเจ้าสุทโธทนะคือ...
:b1:
...1)เห็นสถานที่ตั้งพระราชวังปราศจากหญ้า ตอ หนาม กรวด โคลน เป็นสถานที่สะอาดราดรดน้ำไว้ดี ไม่มีผง ไม่มีฝุ่น ไม่สกปรก เพราะแผ้วกวาดแล้วเป็นอย่างดี ปราศจากเหลือบยุง แมลงวัน บุ้ง งู มีพื้นราบเรีบบเหมือนฝ่ามือ และโรยด้วยดอกไม้...
:b16:
...2)เห็นฝูงนกที่อยู่บริเวณป่าหิมพานต์ อาทิ นกพิราบ นกแขกเต้า นกขุนทอง นกดุเหว่า หงส์ นกกระเรียน นกยูง นกจากพราก นกกุณาละ(นกดุเหว่าลาย) นกการะเวก นกชีวันชีวกะ(นกกระทาแดง) ซึ่งมีปีกลายสวยงามมาส่งเสียงร้องไพเราะจับใจตามชนิดพันธุ์ จับอยู่ที่ตำหนักเรือนยอดและปราสาทอันมีบัลลังก์ ซุ้มประตู หน้าต่าง ในพระราชวังของพระเจ้าสุทโธทนะ นกเหล่านั้นต่างมีความร่าเริงเกิดปีติโสมนัส...
:b27:
...3)เห็นไม้ดอก ไม้ผล นานาชนิด ที่ผลิดอกออกผลในฤดูต่างๆอยู่ตามาสวนสำราญอันน่ารื่นรมย์ ตามป่าอันน่ารื่นรมย์ ตามอุทยานอันน่ารื่นรมย์(ในบริเวณเขตเมือง กบิลพัสดุ์)...
...4)เห็นสระน้ำใหญ่ของพระเจ้าสุทโธทนะ มีน้ำไว้บริโภค สระทั้งหมดนั้นดารดาษไปด้วยบัวหลวง มีใบตั้งหมื่นแสนโกฏิ แต่ละใบโตเท่าล้อเกวียน...
...5)เห็นน้ำมันเนย น้ำมันงา น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำตาลกรวด ที่อยู่ในภาชนะในพระราชวังของพระเจ้าสุทโธทนะ บริโภคเท่าไรก็ไม่หมด ปรากฎมีเต็มอยู่ตามเดิม...
...6)เห็นเครื่องดนตรีอาทิ กลองใหญ่ กลองเล็ก บันเฑาะว์ ขลุ่ย พิณ ใหญ่ ปี่ พิณเล็ก ที่อยู่ในพระราชวังองค์ใหญ่ ที่เป็นประธานของพระตำหนักทั้งหลายของพระเจ้าสุทโธทนะ บรรเลงเองโดยไม่มีใครมาแตะต้อง มีเสียงไพเราะจับใจ...
...7)เห็นภาชนะบรรจุรัตนะต่างๆ อาทิ ทองคำ เงิน แก้วมณี แก้วมุกดา ไพฑูรย์ สังขศิลา(หินขาว) และแก้วประพาฬ (ในพระราชวังของพระเจ้าสุทโธทนะ) เปิดออกเต็มที่ แจ่มใส บริสุทธิ์ บริบูรณ์ สุกปลั่ง...
...8)เห็นพระราชวังสว่างไสวรอบด้าน ด้วยแสงสว่างอันสดใส จนทำให้แสงของดวงจันทร์ดวงอาทิตย์อับแสงลง(และทำให้ผู้พบเห็น)สะท้านทั้งกายและใจ...
...บุพนิมิตทั้ง8ประการนี้ หากกล่าวตามหลักอภิธรรมก็ได้แก่ คตินิมิต คือสิ่งบอกเหตุให้รู้ล่วงหน้าว่า สถานที่ที่จะมาเกิดเป็นสถานที่ที่ดี
:b20:
:b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2011, 17:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
...โลกมนุษย์ในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ(ไทย:ขึ้น15ค่ำเดือน8)ท้องฟ้าสว่างไสวไร้เมฆหมอกที่เมืองกบิลพัสดุ์...
...ชาวเมืองต่างร่าเริงสนุกสนานกันทั่วหน้า เพราะถึงฤดูกาลนักขัตฤกษ์อันเป็นเทศกาลประจำปีที่ได้หยุดงาน...
...ก่อนวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ7วัน มารดาพระโพธิสัตว์จะเล่นนักขัตฤกษ์แบบไม่มีสุรา(ไม่ดื่มสุรา)...
...ร่วมกับคนทั้งหลาย โดยประดับกายด้วยเครื่องประดับต่างๆ อาทิ พวงดอกไม้ และไล้ทาด้วยของหอม...
:b48:
...ในเวลาเดียวกัน ที่สวนนันทวันแห่งสวรรค์ชั้นดุสิต เทวดา บริวารกำลังเตือนเทพบุตรสันดุสิต...
...ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ให้จุติ ขณะนั้นพระโพธิสัตว์ได้แสดงธรรมแก่หมู่เทวดา โดยขอให้ละความประมาท...
...ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ให้หมั่นพิจารณาถึงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา...
...เพราะกามทั้งหลายล้วนไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน และเป็นภาพลวงตาเหมือนพะยัพแดด(มีอยู่ชั่วครู่)...
...เหมือนสายฟ้าแลบและต่อมน้ำ ไม่มีมิตรสหายหรือญาติพี่น้องจะตามไปด้วยได้ นอกจากกรรม...
...ให้อยู่ร่วมกันอย่างมีมิตรไมตรีจิต ขอให้ละความถือตัว ความกระด้าง ความมัวเมา จงเป็นคนดี...
...ซื่อตรง อ่อนโยน ไม่จองหอง มุ่งหน้าต่อพระนิพพานเถิด ครั้นได้ฟังเทพบุตรสันดุสิตกล่าวสอนเช่นนี้แล้ว...
...เทพบริวารทั้งหลายต่างร่ำไห้ด้วยความอาลัยรัก โผเข้ากอดพระบาทของเทพบุตรสันดุสิต...
...พลางกล่าวคร่ำครวญเป็นเสียงเดียวกันว่า ข้าแต่ท่านผู้เป็นสัตบุรุษ ภพดุสิตนี้ ขาดท่านแล้ว...
...จะไม่รุ่งเรืองสง่างาม เทพบุตรสันดุสิตเห็นเป็นโอกาส จึงกล่าวยกพระโพธิสัตว์เมตเตยยะขึ้นเป็นใหญ่...
...ให้ทำหน้าที่สอนธรรมแทน และพยากรณ์ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป...

:b20:
...พอถึงวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ มารดาพระโพธิสัตว์จะตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ ทรงสนานพระวรกายด้วยน้ำหอม และประดับพระวรกายด้วยเครื่องประดับพร้อมสรรพ เสวยพระกระยาหารชนิดดี ตั้งพระหทัยอธิษฐานศีลอุโบสถ(ครั้นถึงเวลาบรรทมตอนกลางคืน) ก็เสด็จเข้าห้องบรรทม...
:b48:
(ลลิตวิสตระกล่าวขยายความว่า...พระนางมายา ทรงสนานพระวรกายและทาแป้งหมดจดแล้ว พระพาหาตกแต่งงามด้วยเครื่องประดับต่างๆ ทรงพระภูษาเนื้อนิ่มงาม มีพระหทัยแช่มชื่น เบิกบาน แวดล้อมด้วยสตรีประมาณ 10000 นาง เสด็จไปยังพระตำหนักพระเจ้าสุทโธทนะ แล้วทูลขอพระอนุญาตรักษาอุโบสถศีลมีองค์8 ขออยู่อย่างมีพระหทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตา เว้นการเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย เว้นจากการเป็นโจร เว้นจากความเมาและความโลภ(อันเป็นเหตุให้)ประพฤติผิดในกาม ขอตั้งอยู่ในความสัตย์ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ และทรงขอให้พระเจ้าสุทโธทนะอย่าได้มีความปรารถนาเกี่ยวกับกามในตัวพระนาง เพื่อเปิดโอกาสให้พระนางรักษาศีล บำเพ็ญพรต รักษาอุโบสถ แล้วพระราชทานเงินทอง ข้าวน้ำ รถใช้สอย ม้า และยวดยาน ตลอดทอดพระเนตรดูชาวเมืองเหมือนพระโอรส ครั้นได้ฟังพระนางมหามายากราบทูลอย่างนี้แล้ว พระเจ้าสุทโธทนะก็ทรงเห็นชอบ และทรงรับสั่งให้นักรบประมาณ 20000 คน จัดการอารักขาถวายพระนางพร้อมสรรพ เพื่อให้พระนางอบอุ่นพระหทัยไม่เกิดความตกใจกลัว...)
:b48:
...ขณะบรรทมหลับอยู่นั้น มารดาพระโพธิสัตว์ทรงพระสุบินเห็นว่ามีท้าวเทวราชทั้ง4คือ ท้าววิรุปักข์ ท้าววิรูฬหก ท้าวเวสสุวรรณ และท้าวธตรฐ มายกพระนางพร้อมทั้งพระแท่นบรรทมนำไปยังสระอโนดาต ให้ทรงสนานพระวรกาย ให้นุ่งห่มผ้าทิพย์แล้วให้เอาของทิพย์ลูบไล้พระวรกายและประดับดอกไม้ทิพย์ จากนั้นทรงทูลเชิญให้บรรทม หันพระเศียรไปทางทิศตะวันออกในวิมาณทองที่อยู่ภายในภูเขาเงิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสระอโนดาต ทรงสุบินต่อว่าเห็นช้างเผือกเชือกหนึ่ง เดินเที่ยวบนภูเขาทองลงจากภูเขาทองแล้วขึ้นมาบนภูเขาเงินเดินไปวิมาณทอง เดินเวียนขวารอบพระนาง(ซึ่งกำลังบรรทมหลับอยู่บนพระแท่น) จากนั้นก็เอางาแทงแหวะพระปรัศว์(สีข้าง,ชายโครง)ด้านขวาแล้วเข้าไปในพระครรภ์ ยามที่พระโพธิสัตว์จุติ ก็มีแสงสว่างเปล่งออกจากพระวรกาย ทำให้โลกธาตุอันกว้างใหญ่ไพศาล คือมนุษยโลกและเทวโลกสว่างเจิดจ้าด้วยแสงสว่างเกินกว่าแสงสว่างทิพย์ และยังทำให้โลกันตริกนรกที่แม้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์สาดส่องไปไม่ถึงสว่างไสวไปด้วย ขณะทีทรงสุบินเป็นเวลาใกล้รุ่งพอดี พระมหาสัตว์(พระโพธิสัตว์ เทพบุตรสันดุสิต) เสด็จลงสู่พระครรภ์ในขณะนั้นเองหมื่นโลกธาตุก็บังเกิดบุพนิมิตร 32 ประการ...
:b20:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2011, 03:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 09:11
โพสต์: 597


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุๆค่ะ ขอบพระคุณท่านRosarin :b8: :b8: :b8:
รออ่านอยู่ค่ะ
Kiss

มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฎฐา มโนมยา
ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จด้วยใจ

ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง
:b41: :b41: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2012, 18:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
...หายไปนาน...กลับมาแล้วค่ะ...โปรดอย่าลืมติดตามต่อ ๆ ไปนะคะ...
:b1:
การจุติของพระโพธิสัตว์เทพบุตรสันดุสิตในรูปช้างเผือก(เป็นสัญลักษณ์ของปัญญาคุณ)
แล้วเข้าถือปฏิสนธิในพระครรภ์พระมารดา ขณะจุติปฏิสนธิก็เกิดเหตุอัศจรรย์ต่าง ๆ ขึ้นในโลก
ซึ่ง วิสุทธชนวิลาสินี และ ปฐมสมโพธิกถา ประมวลกล่าวไว้ได้ 32 ประการ คือ

1) มีแสงสว่างเจิดจ้าแผ่ไปทั่วหมื่นจักรวาล
2) โลกันตริกนรกเล่าก็สว่างไสว
3) คนตาบอดมาแต่กำเนิดก็เห็นรูปได้ คนหูหนวกมาแต่กำเนิดก็ได้ยินเสียงได้
คนใบ้ก็พูดได้ คนหลังค่อมก็กลับมีตัวตรง
4) คนง่อยเลี้ยก็กลับเดินได้
5) สัตว์ทั้งหลายที่ถูกจองจำก็พ้นจากเครื่องจองจำ
6) เปลวไฟในนรกต่าง ๆ มีอเวจีนรกเป็นต้นก็ดับ
7) ความหิวกระหายในเปรตวิสัย (ภพของเปรต) ก็ระงับ
8) บานประตูก็เปิดได้เอง
9) เรือที่แล่นไปผิดทิศก็วิ่งเข้าท่าเรือได้ถูก
10) สัตว์ดิรัจฉานไม่มีความกลัว
11) ไฟ คือ กิเลสมีราคะเป็นต้น และโรคทุกชนิดของสรรพสัตว์ก็ระงับลง
12) สัตว์ที่มีเวรต่อกันต่างได้เมตตาจิต
13) สรรพสัตว์ต่างเจรจาไพเราะต่อกัน
14) ม้าส่งเสียงร้องไพเราะ
15) ช้างก็ส่งเสียงร้องไพเราะ
16) ดนตรีทุกชนิดเปล่งเสียงได้เอง
17) เครื่องประดับต่าง ๆ อาทิเครื่องประดับมือของมนุษย์
แม้ไม่มีอะไรมากระทบก็ดังและเปล่งแสงสว่างไสวได้เองทั่วทุกทิศ
18) ทั่วทุกทิศสว่างไสว
19) ไม่มีลมพายุ
20) มีแต่ลมพัดอ่อน ๆ ทำให้สัตว์ทั้งหลายเป็นสุข
21) เกิดเมฆฝนตกนอกฤดูกาล
22) น้ำใต้แผ่นดินก็พวยพุ่งขึ้นมา
23) ฝูงนกที่บินอยู่ก็ลงมาจับอยู่บนพื้นดิน
24) แม่น้ำทั้งหลายหยุดไหล
25) น้ำในมหาสมุทร มีรสหวาน
26) ปรากฎมีดอกบัวก้าน (ปทุม) 5 สี ในทะเล แม่น้ำ และบนพื้นดิน
27) ดอกไม้ทุกชนิด อาทิ ดอกไม้น้ำก็เบ่งบาน
28) ปรากฎมีดอกบัวก้านขึ้นที่ลำต้น และกิ่งของต้นไม้ และยังมีดอกบัวก้านปรากฎในหมู่ไม้เถา
บนพื้นศิลาเล่าก็มีดอกบัวก้านชำแรกออกมาเบื้องบนก้านละ 7 ดอก และยังมีดอกบัวห้อยย้อยอยู่ในอากาศ
29) ไม้ดอกไม้ผลก็ออกดอกออกผล
30) ดอกไม้ทิพย์ อาทิ ดอกมนทารพก็โปรยปรายเป็นสายฝนลงมาโดยรอบ
31) มีดนตรีทิพย์บรรเลงอยู่ในอากาศ
32) ทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุก็มีธงทิวเป็นอันเดียวกันงดงามยิ่งนัก

:b8:
และใน ลลิตวิสตระ มีกล่าวถึงว่า (ในขณะนั้น) โลกธาตุ คือ มนุษยโลก และ เทวโลกก็ได้เกิดมีมหานิมิต 18 ประการ คือ
1) สั่น
2) สั่นทั่วถึง
3) สั่นทั่วถึงอย่างต่อเนื่อง
4) ไหว
5) ไหวทั่วถึง
6) ไหวทั่วถึงอย่างต่อเนื่อง
7) กระเทือน
8) กระเทือนทั่วถึง
9) กระเทือนทั่วถึงอย่างต่อเนื่อง
10) ปั่นป่วน
11) ปั่นป่วนทั่วถึง
12) ปั่นป่วนทั่วถึงอย่างต่อเนื่อง
13) ดัง
14) ดังทั่วถึง
15) ดังทั่วถึงอย่างต่อเนื่อง
16) คำรณ
17) คำรณทั่วถึง
18) คำรณทั่วถึงอย่างต่อเนื่อง
แล้วจากนั้นก็แสดงอาการยุบพองตามมา คือ ยุบตอนสุด พองตอนกลาง ยุบตอนกลาง พองตอนสุด
ยุบทางทิศตะวันออก พองทางทิศตะวันตก ยุบทางทิศตะวันตก พองทางทิศตะวันออก ยุบทางทิศใต้ พองทางทิศเหนือ
ยุบทางทิศเหนือ พองทางทิศใต้ ในเวลานั้น (โลกทั้งโลก) ได้ยินแต่เสียงหัวเราะ เสียงแสดงความยินดี เสียงแสดงความรัก
เสียงแสดงความเลื่อมใส เสียงแสดงความเอาใจใส่ เสียงแสดงความสุข เสียงแสดงความตื่นเต้น เสียงไม่สาดเสียเทเสีย
เสียงไม่ระคายหู เสียงไม่ทำให้สะดุ้งกลัว ไม่มีสัตว์ผู้ใดเลยเกิดความสะดุ้งตกใจกลัวและครั่นคร้าม
รัศมีทั้งของดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ และรัศมีทั้งของพรหมอินทร์และท้าวโลกบาลทั้งหลายก็ไม่ปรากฎ
สัตว์นรก สัตว์ดิรัจฉาน และสัตว์ในยมโลก ต่างไร้ทุกข์และมีความสุขกันทั่วหน้า
ไม่มีสัตว์ผู้ใดเกิดความกำหนัด ความเกลียด ความหลง ความริษยา ความตระหนี่
ความถือตัว ความดูหมิ่น ความเมา ความโกรธ ความพยาบาท ความเดือดเนื้อร้อนใจเลย
ตรงกันข้ามสัตว์ทั้งปวงต่างมีจิตเมตตาหวังประโยชน์ต่อกัน เกิดความรู้สึกแต่ว่าเป็นบิดามารดาของกันและกัน
ดนตรีทั้งหลายตั้งหมื่นแสนโกฏิชิ้นทั้งของเทวดาและมนุษย์ ไม่มีใครแตะต้องเลยก็ดังขึ้นเองไพเราะจับใจ

:b8:
กล่าวถึงพระนางมหามายา
หลังจากที่พระโพธิสัตว์เทพบุตรสันดุสิตถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางแล้ว
พระนางก็เสด็จไปประทับอยู่ในสวนอโศก ลลิตวิสตระ กล่าวว่า
พระนางทรงมีพระประสงค์จะได้เฝ้าพระเจ้าสุทโธทนะ จึงส่งพนักงานไปกราบทูลให้ทรงทราบ
พระเจ้าสุทโธทนะพอทรงได้ทราบความนั้นก็ดีพระทัย
รีบเสด็จมายังสวนอโศกทันที แต่ครั้นเสด็จถึงหน้าประตูสวน
ก็ไม่อาจเสด็จเข้าไปได้ เนื่องจากทรงรู้สึกหนักพระวรกาย
จึงหยุดประทับยืนอยู่ที่หน้าประตูสวนนั้นเอง

:b48:
พรหมชั้นสุทธาวาส (ซึ่งมาถวายอารักขาพระโพธิสัตว์) ทราบความรู้สึกของพระองค์
จึงเนรมิตกายให้เล็กลงมาเฝ้าแล้วกราบทูลให้ทรงทราบทำนองว่า ที่ทรงรู้สึกหนักพระวรกายนั้น
เป็นเพราะบัดนี้พระโพธิสัตว์ผู้มีพระหทัยสูงส่งได้จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตมาถือปฏิสนธิในพระครรภ์
ของพระนางมหามายาองค์อัครมเหษีแล้ว พระเจ้าสุทโธทนะทรงได้ฟังคำกราบทูลนั้นแล้ว
ก็ทรงมีพระหทัยปีติโสมนัสเป็นกำลัง ประคองอัญชลีก้มพระเศียรเสด็จเข้าไปหาพระมเหษี
แสดงท่าทีพร้อมเชื่อฟังและรับใช้ จากนั้น พระนางมหามายาก็ทรงเล่าถึงพระสุบินนิมิตรที่เห็นช้าง
เข้ามาอาศัยอยู่ในพระครรภ์ถวายให้ทรงทราบ พระเจ้าสุทโธทนะ จึงทรงรับสั่งให้พราหมณ์
ทำนายพระสุบินและทรงได้รับคำทำนายว่า พระนางจะได้พระโอรสมีพระลักษณะดี
มีตระกูลสูง เป็นราชตระกูล (หากครองฆราวาส) จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ผู้มีพระหทัยสูงส่ง
(ต่อจากนั้น) พระโอรสจะสละบ้านเมืองออกบรรพชาสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าช่วยเหลือโลก

:b43:
ครั้นทรงได้สดับคำทำนายของพราหมณาจารย์ทั้งหลายแล้ว
พระเจ้าสุทโธทนะก็ยิ่งเกิดปิติโสมนัสพระหทัย พระราชทานเลี้ยงแก่พราหมณาจารย์เหล่านั้น
และทรงรับสั่งให้เจ้าพนักงานแจกจ่ายอาหารเครื่องนุ่งห่มและสิ่งของเครื่องใช้อื่น ๆ
แก่ผู้คนที่ต้องการ เพื่อเป็นการบูชาพระโอรสผู้เป็นพระโพธิสัตว์

:b43:
อนึ่ง ในวันที่เทพบุตรสันดุสิตถือปฏิสนธิในพระครรภ์พระนางมหามายานั้น ก็มีเทพบุตรเทพธิดาที่เคยสร้างบารมีร่วมกัน
มาจุติและถือปฏิสนธิในครรภ์ของหญิงอื่น ๆ ในเมืองกบิลพัสดุ์ตามพระโพธิสัตว์ด้วย ที่สามารถระบุชื่อได้ในเวลาต่อมาก็คือ
พระนางพิมพา พระอานนท์ นายฉันนะ และพระกาฬุทายี ซึ่งบุคคลทั้งหมดนี้ประสูติและเกิดในวันเดียวกันกับพระโพธิสัตว์
ในขณะที่พระโพธิสัตว์อยู่ในพระครรภ์พระมารดานั้นก็มีเหตุอัศจรรย์ต่าง ๆ เกิดขึ้น ดังบันทึกไว้ใน พระไตรปิฎก ว่า
1) เทพบุตรทั้ง 4 องค์ เข้าไปถวายอารักขาทั้ง 4 ทิศ ด้วยจุดมุ่งหมายจะไม่ให้มนุษย์หรืออมนุษย์เบียดเบียนพระโพธิสัตว์หรือพระมารดาของพระโพธิสัตว์
2) พระมารดาของพระโพธิสัตว์ย่อมเป็นผู้มีศีลขึ้นมาเองโดยปกติ
คือ เว้นจาก ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท และการดื่มสุราและเมรัย
3) พระมารดาของพระโพธิสัตว์ ไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องกามคุณในบุรุษ
(ไม่มีความต้องการทางเพศ)
และบุรุษคนใดจะล่วงเกินทางเพศก็ไม่ได้ แม้แต่จะคิดก็ไม่มี
4) พระมารดาของพระโพธิสัตว์เอิบอิ่มพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ 5
5) พระมารดาของพระโพธิสัตว์ไม่มีความเจ็บป่วยใด ๆ มีความสุข ไม่อ่อนเพลีย
6) พระมารดาของพระโพธิสัตว์ย่อมแลเห็นพระโพธิสัตว์
ผู้อยู่ในพระครรภ์พระมารดามีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ (ตา หู จมูก เป็นต้น) ไม่บกพร่อง
7) หญิงอื่น ๆ อุ้มครรภ์ไว้ 9 เดือนบ้าง 10 เดือนบ้าง จึงคลอด ส่วนพระมารดาของพระโพธิสัตว์
ไม่เป็นเช่นนั้น ย่อมอุ้มพระครรภ์ไว้ 10 เดือนเต็มทีเดียวจึงประสูติ

:b27:
...วันนี้พอแค่นี้ก่อน...วันหลังจะมาโพสต์ใหม่ค่ะ...
:b44: :b44:
:b55:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร