วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 13:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2009, 23:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า เ ป็ น เ อ ก ลั ก ษ ณ์
และ ม ร ด ก ข อ ง สั ง ค ม ไ ท ย


• พระพุทธศาสนาในฐานะเป็นเอกลักษณ์ของชาติ

การที่พระพุทธศาสนาอยู่กับคนไทยมาช้านาน
จึงก่อให้เกิดการซึมซาบเอาหลักปฏิบัติของพระพุทธศาสนา
ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตก่อให้เกิดความเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย
ที่ไม่เหมือนกับชาติอื่นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เด่นได้แก่

๑. รักความเป็นอิสระ

ชาวไทยเป็นชาติที่รักความเป็นอิสรเสรี
ไม่ยอมและทนไม่ได้ที่จะอยู่ใต้อำนาจบังคับของใคร

ความเป็นชาติและเป็นชนที่รักอิสระ เสรีภาพของคนไทยนี้
ปรากฏให้เป็นในคำที่เรียกชื่อประเทศว่า “สยาม” หรือไทย
ซึ่งหมายถึง “ความเป็นอิสรเสรี”
พระพุทธศาสนานั้นเรียกได้ว่าเป็นศาสนาแห่งอิสรภาพ

จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาเรียกว่า “วิมุตติ”
แปลว่า ความหลุดพ้นความปลอดพ้นจากสิ่งผูกมัด
บีบคั้น ครอบงำ จำกัด ขัดข้อง
ไม่ต้องขึ้นต่ออะไรๆ หรือใครๆ
ได้แก่ ความเป็นอิสระนั่นเอง


การประพฤติปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนานั้น
เป็นการดำเนินในแนวทางของความเป็นอิสระ
และเพื่อความเป็นอิสระทุกขั้นตอน

ดังจะเห็นได้ว่าศรัทธาจะต้องมีปัญญาควบคุม
และจะต้องนำไปสู่ปัญญา เพราะปัญญาทำให้พึ่งตนเองได้
เป็นอิสระความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยผู้รักความเป็นอิสรเสรี
กับพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาแห่งอิสรเสรีภาพนั้น
จะเป็นไปในลักษณะที่ว่า คนไทยนับถือพระพุทธศาสนา

พระพุทธศาสนาจึงทำให้คนไทยเป็นผู้รักความเป็นอิสระเสรี
เป็นภาวะที่สอดคล้องกัน
และเป็นเครื่องสนับสนุนให้คนไทย
มีลักษณะนิสัยดำรงรักษาคุณลักษณะนั้น
ใช้ได้อย่างหนักแน่นชัดเจนตลอดมา


๒. ความมีน้ำใจไมตรี

ความมีน้ำใจเป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของคนไทย
เป็นไมตรีจิตอย่างสากล
คือแสดงออกแก่คนทั่วไปเสมอเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน
ไม่แบ่งชาติ แบ่งหมู่เหล่า ไม่จำกัดชาติ ศาสนา
คนไทยให้เกียรติและยินดีต้อนรับต่อคนต่างชาติต่างศาสนา

ความมีไมตรีอย่างสากลนี้
สอดคล้องกับหลักการของพระพุทธศาสนา
ที่ถือว่ามนุษย์และแม้สัตว์อื่นทุกอย่าง
ตั้งแต่ดิรัจฉานเป็นต้นไป ล้วนเป็นเพื่อนทุกข์
มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา เสมอกันทั้งสิ้น
ต่างก็มีกรรมเป็นของตนเอง
เป็นไปตามอำนาจของกรรมที่ตนกระทำเช่นเดียวกัน
และสอนให้มีเมตตา ที่แผ่ออกไปอย่างกว้างขวาง
ไม่มีประมาณ ไม่จำกัดขอบเขต
ทั่วถึงสรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่า


เกิดความเสื่อม ความพลัดพรากต่างๆ
ก็ยอมรับความจริงได้ง่าย
มองเห็นความเป็นธรรมดา ปลงใจได้
ไม่เศร้าโศกเสียใจมากเกินไปหรือนานเกินควร

แม้จะเกิดเรื่องราวถูกเบียดเบียนบีบคั้นข่มเหงก็ลืมง่าย
ไม่ผูกใจโกรธเกลียดนาน จึงเป็นคนไม่เครียด
มีความรู้สึกผ่อนคลาย
ไม่พยาบาทจองเวรและไม่ชอบความรุนแรง

ลักษณะจิตใจเช่นนี้
มีหลักพระพุทธศาสนาเป็นฐานหล่อเลี้ยง
และสนับสนุนหลายประการโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หลักอนิจจัง (หลักของความไม่เที่ยง)
เกิดขึ้นแล้วก็ดับ ไม่ยึดมั่นถือมั่น เป็นต้น


จึงช่วยให้คนไทยเป็นคนปรับตัวเข้ากับคนใหม่
สิ่งใหม่ได้ง่ายพร้อมที่จะรับวัฒนธรรมจากภายนอก
และรู้จักสานประโยชน์

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2009, 23:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

• พระพุทธศาสนาในฐานเป็นมรดกของชาติ

หลักฐานทางคัมภีร์และศาสนาวัตถุ
ซึ่งนักประวัติศาสตร์โบราณคดีเชื่อว่า
พระพุทธศาสนาได้เข้ามาเผยแพร่ในดินแดนสุวรรณภูมิก่อน พ.ศ. ๕๐๐
แต่ศรัทธาความเชื่อของปุถุชนก็เป็นไปตามยุคสมัย


พระพุทธศาสนาจึงรุ่งเรืองและเสื่อมลงตามกาลสมัยด้วย
จนกระทั่งพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ได้สถาปนากรุงสุโขทัย
และรับเอาพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

ครั้นราว พ.ศ. ๑๘๓๖ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ได้อาราธนาพระสงฆ์ลังกาวงศ์จากนครศรีธรรมราช
ไปกรุงสุโขทัยและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาจนมั่นคงยืนนานมาในปัจจุบันนี้

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
มีพระราชศรัทธาพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง
ทรงฟื้นฟูและอุปถัมภ์ด้านต่างๆ
โดยรวยรวมคัมภีร์ที่กระจัดกระจาย
บางส่วนก็คัดลอกแล้วคืนต้นฉบับ
ตลอดจนขอยืมจากประเทศใกล้เคียงมาคัดลอกด้วย


พร้อมกับอาราธนาพระภิกษุสามเณร
ที่หลบภัยสงครามให้ไปพำนักที่กรุงธนบุรี

สืบต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ได้ทรงสถาปนาราชวงศ์จักรี ใน พ.ศ. ๒๓๒๕ โดยมีกรุงเทพฯเป็นราชธานี
แม้จะมีพระราชภาระสงครามและฟื้นฟูบ้านเมืองให้เจริญมั่นคง

แต่ด้วยพระราชศรัทธาพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า
ได้ทรงพระราชดำริและอุปถัมภ์การสังคายนา
ซึ่งได้ใช้เป็นต้นฉบับการชำระพระไตรปิฎกในประเทศไทยสืบต่อๆมา


จึงเห็นได้ว่าพระพุทธศาสนาได้เผยแพร่
และตั้งมั่นเป็นสถาบันคู่ชาติไทยมาเป็นเวลายาวนาน
ซึ่งได้มอบสิ่งล้ำค่าเป็นแนวทางให้สัตว์โลกอยู่ร่วมกันธรรมชาติ
โดยเฉพาะสังคมไทยเป็นสังคมปฐมฐานที่ดำรงชีวิตแบบเรียบง่าย
และสังคมเกษตรกรรมที่ต้องพึ่งพาธรรมชาติ

ทำให้ขบบธรรมเนียมไทยต่างๆ ผสานสอดคล้องกับพระพุทธศาสนา
วัดจึงเป็นศูนย์กลางของสังคมไทย
ทั้งด้านการศึกษา ภาษา ศิลปวัฒนธรรม การสังคมสงเคราะห์

จึงพูดได้ว่า พระพุทธศาสนา
เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติไทยและเป็นมรดกของชาติ


นอกจากความเชื่อถือและคุณธรรมต่างๆ
ที่ปลูกฝังถ่ายทอดกันมาจนติดเป็นนิสัยใจคอ
ดังเช่นเอกลักษณ์ทั้งหลายซึ่งเป็นมรดกทางจิตใจ
และเป็นสมบัติประจำตัวด้านในแล้ว

พระพุทธศาสนายังเป็นมรดก
และคลังสมบัติทางด้านรูปธรรมที่ล้ำค่าของชนชาติไทยอีกด้วย
โบราณสถานและโบราณวัตถุทั้งหลาย
เป็นมรดกและเป็นสมบัติที่สำคัญยิ่งของประเทศชาติ


นอกจากเป็นหลักฐานสำหรับสืบค้น
และยืนยันความเป็นมาในประวัติศาสตร์ของชาติแล้ว
ยังเป็นของมีค่าอย่างสูงอีกด้วยความมีค่าที่ว่านี้
มิใช่เฉพาะคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมเท่านั้น
แต่รวมถึงคุณค่าทางเศรษฐกิจด้วย

ทั้งนี้ โดยเหตุผล ๒ ประการ คือ

• ประการแรก

ในส่วนอดีตว่าด้วยต้นกำเนิดของโบราณวัตถุสถาน
ที่เกิดจากแรงศรัทธาหรือผลงานสร้างสรรค์ของพระมหากษัตริย์
คนมีฐานะหรือชุมชนทั้งหมด
จึงมักสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่ดีที่สุดและสร้างอย่างดีที่สุด

• ประการที่สอง

ในส่วนปัจจุบันโบราณวัตถุสถาน
มีส่วนสำคัญยิ่งในการดึงดูดความสนใจ
ทำให้คนต่างถิ่นและต่างชาติเดินทางเข้ามาทัศนาจร

จึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง
ที่ก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจ
นั่นคือมีเงินตราไหลเวียนภายในประเทศได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้น ก็มีวรรณคดี ศิลปกรรม และดนตรีทั้งหลายเหล่านี้
ในส่วนที่เกิดในสถาบันพระพุทธศาสนา
หรือไม่ก็เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา

นอกจากจะเป็นเครื่องแสดงถึงเอกลักษณ์ของชาติไทยแล้ว
จิตรกรรม ประติมากรรมและสถาปัตยกรรม เป็นต้น
ก็เป็นมรดกและเป็นคลังสมบัติอันมีค่ายิ่งอยู่ในตัวของมันเอง
ดังเช่นที่เป็นปูชนียวัตถุและปูชนียสถานที่ได้กล่าวมาแล้ว


:b8: :b8: :b8:

(ที่มา : http://www.vicha.kroophra.net/index.php ... &Itemid=45)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2011, 07:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 09:11
โพสต์: 597


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุๆค่ะ ขอบพระคุณท่านกุหลาบสีชาค่ะ :b8: :b8: :b8:
tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2015, 10:57 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b45: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2017, 13:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 09:43
โพสต์: 702

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุนะครับ
:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร