วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 18:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2013, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

หลวงพ่อเพ็ชร พระพุทธรูปคู่เมืองอุตรดิตถ์
พระประธานในวิหารหลวงพ่อเพ็ชร
วัดท่าถนน (วัดวังเตาหม้อ) ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์


:b40: :b50: :b40:

หลวงพ่อเพ็ชร เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ (สีนาค) ปางมารวิชัย สร้างขึ้นสมัยเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดหน้าตักกว้าง ๓๒ นิ้วฟุตครึ่ง สูง ๔๑ นึ้วฟุต อายุประมาณ ๙๐๐ ปีเศษ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่อเพ็ชร วัดท่าถนน (วัดวังเตาหม้อ) ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์

:b44: ประวัติความเป็นมา (ปฐมเหตุแห่งที่มา)

ปีพุทธศักราช ๒๔๓๖ ปีมะเส็ง เบญจศก ร.ศ.๑๑๒ (จากหนังสือประวัติหลวงพ่อเพ็ชร โดยนายวิบูลย์ บูรณารมย์ และคณะ ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์) มีพระสงฆ์ผู้ใหญ่รูปหนึ่งชื่อ หลวงพ่ออุปัชฌาย์ด้วง เจ้าอาวาสวัดหมอนไม้ อำเภอบางโพ เมืองอุตรดิตถ์ ท่านเป็นพระเถระผู้ใหญ่ ที่มีผู้รู้จักและเคารพนับถือ มีลูกศิษย์ลูกหามากขณะนั้นท่านเป็นอุปัชฌาย์ในพิธีการอุปสมบทตามวัดวาอารามต่างๆ วันหนึ่งได้รับนิมนต์ให้ไปนั่งเป็นอุปัชฌาย์ ทำการอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดสว่างอารมณ์ ตำบลไผ่ล้อมล้อม อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ครั้นเมื่อประกอบพิธีอุปสมบทเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านเดินทางกลับพร้อมพระภิกษุลูกวัด ๑ รูป การเดินทางในสมัยก่อนต้องเดินด้วยเท้า ระหว่างเดินทางได้ผ่านวัดร้างวัดหนึ่ง ซึ่งเป็นวัดโบราณเก่าแก่มาก ไม่มีพระภิกษุอาศัยอยู่ มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นปกคลุ่ม ไม่มีผู้คนเข้าไป นอกจากเป็นที่เลี้ยงวัว ควาย ของชาวบ้าน เมื่อหลวงพ่ออุปัชฌาย์ด้วงและพระลูกวัดเดินมาถึง ได้พากันเข้าไปสำรวจทั่วบริเวณได้พบเนินดินเป็นจอมปลวกขนาดใหญ่ และได้พิจรณาดูพบว่าไม่มีต้นหญ้าขึ้นปกคลุ่มเหมือนจอมปลวก ด้วยเหตุผิดสังเกต หลวงพ่ออุปัชฌาย์ด้วง จึงเพ่งความสนใจเป็นพิเศษ หรือด้วยชะรอยจะเป็นกุศลกรรมบุเพสันนิวาสชักนำแห่งบุญบารมีของหลวงพ่ออุปัชฌาย์ด้วงกับพระพุทธรูปองค์นั้น จึงมีเหตุที่จะต้องดลจิตใจให้มาพบกัน และเมื่อเพ่งพินิจพิจารณาดินปลวกกองนั้นอย่างใกล้ชิดและละเอียดถี่ถ้วน ท่านจึงได้เห็นเกตุของพระพุทธรูปที่เนินจอมปลวก ท่านจึงได้บอกให้พระภิกษุที่ติดตามไปด้วยกลับเข้าไปในหมู่บ้านอีกครั้ง เพื่อขอยืมเครื่องมือขุดดินจากชาวบ้าน มาช่วยกันขุนดิน และได้เห็นพระพุทธรูปมีหน้าตักกว้างประมาณศอกเศษ มีดินและสนิมจับเกรอะกรังทั้งองค์ ท่านจึงคิดที่จะนำพระพุทธรูปมาไว้ที่วัดหมอนไม้ แต่เนื่องจากเป็นเวลาบ่ายมากแล้ว จึงได้ปล่อยให้พระพุทธรูปนั้นประทับอยู่ที่เดิม ครั้งรุ่นเช้าจึงได้นำพระภิกษุในวัดหมอนไม้และชาวบ้าน เดินทางไปด้วยกันเตรียมเชือก และไม้คานหามไปที่วัดร้างที่พบพระพุทธรูปนั้น นำพระพุทธรูปกลับมาวัดและมาข้ามแม่น้ำน่านตรงวัดกลางผ่านศาลเจ้า (ปัจจุบันพังหายลงไปกับแม่น้ำหมดแล้ว)

ปรากฏพุทธลักษณะ เมื่อได้นำพระพุทธรูปมาประดิษฐานที่วัดหมอนไม้แล้ว หลวงพ่ออุปัชฌาย์ด้วงได้ให้พระภิกษุ สามเณรในวัดช่วยกันทำความสะอาดขัดถูองค์พระพุทธรูปจนสะอาดสวยงามซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ประทับนั่งขัดสมาธิเพ็ชรส่งรัศมี สีทอง สุกวาว ทั้งองค์ สวยงามมาก เป็นที่เลื่องลือไปทั่วมีผู้คนมากราบไหว้ไม่ขาดสาย ทั้งใกล้และไกลทุกวัน

พระพุทธรูปย้ายวัด วันหนึ่ง หลวงพ่ออุปัชฌาย์ด้วงได้เรียกนายกล่อม ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นมรรคนายกวัด มาพบและได้ปรึกษานายกล่อมว่า เรามีพระพุทธรูปงามๆ อย่างนี้ประจำอยู่ที่วัดเราก็ดีเหมือนกัน แต่วัดเราไม่มีโบสถ์ที่จะนำพระพุทธรูปประดิษฐานให้สมเกียรติของท่าน ครั้นเราจะนำมาวางไว้เฉยๆ อย่างนี้ ไปถวายให้ไว้กับหลวงพ่อเพ็ชร ที่วัดวังเตาหม้อ (วัดท่าถนนในปัจจุบัน) เพราะที่วัดท่านมีโบสถ์สวยงามมั่นคงถาวรประกอบกับ หลวงพ่อเพ็ชร เจ้าอาวาสวัดเตาหม้อ ก็นับถือฉันเหมือนศิษย์กับอาจารย์ นายกล่อมผู้ใหญ่วัดไม่ขัดข้อง เห็นด้วย...วันต่อมาหลวงพ่ออุปัชฌาย์ด้วง จึงขอแรงชาวบ้านมาช่วยกันนำพระพุทธรูปบรรทุกเรือมาขึ้นที่ท่าน้ำหน้าวัดวังเตาหม้อ และนำมอบถวายให้ไว้กับ หลวงพ่อเพ็ชร เจ้าอาวาสวัดวังเตาหม้อ แต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ถูกนำไปกรุงเทพฯ ปีพุทธศักราช ๒๔๔๓ ร.ศ.๑๑๙ แผ่นดินสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้โปรดสร้างวัดเบญจบพิตรเสร็จเรียบร้อย ต้องการจะหาพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เพื่อประดิษฐานไว้ที่วัด จึงให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เดินทางขึ้นมาทางภาคเหนือ เพื่อหาพระพุทธรูปดังกล่าว มาถึงเมืองอุตรดิตถ์เลือกได้ ๒ องค์ คือจากวัดสว่างอารมณ์ ๑ องค์ และวัดวังเตาหม้อ หลวงพ่อเพ็ชร ๑ องค์ หลวงพ่อเพ็ชร เจ้าอาวาส ไม่ตกลงยินยอมและไม่เต็มใจ ที่จะให้นำไป ต่อเมื่อได้รับฟังคำชี้แจงจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และอ้างว่าเป็นพระบรมราชโองการของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจึงให้ไป และได้ปฏิญาณต่อหน้าหลวงพ่อเพ็ชร พระพุทธรูปว่า "พระพุทธรูปองค์นี้ถูกนำไปจากวัดเมื่อใด ท่านจะไม่อยู่วัดนี้ต่อไป" และเมื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้นำพระพุทธรูปไปแล้ว หลวงพ่อเพ็ชร เจ้าอาวาสวัดวังเตาหม้อ ได้ออกจากวัดไปด้วยเหมือนกัน โดยเดินทางขึ้นเหนือ ท่านได้ไปปฏิบัติกัมมัฏฐานอยู่ตามป่าช้า ตามวัดร้างบนยอดเขา จนวาระสุดท้ายท่านได้มรณภาพอยู่บนยอดเขานาตารอด ซึ่งอยู่บริเวณทางเหนือบ้านด่านน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน และมีผู้ไปพบศพของท่านและได้รีบมาบอกกับ นายตี๋ ตันติพลาผล ผู้มีความเลื่อมใสใกล้ชิดกับหลวงพ่อ และได้นำศพมาที่วัดวังเตาหม้อ ได้ร่วมกันจัดบำเพ็ญกุศลฌาปนกิจศพตามประเพณี

เหตุต้องอัญเชิญกลับจากกรุงเทพฯ ปีพุทธศักราช ๒๔๕๓ ร.ศ.๑๒๙ หลวงนฤนาถเสนี (หลวงนฤนาถขณะนั้นได้รับราชการดำรงตำแหน่งนายอำเภอบางโพ เป็นผู้อัญเชิญนำเอาพระพุทธรูปหลวงพ่อเพ็ชร จากกรุงเทพฯ กลับมาไว้ที่วัดวังเตาหม้อ หลวงพ่อเพ็ชรเมื่อมรณภาพแล้ว วิญญาณอันห่วงใยรักใคร่พระพุทธรูปนั้นจึงได้ล่องลอยไปสู่ยังวัดเบญจมบพิตร อันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนั้น เพื่อเป็นการเยี่ยมเยียน สักการะ เคารพ และด้วยเหตุนี้เองพระพุทธรูปนั้นจึงได้แสดงอภินิหารด้วยการเข้าฝันสมเด็จพระบรมราชินีพระพันปีหลวง บันดาลให้พระองค์ทรงนิมิตฝันไปว่า "หลวงพ่อเพ็ชร พระพุทธรูปองค์ที่ได้นำเอามาจากวัดวังเตาหม้อได้มาเข้าฝัน ขอร้องให้นำพระองค์ท่านส่งกลับคืนไปไว้ยังวัดวังเตาหม้อ เมืองอุตรดิตถ์ เสียตามเดิมเถิด ท่านจะอยู่ที่กรุงเทพฯ นี้ต่อไปอีกไม่ได้ เพราะเป็นห่วงลูกศิษย์ของท่านและห่วงใยประชาชนชาวเมืองอุตรดิตถ์ผู้มีใจเคารพนับถือท่าน" ส่วนอีกกระแสร์หนึ่งกล่าวว่า...เมื่อหลวงพ่อเพ็ชรมรณภาพ บรรดาลูกศิษย์และประชาชนผู้เคารพเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อเพ็ชร ได้นัดหมายรวมพวกพากันเรียกร้องต่อนายอำเภอ นำคำร้องขอให้ทางราชการส่งมอบคืนพระพุทธรูปหลวงพ่อเพ็ชร กลับคืนมา หลวงนฤนาถเสนี จึงต้องเดินทางลงไปกรุงเทพฯ และกราบถวายบังคมทูลแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า มีพระบรมราชโองการพระราชทานคืนพระพุทธรูปหลวงพ่อเพ็ชร และมอบให้หลวงนฤนาถเสนี เป็นผู้นำกลับมามอบให้ประชาชนชาวเมืองอุตรดิตถ์และนำมาไว้วัดวังเตาหม้อ (วัดท่าถนนปัจจุบันตามเดิม)

ความศักดิ์สิทธิ์ อภินิหารเมื่อหลวงพ่อเพ็ชร พระพุทธรูปได้ถูกอัญเชิญกลับมาไว้ที่วัดท่าถนนแล้ว ครั้งแรกประทับประดิษฐานอยู่ในอุโบสถตามเดิม ได้มีประชาชนพากันมาสักการะบูชากราบไหว้เป็นจำนวนมาก บางท่านมาขอน้ำพุทธมนต์ไปใช้ป้องกันโรคระบาด ต่อมาปีพุทธศักราช ๒๔๗๓ พระครูธรรมกิจจาภิบาล (ทองสุก) หรือพระสุธรรมเมธี อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้สร้าง วิหารหลวงพ่อเพ็ชร หลังปัจจุบัน เพราะประดิษฐานในอุโบสถเมื่อมีพิธีกรรมทางศาสนาไม่สะดวกต่อการสักการะบูชากราบไหว้ เมื่อสร้างเสร็จก็ได้อัญเชิญหลวงพ่อเพ็ชรมาประดิษฐานจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาปีพุทธศักราช ๒๔๗๕ วันที่ ๑๐ เมษายน เวลา ๑๗.๐๐ น. ได้เกิดไฟไหม้ตลาดบางโพ ขณะที่ไฟไหม้เกิดลมพัดอย่างรุนแรงและไฟได้ลุกไหม้ถึงหลังคาอุโบสถหลังเก่าซึ่งอยู่ใกล้วิหารหลวงพ่อเพ็ชร ได้มีพระภิกษุชรารูปหนึ่งชื่อหลวงตาเฮง กับสามเณรน้อย ได้หลบเข้าไปอยู่ในวิหารหลวงพ่อเพ็ชร และภาวนาให้หลวงพ่อช่วยไม่ให้เกิดอันตราย ความร้อนของไฟทำให้น้ำมนต์ในโอ่งเดือดและแห้งไปเวลาผ่านไปไฟมอดซาลง หลวงตาเฮง และเณรน้อยก็เดินออกมาจากวิหารโดยไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด เป็นที่น่าอัศจรรย์ต่อผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

รูปภาพ

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2013, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




หลวงพ่อเพ็ชร พระคู่บ้านคู่เมือง.jpg
หลวงพ่อเพ็ชร พระคู่บ้านคู่เมือง.jpg [ 132.87 KiB | เปิดดู 4420 ครั้ง ]
หลวงพ่อเพ็ชร วัดท่าถนน Luang Phor Phet


หลวงพ่อเพ็ชร ประดิษฐานอยู่ที่วัดท่าถนน (วัดวังเตาหม้อ) ตรงข้ามสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ หลวงพ่อเพ็ชรเป็นพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร ศิลปะเชียงแสน มีขนาดหน้าตักกว้าง 32 นิ้ว ในปี พ.ศ. 2436 หลวงพ่อด้วง เจ้าอาวาสวัดหมอนไม้ ขณะเดินทางกลับจากรับนิมนต์ไปทำบรรพชาที่วัดสว่างอารมณ์ ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ได้ผ่านวัดสะแกซึ่งเป็นวัดร้าง พบเนินดินเป็นจอมปลวกขนาดใหญ่ มีเกศพระพุทธรูปโผล่ขึ้นมา เมื่อขุดดูพบว่าเป็นพระพุทธรูปสำริดที่มีพุทธลักษณะงดงาม จึงนำมาประดิษฐานไว้ที่วัดท่าถนน มีผู้คนมากราบไหว้บูชาเป็นจำนวนมากประกอบกับเป็นพระพุทธรูปที่ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร จึงเรียกกันว่า หลวงพ่อเพ็ชร

This is a brass-tin alloy Mara Vichai Buddha in a diamond lotus position with a 32 inch base. It is Chiangsaen craftsman ship. In 1893 Luang Phor Dung, the abbot of Mon Mai Temple attended an ordination at Sawang Arom Temple, Tambon Phailom, Lablae District. On his way back he passed a deserted temple named Sagae. He noticed a termite mound with a Buddha’s top sticking out. He had the place excavated and found a beautiful brass-tin alloy Buddha effigy. He then had this Buddha enshrined at Tha Thanon Temple (Wang Tao Moh Temple). Now this temple is opposite to Uttaradit Railway Station. Many worshippers named this effigy Luang Phor Phet which means the Buddha in Diamond Lotus Position.

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2013, 22:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




หลวงพ่อเพ็ชร 2.jpg
หลวงพ่อเพ็ชร 2.jpg [ 98.21 KiB | เปิดดู 4418 ครั้ง ]
ดังนั้น หลวงพ่อเพ็ชรพระพุทธรูปองค์นี้ จึงนับเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของจังหวัด อุตรดิตถ์ ปัจจุบันนี้มีผู้เข้ากราบนมัสการทุกวันมิได้ขาดตลอดทั้งวันแม้ใบเซียมซี เสี่ยงทายในวิหารก็มีผู้นิยมว่าแม่นยำเป็นส่วนมาก ตู้รับบริจาคเงินจากผู้ศรัทธาในวิหารวันละเป็นเงินไม่น้อย ถ้าเป็นฤดูเทศกาลต่างๆ ยิ่งมากกว่าวันธรรมดา เวลานี้ทางวัดเปิดให้ผู้เข้านมัสการ เริ่มตั้งแต่ ๖ โมงเช้า และปิดเวลา ๖ โมงเย็นเป็นประจำทุกวัน



:b8: ขอขอบพระคุณที่มาของข้อมูลและรูปภาพ
จากหนังสือประวัติหลวงพ่อเพ็ชร โดยนายวิบูลย์ บูรณารมย์ และคณะ
http://www.uttaradit.go.th/tour/web/mueang.html

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2013, 11:25 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอโมทนาค่ะ ชมรูปภาพ อ่านประวัติองค์พระประธานแล้วเกิดปีติคะ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2013, 07:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 14:07
โพสต์: 278


 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านประวัติหลวงพ่อเพชร ทั้ง

:b44: หลวงพ่อเพ็ชร วัดท่าถนน พระพุทธรูปคู่เมืองอุตรดิตถ์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=46296

:b44: หลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง จ.พิจิตร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19301

องค์พระช่างงดงามและศักดิ์สิทธิ์ กราบๆๆเจ้าค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร