วันพุธที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เวลา ๑๘.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากที่ประทับ ชั้น ๑๖ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปันจะวีณิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้เข็นรถเข็นไฟฟ้าพระที่นั่งถวาย วันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์เชิ้ตลาย และสูทสีเขียวอ่อน พระสนับเพลาสีดำ ทรงจูงคุณทองแดง ในการนี้ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงลอยพระประทีป ณ ท่าน้ำบริเวณพลับพลาประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ พระราชโอรส

ตลอดทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน มีประชาชนจำนวนมากรอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอย่างเนืองแน่น และเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงยังพลับพลาฯ ทรงวางพวงมาลัย ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ พระราชโอรส ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สร้างขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเป็นศูนย์รวมจิตใจของแพทย์ พยาบาล บุคลากร นักศึกษาและประชาชนทั่วไป

จากนั้นทรงลอยพระประทีป ที่ประดิษฐ์จากขนมปังสีเหลืองตามวันพระบรมราชสมภพ เป็นรูปกลีบบัวซ้อน ๔ ชั้น แซมด้วยดอกกุหลาบทำจากขนมปัง ซึ่งวิทยาลัยในวังหญิงประดิษฐ์ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฯ พร้อมทั้งทรงลอยพระประทีปของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ประดิษฐ์จากขนมปังสีฟ้าตามวันพระราชสมภพ เป็นรูปกลีบบัวซ้อน ๔ ชั้น แซมด้วยดอกกุหลาบทำจากขนมปัง ซึ่งวิทยาลัยในวังหญิงประดิษฐ์ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฯ ขณะที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงลอยพระประทีปซึ่งประดิษฐ์จากหยวกกล้วยและกาบพลับพลึงที่พับเป็นกลีบบัว ประดับด้วยเครื่องทองน้อย และพุ่มดอกไม้สีม่วงตามวันพระราชสมภพ วันเสาร์ ภายในกระทงตกแต่งด้วยดอกบานไม่รู้โรยและดอกรัก

นอกจากนี้ เขตพระราชฐานชั้นใน ได้จัดทำพระประทีปประดิษฐ์จากหยวกกล้วยและกาบพลับพลึง ประดับด้วยเครื่องทองน้อย และพุ่มดอกไม้ รวมทั้งพระประทีปที่ประดิษฐ์จากขนมปัง สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยมีสีแตกต่างกันตามวันพระราชสมภพและวันประสูติของแต่ละพระองค์

วันลอยกระทง ตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เป็นประเพณีอันดีงามที่ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมานาน เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ ขอบพระคุณ-ขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ทรงประทับไว้ ณ หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที ประเทศอินเดีย และเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวกหลังสมัยพุทธกาล สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทง ได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่างๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองภายหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งปี

โอกาสนี้ ทอดพระเนตรขบวนเรือประดับไฟของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่เข้าประกวดในงานสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง ๒๕๕๕ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดขึ้นระหว่างวันเสาร์ที่ ๒๔ ถึง วันพุธที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ภายใต้แนวคิด “สว่างไสวสายน้ำแห่งเจ้าพระยา” มีเรือประดับไฟที่ตกแต่งอย่างสวยงามทั้งหมด ๑๐ ลำ ประกอบด้วย

๑. เรือประดับไฟของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชื่อเรือ “สว่างไสว ใต้ฟ้าพระบารมี”

๒. เรือประดับไฟของจังหวัดชัยนาท ชื่อเรือ “นาวาแห่งชีวี มหานทีเจ้าพระยา”

๓. เรือประดับไฟของกองทัพอากาศ ชื่อเรือ “สว่างไสวหยาดนภา ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ”

๔. เรือประดับไฟของกรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือ ชื่อเรือ “พลังงานสะอาด สู่การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน”

๕. เรือประดับไฟของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาโดยวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ชื่อเรือ “เทียนธรรมเทียนพรรษา ส่องเจ้าพระยามหานที สายธารหลอมชีวี ใต้ร่มพระบารมี ธ ทรงธรรม”

๖. เรือประดับไฟของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ชื่อเรือ “ทิพพิมานบารมี เลิศราชมหาโพธิ์ศรี สงบสุขสายธารบารมี สว่างไสวมหานทีเจ้าพระยา”

๗. เรือประดับไฟของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ชื่อเรือ “ด.เด็กรื่นเริง จินตนาการอันล้ำเลิศ”

๘ .เรือประดับไฟของโรงเรียนมัธยมวัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ ชื่อเรือ “พระราชาแห่งน้ำ”

๙. เรือประดับไฟของบริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ชื่อเรือ “สว่างไสว มหานทีแห่งเจ้าพระยา ด้วยพระบารมีแห่งจักรีวงศ์ แด่องค์ภูมิพล”

๑๐. เรือประดับไฟของบริษัทอาร์ต อิท จำกัด ชื่อเรือ “แม่น้ำแห่งราชา สว่างไสว สายน้ำแห่งเจ้าพระยา”

โดยล่องตามลำน้ำเจ้าพระยามาจากสะพานพระพุทธยอดฟ้า ผ่านโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ไปจนถึงสะพานพระราม ๘ และย้อนกลับไปยังจุดจอดเรือที่สะพานพระพุทธยอดฟ้า โดยจะตัดสินผลการประกวดเรือประดับไฟในค่ำคืนวันพุธที่ ๒๘ พฤศจิกายนนี้ และผู้ชนะการประกวดจะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเงินรางวัล ๕๐๐,๐๐๐ บาท



ขอขอบพระคุึณที่มาของข้อมูล
http://www.krobkruakao.com/
ขอขอบพระคุึณที่มาของรูปภาพประกอบ
facebook ชมรมคนรักในหลวง
https://www.facebook.com/welovethaiking