ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
วันที่ ๙ มิถุนายน ของทุกปี “วันอานันทมหิดล” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=42360 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 09 มิ.ย. 2012, 17:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | วันที่ ๙ มิถุนายน ของทุกปี “วันอานันทมหิดล” |
วันที่ ๙ มิถุนายน “วันอานันทมหิดล” ถ้าคนไทยทุกคน ถือว่าตนเป็นเจ้าของชาติบ้านเมือง และต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และถูกต้องตามทำนองคลองธรรมแล้ว ความทุกข์ยากของบ้านเมืองก็จะ่ผ่านพ้นไปได้ พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พ.ศ. ๒๔๖๘ - ๒๔๘๙ |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 09 มิ.ย. 2012, 17:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันที่ ๙ มิถุนายน ของทุกปี “วันอานันทมหิดล” |
พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ ๘ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พ.ศ. ๒๔๖๘ - ๒๔๘๙ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงพระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๘ ณ เมืองไฮเดลเบอร์ก ประเทศเยอรมัน ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๒ ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรมพระบรมราชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) เมื่อพระชนมายุ ๓ พรรษา ได้เสด็จกลับประเทศไทย พร้อมด้วยพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนี โดยเสด็จประทับ ณ วังสระปทุม ในปีต่อมาได้ทรงศึกษาชั้นอนุบาล ณ โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย แล้วจึงเสด็จไปประทับต่อ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ต่อมาภายหลังพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงสละราชสมบัติ สภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลในขณะนั้น มีมติเห็นชอบให้อัญเชิญ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล ขึ้นครองราชย์สืบราชสันติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๘ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงพระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล” เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ในขณะนั้นพระองค์มีพระชนมายุเพียง ๙ พรรษา จึงต้องทรงมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้แก่ พระวรวงศ์เธอกรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา และเจ้าพระยายมราช ทำการบริหารแผ่นดินแทนจนกว่าพระองค์จะทรงบรรลุนิติภาวะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้เสด็จนิวัตกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกหลังจากขึ้นครองราชย์ ซึ่งขณะนั้นทรงมีพระชนมายุได้ ๑๓ พรรษา ตลอดระยะเวลา๒ เดือนที่ทรงเสด็จประทับอยู่ในเมืองไทย ได้ทรงออกเยี่ยมราษฎรในที่ต่างๆ จากนั้นพระองค์ทรงเสด็จกลับไปศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ การคมนาคมติดต่อเป็นไปโดยลำบาก พระองค์ท่านจึงไม่ทรงมีโอกาสติดต่อกับประเทศไทย เมื่อสงครามสงบ พระองค์จึงเสด็จนิวัติกลับประเทศไทยอีกครั้ง เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุได้ ๒๑ พรรษา ในการเสด็จนิวัตเมืองไทยครั้งนี้ เดิมทรงตั้งพระราชหฤทัยจะประทับอยู่ในเมืองไทยเพียง ๑ เดือน จากนั้นจะเสด็จพระราชดำเนินกลับสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อให้ทันการเปิดภาคเรียนใหม่ในกลางเดือนมกราคม พระองค์ทรงตั้งพระทัยจะทรงศึกษาปริญญาเอก สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จนเรียบร้อยแล้วจึงจะเสด็จนิวัติพระนครเป็นการถาวร และทรงเข้ารับการบรมราชาภิเษกในภายหลัง แต่เนื่องจากทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายในฐานะประมุขของประเทศ ทำให้ทรงเลื่อนเวลาที่จะเสด็จพระราชดำเนินกลับสวิตเซอร์แลนด์ออกไป ระหว่างที่พระองค์ประทับอยู่ในพระนคร เมื่อคราวเสด็จนิวัติเมืองไทยครั้งที่ ๒ นั้น พระองค์เสด็จสวรรคตเนื่องจากถูกพระแสงปืน ณ พระแท่นบรรทม พระที่นั่งบรมพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ เวลาประมาณ ๙ น. ก่อนกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อ ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เพียง ๔ วัน รวมระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติทั้งสิ้น ๑๒ ปีเท่านั้น ปวงชนชาวไทยต่างรำลึกถึงพระเมตตาธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณอันมีเป็นอเนกประการ จึงร่วมใจน้อมรำลึกถึงพระองค์ท่าน โดยถือเอาวันที่ ๙ มิถุนายนของทุกปี เป็น “วันอานันทมหิดล” ในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ สมาคมศิษย์เก่าแพทย์จุฬาลงกรณ์ ได้รวบรวมทุนจากเงินบริจาคของศิษย์เก่าแพทย์จุฬาฯ ทุกรุ่น จัดสร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์ ขึ้นไว้หน้าตึกอานันทมหิดล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงบันดาล ให้เกิดคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และเป็นการเฉลิมพระเกียรติยศให้ประชาชนได้รำลึกถึงพระองค์ท่านสืบไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก่อตั้ง “มูลนิธิอานันทมหิดล” ขึ้น เพื่อสนับสนุนนักเรียนไทยผู้มีความสามารถทางวิชาการอย่างยอดเยี่ยม และมีคุณธรรมสูง ได้มีโอกาสไปศึกษาวิทยาการจนถึงขั้นสูงสุดในต่างประเทศ เพื่อนำความรู้กลับมาทำคุณประโยชน์พัฒนาบ้านเมืองให้ก้าวหน้าต่อไป โดยมูลนิธินี้ไม่มีการสอบคัดเลือก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะสรรหาผู้สมควรได้รับพระราชทานทุน นำขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาเพื่อขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยชี้ขาด ขอขอบพระคุณ... ที่มาของข้อมูล http://kanchanapisek.or.th/kp11 ที่มาของรูปภาพ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id ... 14&gblog=7 และ facebook Boonpira Banvorn พระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (หม่อมราชวงศ์ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=44709 “ในหลวง” เสด็จฯ ทรงเปิด “พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๘” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=42363 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |