ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
พระศรีศากยมุนี วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=38542 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 13 มิ.ย. 2011, 08:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระศรีศากยมุนี วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ |
ไหว้พระประธาน ๗๗ จังหวัด พระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร “พระศรีศากยมุนี” เป็นองค์พระประธานในพระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ ชนิดราชวรมหาวิหาร ฝ่ายมหานิกาย อันเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๘ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ นับเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยสำริดที่ใหญ่กว่าพระพุทธรูปหล่อองค์อื่นๆ ชึ่งปรากฏในประเทศไทย ในยุคก่อน ๒๕ พุทธศตวรรษ เดิมเป็นพระประธานอยู่ในพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย มีพระพุทธลักษณะงดงาม สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๖.๒๕ เมตร (หรือ ๓ วา ๑ คืบ) มี ศิลาจารึกวัดป่ามะม่วง กล่าวอ้างถึงว่า พระมหาธรรมราชาลิไท กษัตริย์ราชวงศ์พระร่วง (พ.ศ. ๑๘๙๐-๑๙๑๙ ปีครองราชย์) แห่งกรุงสุโขทัย โปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้น และทำการฉลองในปีพุทธศักราช ๑๙๑๔ ข้อความในศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงเป็นหลักฐานของข้อสันนิษฐาน ที่ว่าพระศรีศากยมุนีสร้างขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัย ตอนหนึ่งมีว่า “...กลางเมืองสุโขทัยนี้มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารศ มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม มีพิหารอันใหญ่ มีพิหารอันราม...” ซึ่งหมายถึงพระศรีศากยมุนีในวัดมหาธาตุซึ่งเป็นที่ประดิษฐานเดิมนั่นเอง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงเห็นว่าถ้าทิ้งไว้ที่เดิมก็จะต้องตากแดด ตากฝน ทำให้ชำรุด จึงให้อัญเชิญมายังกรุงเทพฯ โดยทรงมีพระราชดำริจะสร้างพระอาราม ที่มีพระวิหารใหญ่อย่างวัดพนัญเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยประดิษฐานไว้กลางพระนคร เมื่อชลอพระศรีศากยมุนีมาถึงกรุงเทพฯ แล้วให้ประทับท่าสมโภช ๗ วัน แล้วจึงทรงชักเลื่อนองค์พระทางสถลมารค และพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินตามขบวนแห่พระ ในรัชสมัยของพระองค์ทำได้เพียงอัญเชิญองค์พระขึ้นตั้งไว้ สำหรับตัว “พระวิหารหลวง” นั้นได้ลงมือก่อสร้างขึ้น ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ พระพุทธลักษณะพระศรีศากยมุนีเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ขวาอยู่ในท่าปางมารวิชัย และพระหัตถ์ช้ายหงายวางบนพระเพลา ครองจีวรห่มเฉียงชายสังฆาฏิยาวลงมาถึงระดับพระนาภี มีปลายเป็นสองแฉกเขี้ยวตะขาบ ลักษณะพระองค์ค่อนข้างสั้น บั้นพระองค์เล็ก พระอังสาใหญ่ หัวพระถันโปน ลักษณะพระพักตร์และพระเศียรที่ปรากฏ คือพระรัศมีเป็นเปลวสูงตั้งอยู่บนพระอุษณีษะ รูปมะนาวตัด เส้นพระศกขมวดเล็กแบบก้นหอย พระพักตร์รูปไข่เกือบกลม พระขนงโก่งแยกออกจากกัน ระหว่างพระขนงมีพระอุณาโลมคั่นอยู่ พระนาสิกงุ้มพระโอฐอมยิ้มเล็กน้อย พระหนุกลม พระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารหลวง “พระหัตถ์ขวา” ของพระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารหลวง “ภาพศิลาสลัก” ด้านหลังฐานชุกชีพระศรีศากยมุนี ในกรอบลายใบเทศ พระศรีศากยมุนีประดิษฐานบนฐานชุกชีแบบฐานลายแข้งสิงห์ ตลอดทั้งฐานชุกชีประดับลายปูนปั้น เป็นลายดอก ลายเถา ลายเทศ ปิดทองคำเปลวประดับกระจกสีทั้งหลัง ตรงใต้ฐานพระศรีศากยมุนีที่ผ้าทิพย์ได้บรรจุ พระบรมราชสรีรางคาร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ ส่วนด้านหลังบัลลังก์พระศรีศากยมุนีมีแผ่นศิลาสลัก เป็นศิลปะแบบทวารวดี เป็นรูปสลักปิดทอง ปางยมกปาฏิหาริย์ และปางประทานเทศนาในสวรรค์ เป็นของเก่าและหาดูได้ยาก กล่าวได้ว่าเป็นงานศิลปะที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร ญาณสุนฺทโร ป.ธ. ๕) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร ได้กล่าวว่า “พระศรีศากยมุนี เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยสำริดที่ใหญ่ที่สุดในสมัยสุโขทัย มีความงามอย่างน่าอัศจรรย์ ต่อเมื่อผู้ใดมีความทุกข์ใจ หากได้มากราบไหว้ และมองพระพักตร์แล้ว ความทุกข์ของคนนั้นจะปลาสนาการสิ้นไป เกิดเป็นความสุขอย่างน่าอัศจรรย์ ข้อนี้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายจะสามารถสัมผัสได้ด้วยตนเอง” ด้านหลังฐานชุกชีพระศรีศากยมุนี จะมี ภาพศิลาสลัก ติดประดับอยู่ (หรือด้านหลังบัลลังก์พระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารหลวง) เป็นภาพสลักนูนต่ำปิดทอง ขนาดสูง ๒.๔๐ เมตร กว้าง ๐.๙๕ เมตร อยู่ในกรอบลายใบเทศ ปิดทองประดับกระจกทั้ง ๔ ด้าน ภาพศิลาสลักแผ่นนี้นับเป็นศิลปกรรมชิ้นเอกของวัดชิ้นหนึ่ง มีอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓ ศิลปะสมัยทวารวดี สันนิษฐานว่าอาจย้ายมาจากจังหวัดนครปฐม การสลักแบ่งภาพพระพุทธประวัติเป็น ๒ ตอน คือปางยมกปาฏิหาริย์ และปางเทศนาโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ภาพตอนล่างเป็น ภาพพระพุทธประวัติ ปางยมกปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นภาพที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ตรงกลาง มีพระอินทร์และพระพรหม ยืนถือแส้อยู่ทั้งสองข้าง ใต้เบื้องพระยุคลบาทพระพุทธเจ้า มีดอกบัวขนาดใหญ่รองรับ ดอกบัวนี้ประคองอยู่โดยพระยานาคซึ่งมีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่มีเศียร เป็นนาค ๗ เคียรแผ่พังพานอยู่เบื้องหลัง พระยานาคนี้สมมติว่าอยู่ใต้บาดาลอันเป็นสถานที่ รองรับก้านบัวชึ่งเป็นแกนของมนุษยโลก ใต้บัลลังก์ด้านหนึ่งของพระองค์มีบรรดาเจ้านาย ซึ่งเสด็จมาแสดงความชื่นชมในปาฏิหาริย์ของพระพุทธองค์ และอีกด้านหนึ่งก็คือนักบวชที่พ่ายแพ้ นักบวชเหล่านี้ก็คือพวกดาบสเปลือยกายและดาบสเกล้าผมสูง ชึ่งไม่อาจจะต่อสู้กับอิทธิปาฎิหาริย์ของพระพุทธองค์ได้ เหนือนั้นขื้นไปมีเหล่าเทวดากำลังประนมหัตถ์ แสดงคารวะต่อพระพุทธองค์อยู่ด้วยความเคารพ เบื้องหลังบัลลังค์ คือ ต้นมะม่วงที่เกิดจากปาฏิหาริย์ มีกิ่งก้านรองรับพระพุทธรูปปางต่างๆ พระพุทธรูปเหล่านี้แสดงปางด้วยพระหัตถ์ขวาหรือพระหัตถ์ซ้าย เพื่อให้ได้สัดส่วนกันเป็นคู่ๆ ภาพตอนบนขึ้นไปเป็น ภาพพระพุทธประวัติ ปางเทศนาโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นภาพที่พระพุทธเจ้ากำลังประทับบนบัลลังก์ในสวรรค์ มีพระอินทร์และพระพรหม ยืนถือแส้อยู่ทั้งสองข้าง เบื้องหลังทางด้านขวาของพระพุทธองค์ พระพุทธมารดากำลังประทับอยู่ แวดล้อมด้วยเทวดาองค์อื่นๆ จากสวรรค์ชั้นต่างๆ มาชุมนุมกัน เพื่อฟังพุทธองค์ทรงแสดงธรรมแด่พระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารหลวง พระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม ด้านหน้า “พระวิหารหลวง” วัดสุทัศนเทพวราราม มี “เก๋งจีน” ประดับอยู่ที่ลานประทักษิณชั้นล่าง คัดลอกเนื้อหาบางตอนมาจาก :: วัดประจำรัชกาลที่ ๘ : วัดสุทัศนเทพวราราม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19319 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |