วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 20:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2012, 15:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ธ.ค. 2011, 11:12
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


ประวัติวัดศุขเกษมธรรมิการาม

ตำบลเทวราช อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง

ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พ.ศ. ๒๔๒๐ พระอาจารย์ทองสุข จากวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ร่วมกับพุทธศาสนิกชน ชาวจังหวัดอ่างทอง ได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากแม่น้ำ ประมาณ ๓ เส้น (120 เมตร) ในเขตบ้านลาว หมู่ 1 ตำบลเทวราช (โตนด) อำเภอไชโย ตั้งชื่อว่า วัดสุขเกษม แล้วพระอาจารย์ทองสุขก็ได้อยู่ครองเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดสุขเกษมสืบมา วัดสุขเกษมจึงเป็นวัดธรรมยุตวัดแรก ของจังหวัดอ่างทอง

มีเจ้าอาวาสสืบต่อมาอีก ๓ รูป ต่อด้วยพระอาจารย์แหวน เจ้าอาวาสรูปที่ ๕ เห็นว่าวัดสุขเกษมอยู่ในที่ลุ่มริมแม่น้ำ นับวันน้ำก็กัดเซาะเข้าไปเป็นลำดับ ด้วยเหตุดังกล่าวนั้นจึงได้ปรึกษา พระมหารัตน์ วัดเทพศิรินทราวาส จังหวัดพระนคร (กรุงเทพมหานคร) ถึงความทรุดโทรมของวัด และประกอบกับบริเวณวัดถูกน้ำเซาะ นับวันเวลามีแต่จะเสียหายหักพังเรื่อยไป ถ้าปล่อยทิ้งไว้ให้อยู่ในสภาพเช่นนั้นต่อไป บริเวณวัดจะถูกน้ำเซาะหายไป จึงได้นำคำปรารภและเหตุที่ประสบมาปรึกษายังท่านพระครูศรีจันทรคุณ (ศรีจันทร์) เจ้าอาวาสวัดนรนาถสุนทริการาม จังหวัดพระนคร เมื่อท่านพระครูศรีจันทรคุณ ได้ทราบจึงพิจารณาเห็นว่าในอนาคตต่อไป ปูชนียสถานอันเป็นที่บำเพ็ญกุศลของทายกทายิกาทั้งหลายคงจะถูกทำลายลงไป จึงปรึกษากับทายกทายิกาซึ่งเป็นชาวบ้านนั้น ได้ผลสรุปว่าจำเป็นต้องย้ายวัด

จึงได้ย้ายเสนาสนะต่าง ๆ มาสร้างขึ้นใหม่ในพื้นที่ ที่เป็นวัดร้างชื่อวัดโบสถ์ เดิมมีพระพุทธรูป ๓ องค์ปรากฎเป็นหลักฐาน ได้ขออาราธนานำไปประดิษฐาน ณ วัดปราสาท ๑ องค์ วัดเยื้อง ๑ องค์คือหลวงพ่อหิน คงอยู่เดิม ๑ องค์คือหลวงพ่อขาว และสถูปเจดีย์ ห่างจากที่ตั้งเดิมราว ๘ เส้นเศษ (๓๒๐ เมตร) ในเนื้อที่ประมาณ ๓๔ ไร่เศษ ซึ่งได้รับบริจาคจากทายกทายิกามาบางส่วน ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ วันที่ ๒๑ กันยายน รัตนโกสินทรศก ๑๓๘ พระพุทธศาสนกาล ๒๔๖๓ ก็ได้เริ่มลงมือสร้างอุโบสถขึ้นหลังหนึ่ง ยาว ๗ วา ๒ ศอก กว้าง ๔ วา ๓ ศอก และพระประธาน ๑ องค์ ขนานนามว่า หลวงพ่อศรีสุข หน้าตักกว้าง ประมาณ ๓ ศอก สูงประมาณ ๓ ศอก ๑ คืบ พร้อมด้วยพระอัครสาวกซ้าย - ขวา สำหรับประดิษฐานไว้ ณ อุโบสถหลังนี้

การสร้างอุโบสถนี้เริ่มลงมือสร้างตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๖ ถึง พ.ศ. ๒๔๙๐ สิ้นเวลา ๒๔ ปีพอดี ในการก่อสร้างอุโบสถหลังนี้ได้สิ้นทุนทรัพย์ใช้จ่ายไปประมาณ สองหมื่นบาทเศษ และได้จัดงานฉลองสมโภชขึ้นเป็นงานมโหฬาร เริ่มตั้งแต่ ๑๙-๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๙๓ รวม ๕ วัน ๕ คืน และในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดศุขเกษมธรรมิการาม

ต่อมา พระครูเกษมสุขวัฒณ์ เจ้าอาวาสวัด พิจารณาเห็นว่าศาลาการเปรียญในรูปแบบไม้ทรุดโทรม ได้มีการสร้างใหม่ในรูปแบบครึ่งตึกครึ่งไม้ พร้อมสร้างหอสวดมนต์

ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๓ พระครูเกษมธรรมพิทักษ์ เจ้าอาวาสวัด (บัดนี้ได้ลาสิกขาแล้ว) ได้บูรณปฏิสังขรณ์อุโบสถและกุฏิ พร้อมทั้งสร้างกำแพงและซุ้มประตู้ทางเข้าวัดด้วยอิฐมอญขนาดใหญ่ แบบสมัยกรุงศรีอยุธยา ดังที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร