ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ย้อนรำลึก..พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ สนทนาธรรมกับหลวงตามหาบัว
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=37227
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  deecup [ 12 มี.ค. 2011, 17:59 ]
หัวข้อกระทู้:  ย้อนรำลึก..พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ สนทนาธรรมกับหลวงตามหาบัว

รูปภาพ

พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ สนทนาธรรมกับหลวงตามหาบัว

ในหนังสือหลวงตามหาบัว มหัศจรรย์มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ กล่าวไว้ว่า ในตอนเช้าของวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้สั่งกำชับพระเณรในวัดว่า “วันนี้จะมีบุคคลสำคัญเข้ามา พวกท่านทั้งหลายจงพากันทำความสะอาดวัดวาอาวาสให้เรียบร้อย อย่าให้บกพร่อง”

พระทั้งหลายเมื่อได้ฟังดังนั้น ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ต่างก็ทำข้อวัตรปฏิบัติไปตามปกติ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินมานมัสการหลวงตามหาบัวฯ

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จไปที่วัดป่าบ้านตาดเพื่อกราบนมัสการองค์หลวงตา โดยเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ จากพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์เป็นการส่วนพระองค์ โดยไม่มีทหารคนใดได้ล่วงรู้เรื่องนี้มาก่อน ทหารทั้งหลายต่างสืบข่าวเป็นการโกลาหลว่า เมื่อเวลาบ่ายโมงพระองค์ท่านทรงขับรถออกจากพระตำหนัก ไม่รู้ว่าเสด็จพระราชดำเนินไป ณ ที่ใด

หลวงตาจึงให้โอวาทว่า “มหาบพิตร ! พระองค์เป็นถึงพระเจ้าอยู่หัว เป็นเจ้าชีวิตของชนทั้งชาติ หากพระองค์เสด็จมาโดยลำพัง มีอันตรายอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น จะเป็นความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง ถ้าพระองค์เป็นอะไรขึ้นมา คนทั้งชาติจะไม่เหยียบหลวงตาบัวมิดแผ่นดินหรือ ?”

“กลัวจะเป็นการรบกวนองค์หลวงตา” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสพร้อมพนมพระหัตถ์ด้วยความศรัทธาเลื่อมใส

“รบกวน ไม่รบกวนจะเป็นอะไร แผ่นดินนี้เป็นของพระองค์ พระองค์พึงมาได้ทุกเมื่อ”

ทรงถวายผ้าห่มและไทยทานอื่นๆ มากมาย พร้อมกับปัจจัย 3 หมื่นบาท โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ถวายธรรมะหลายประการ

7 มกราคม 2531 เป็นปีเฉลิมราชย์รัชมังคลาภิเษกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์มากกว่ากษัตริย์ใดในประวัติศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปนิมนต์หลวงตาให้ร่วมงานบำเพ็ญพระราชกุศลในงานพระราชพิธีสมโภชสิริราชสมบัติรัชมังคลาภิเษกด้วยพระองค์เอง ซึ่งปกติหลวงตาท่านไม่ค่อยได้ไปไหน พอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกราบหลวงตาเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ถวายคำถามแรก (พระเจ้าอยู่หัวเรียกหลวงตาว่า “หลวงปู่”)

“หลวงปู่... สาวกภูมิกับพุทธภูมิต่างกันอย่างไร”

หลวงตาตอบว่า... “พุทธภูมิก็เหมือนดั่งเรานั่งรถไฟไปเชียงใหม่หรือนั่งรถไฟไปอุดรนั่นแหละพุทธภูมิ แต่ถ้าเรานั่งจักรยานมาหรือนั่งมอเตอร์ไซค์ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปนั่นแหละสาวกภูมิ เพราะฉะนั้นการเป็นพุทธภูมิก็คือการนำคนไปได้เยอะๆ ส่วนสาวกภูมินั้นนำไปได้น้อยๆ ไม่ได้มากนัก อย่างเก่งก็ 1 คนหรือ 3-4 คน ก็ว่ากันไป นั่นคือสาวกภูมิเข้าใจไหมล่ะพ่อหลวง”

พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงตอบหลวงตาว่า “เข้าใจแล้วหลวงปู่ แล้วนิพพานเป็นอย่างไรนะหลวงปู่”

หลวงตาตอบ : “อ้อ พ่อหลวงเหมือนพ่อหลวงมาวัดป่าบ้านตาดนี่แหละ รู้ไหมว่าวัดป่าบ้านตาดอยู่ตรงไหน อยู่บนกุฏินี่เหรอ วัดป่าบ้านตาดอยู่ไหนล่ะแต่พอพระมหากษัตริย์มาถึงนี่แล้ว บริเวณนี้ทั้งหมดคือวัดป่าบ้านตาดนี้แหละ แต่จะชี้ลงไปว่าที่กุฏิอาตมาก็ไม่ใช่ ที่กุฏิพระก็ไม่ใช่ ที่ศาลาก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งหมด แต่เมื่อรวมกันทั้งหมดในกำแพงวัดนี้นี่แหละคือวัดป่าบ้านตาด นี่แหละพระนิพพานก็มีความหมายแบบเดียวกัน”

เมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ขอบารมีหลวงตาช่วยต่ออายุให้แม่หลวง (คือสมเด็จย่า) ตอนนั้นสมเด็จย่าทรงประชวรอยู่

หลวงตาท่านก็ตอบปฏิเสธเลยว่า... “พ่อหลวงนั่นแหละก็จัดการเองได้ขอเองได้” ท่านว่างั้นนะ... “พ่อหลวงก็สามารถจัดการได้เอง” ท่านบอกไปเลยนะว่า...ให้พระเจ้าอยู่หัวขอเองจัดการเองจัดการเอง อาตมาต่อให้ไม่ได้หรอก

พระเจ้าอยู่หัวฯ ได้กราบลาว่า “เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว จะกลับแล้วท่านหลวงปู่มีอะไรจะบอกไหม”

หลวงตาท่านได้เทศน์สั้นๆ ว่า : “การเป็นพุทธภูมิสร้างบารมีเพื่อความเป็นพุทธะ พอจบพุทธภูมิได้ก็เป็นพระพุทธเจ้า แล้วพระพุทธเจ้าก็มีพระพุทธกิจ 5 คือ ตอนเช้าบิณฑบาต ตอนบ่ายสอนคหบดีมนุษย์ทั่วไป ตกเย็นสอนนักบวช สมณชีพราหมณ์ ตอนกลางคืนแก้ปัญหาเทวดา พอมาตอนเช้ามืดเล็งญาณดูสัตว์โลก สัตว์โลกตัวไหนมีกิเลสเบาบางพอที่จะบรรลุธรรมได้ ท่านก็จะเล็งญาณดูรีบไปโปรดก่อน พระพุทธเจ้าสร้างบารมีพุทธภูมิจนได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้วท่านก็มีพระพุทธกิจ 5 อย่างนี้ แต่...ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของประเทศไทยปรารถนาอะไร ทำงานกันจนไม่มีเวลาจะพักผ่อน...เอาล่ะๆ...อาตมาจะให้พร”

รูปภาพ

สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ได้ทรงงานอย่างหนักดังที่หลวงตาได้เทศน์นั้น หลวงตามหาบัวได้เคยแสดงธรรมเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ความตอนหนึ่งว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่พึ่งอันเอกอุ ดังพระธรรมเทศนาในวันที่ 31 มกราคม 2544 มีใจความว่า

“ประเทศไทยของเรานี้ มีทั้งพระพุทธศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ รวมแล้วเป็นศาสนาเอกในโลก เราก็ได้ระลึกเป็นขวัญตาขวัญใจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดวงศ์กษัตริย์ทุกๆ พระองค์ ก็เป็นเหมือนมหาพรหม ร่มโพธิ์ร่มไทรอันใหญ่หลวงแห่งประเทศไทยของเรา ซึ่งป็นของเคียงคู่กันเป็นเวลานาน

มีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ หนึ่ง มีพระมหากษัตริย์ประทานความร่มเย็นให้แก่ไพร่ฟ้าประชาชีทั้งหลายตลอดมา หนึ่ง นี่เรียกว่าพี่น้องชาวไทยเราได้ที่พึ่งอันเอกอุ จึงขอให้ได้มีความเคารพนับถือบูชาทั้งฝ่ายศาสนธรรม ทั้งฝ่ายองค์กษัตริย์ท่าน ให้มีความเคารพเป็นคู่เคียงกัน จะเป็นสิริมงคลแก่พี่น้องชาวไทยเราตลอดไป...

นี่มีตั้งแต่ความร่มเย็นเป็นสุขอันยิ่งใหญ่ นับแต่พระพุทธศาสนาลงมาถึงวงศ์กษัตริย์ของเรา ล้วนตั้งแต่น้ำอันเย็นฉ่ำที่สำหรับชะล้างจิตใจของเราที่แข็งกระด้างกระเดื่องไปด้วยบาปด้วยกรรม ให้มีความอ่อนโยนนิ่มนวล เคารพนบน้อม กราบไหว้ท่านผู้เลิศเลอ คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และองค์พระมหากษัตริย์ ตลอดวงศ์สกุลกษัตริย์เรื่อยมา

อย่างนี้เรียกว่า พวกเราทั้งหลายมีที่อบอุ่น ถ้าต้นไม้ก็เป็นต้นไม้ที่มีใบหนาให้ความร่มเย็นแก่เราทั้งหลาย เวลาเดือดร้อนวิ่งเข้าร่มไม้ก็ชุ่มเย็นเป็นสุข นี่เวลาคิดถึงที่พึ่งที่เกาะ มุ่งคิดไปทางศาสนาก็คือ ธรรม คิดมาทางบ้านเมืองก็คือ วงศ์กษัตริย์ ล้วนแล้วตั้งแต่ให้ความร่มเย็นแก่พี่น้องทั้งหลายเราเป็นลำดับมาอย่างนั้น

จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ระลึกธรรมทั้งสองประเภท คือ วงศ์กษัตริย์ หนึ่ง พระพุทธศาสนา หนึ่ง ให้เข้าครองภายในจิตใจ จะเป็นเหมือนว่าเรามีพ่อมีแม่ ไปที่ไหนอบอุ่นผิดกับลูกกำพร้าเป็นไหนๆ...

นี่เรามีทั้งเกาะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเรา หมุนไปทางศาสนาก็เป็นธรรมอันเลิศเลอ หมุนไปทางพระมหากษัตริย์ ท่านก็ทรงเลิศเลอด้วยคุณธรรมมาเล้วไม่มีใครเสมอเหมือนแล้วแหละสำหรับเมืองไทยเรา ในการที่ทรงสนใจต่อพระพุทธศาสนา พระองค์มอบทุกสิ่งทุกอย่างกับพระพุทธศาสนา เป็นต้นมา จึงเรียกว่าเป็นน้ำอันเย็นฉ่ำแก่พี่น้องชาวไทยเรา ขอให้ยึดหลักทั้งสองประเภทที่เลิศเลอนี้ไว้เป็นขวัญตาขวัญใจของเรา”

ธรรมะของหลวงตามหาบัวยังคงดำรงในสัจธรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลงว่า สถาบันชาติดำรงความเข้มแข็งมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะมีศาสนาที่มีธรรมอันเลอเลิศ และพระมหากษัตริย์ที่ทรงเลอเลิศด้วยคุณธรรมอย่างที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

พสกนิกรชาวไทยจึงถือว่าโชคดีมีบุญ ที่ได้เกิดมาในแผ่นดินที่มีพระพุทธศาสนา และเกิดมาในประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรม ได้มีโอกาสเคารพนับถือและปฏิบัติบูชาทั้งต่อทั้งศาสนธรรมและพระมหากษัตริย์ตามคำสอนของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


รูปภาพ

ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ คอลัมนิสต์ : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000031913

= เมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ถามหลวงตามหาบัวฯ เรื่องพุทธภูมิ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=19868

= หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กับ ในหลวง
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=42690

เจ้าของ:  Bwitch [ 13 มี.ค. 2011, 09:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ย้อนรำลึก..พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ สนทนาธรรมกับหลวงตามหาบัว

:b8: :b44: :b44: :b44: :b8:

เจ้าของ:  student [ 13 มี.ค. 2011, 10:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ย้อนรำลึก..พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ สนทนาธรรมกับหลวงตามหาบัว

รู้สึกดีใจที่ได้เห็นได้อ่านข้อความการสนทนาครับ

เจ้าของ:  ร่มเย็นเป็นสุข [ 06 มิ.ย. 2011, 09:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ย้อนรำลึก..พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ สนทนาธรรมกับหลวงตามหาบัว

onion :b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  Supatorn [ 02 ก.ค. 2011, 11:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ย้อนรำลึก..พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ สนทนาธรรมกับหลวงตามหาบัว

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน :b8: :b8: :b8:

:b53: :b53: :b53: :b53: :b53: :b53:

เจ้าของ:  Duangtip [ 22 ต.ค. 2015, 10:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ย้อนรำลึก..พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ สนทนาธรรมกับหลวงตามหาบัว

:b39: :b44: กราบองค์หลวงตามหาบัวเจ้าค่ะ
ขอทั้งสองพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  อุบาสกน้อย [ 18 ก.ค. 2017, 08:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ย้อนรำลึก..พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ สนทนาธรรมกับหลวงตามหาบัว

Kiss Kiss Kiss

เจ้าของ:  น้องพลอย [ 28 ก.ย. 2020, 19:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ย้อนรำลึก..พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ สนทนาธรรมกับหลวงตามหาบัว

:b8: :b8: :b8: :b20:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/