19892.แปลกอัศจรรย์ “ภูทอก” พระอาจารย์จวนสร้างได้อย่างไร ?

webmaster

ภาพถ่ายจากเครื่องบิน จะมองเห็นแต่ละชั้นสวยงดงามมาก

รูปภาพ

นี่หละหนา ที่เขาเปรียบเสมือน สรวงสวรรค์เจ็ดชั้น ภูทอก

webmaster

อีกมุมหนึ่งเมื่อมองลงมาจากภูทอก ชั้นที่ 6 ถ้าท้องฟ้าโปร่งโล่งอาจจะมองไกลไปถึงฝั่งลาวเลย ตอนกลางคืน ท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยดาวเมื่อมองจากชั้น 5 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับไปนั่งสมาธิ

ชั้น 5 จะมีศาลาใหญ่ ภายในมีพระพุทธรูป
ชั้น 5 และชั้น 6 มีทางเดินรอบเขา
ชั้น 7 จะใกล้ยอดเขา เป็นป่าสมุนไพร

ท่านใดอยากจะไปจริงๆ ต้องเตรียมตัวหน่อยนะ เพราะทางที่ไปเนี่ยป้ายบอกแทบไม่มีเลย อาจจะหลงอยู่ตั้งหลายทีกว่าจะถึง การเดินขึ้นสู่ยอดภูทอกมีทั้งหมด 7 ชั้น จะมีทั้งบันไดเดินขึ้นและสะพานเดินรอบเขา ผสมกันไป คิดว่าถ้าไปควรไปถึงเช้าๆ จะได้ไม่ร้อน อีกอย่างอากาศตอนเช้าน่าจะดีมากๆ เลย และถ้าเป็นไปได้ถ้าได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูทอกอาจจะเป็นอีกที่พระอาทิตย์ขึ้นสวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง

.....................................................

วัดเจติยาศีรีวิหาร (ภูทอก) สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2483 โดยการนำพาของ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ซึ่งได้มาบำเพ็ญเพียรสมณธรรมอยู่ที่ภูวัว อ.เซกา จ.หนองคาย คืนหนึ่งได้เกิดนิมิตขึ้นเห็นปราสาท 2 หลัง ลักษณะสวยงามมากอยู่ทางด้านภูทอกน้อย ดังนั้น พระอาจารย์จวน จึงได้เดินทางมาพิสูจน์ตามที่เกิดนิมิต และได้พบลักษณะภูมิประเทศที่สวยงานร่มรื่น เหมาะที่จะปฏิบัติธรรม จึงได้สำรวจและปักกรดอยู่ที่ถ้ำบนภูทอก กับ พระครูศริธรรมวัฒน์ ต่อมาศรัทธาญาติโยมชาวบ้านคำแคน เห็นว่าพระอาจารย์จวนธุดงค์มาอยู่ที่ภูทอก จึงพร้อมใจกันอาราธนาให้สร้างวัดขึ้นที่ภูทอกแห่งนี้

ในปีพุทธศักราช 2512 ชาวบ้านนาคำแคนได้มาช่วยกันสร้างบันไดขึ้นภูทอก จนถึงชั้นที่ 5-6 และได้ปลูกสร้างเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์อยู่ถึง 2 เดือน 10 วัน จึงแล้วเสร็จ

ในปีพุทธศักราช 2513-2514 พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้ชักชวนชาวบ้านสร้างทำนบกั้นน้ำขึ้น 2 แห่ง เพื่อใช้เก็บกักน้ำและจัดระบบน้ำประปาขึ้นภายในวัดภูทอก

นอกจากนั้น กองทัพอากาศดอนเมืองได้ถวายเครื่องไฟฟ้าแรงสูง สำหรับใช้ภายในวัด 1 เครื่อง กรมวิเทศสหการได้ถวายพระพุทธรูปหล่อขนาดใหญ่เป็นประธาน 1 องค์ ไว้ที่วิหารชั้น 5 และบรรดาญาติโยมได้ช่วยกันสมทบทุนสร้างโรงฉัน และศาลาที่ชั้น 1 หลัง พร้อมกับก่อสร้างสะพานลอยฟ้าไปรอบๆ ภูทอกในชั้นที่ 5 และชั้นที่ 6 และได้สร้างสถานที่บำเพ็ญเพียรภาวนาแทรกไว้ตามจุดต่างๆ โดยรอบหน้าผา สิ้นค่าก่อสร้าง 45,000 บาท

ซึ่งการก่อสร้างเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเป็นการเจาะหินทำนั่งร้านด้วยไม้เนื้อแข็ง 2 ท่อน ผูกติดกับเสาที่ปักไม้เท้าแขนลงไปแล้วจึงพาดไม้กระดานเป็นสะพานที่ละช่วงๆ ละประมาณ 1 เมตรเศษ ระหว่างคานจะมีคานรองรับอีกชั้นหนึ่ง จึงทำให้สะพานแข็งแรงมาก นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นอย่างยิ่ง และเมื่อวันที่ 27 เมษายน พุทธศักราช 2523 พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้รับนิมนต์ไปกรุงเทพฯ และได้ประสพอุบัติเหตุเครื่องบินตก ถึงแก่มรณภาพ สิริรวมอายุได้ 59 ปี 9 เดือน 18 วัน พรรษา 38

ปีพุทธศักราช 2513 ได้ปรับปรุงการสร้างสะพานในชั้นที่ 5 โดยทำทางเดินให้เสมอกันและขยายให้กว้างขึ้น

ปีพุทธศักราช 2517 ได้ปรับปรุงสะพานในชั้นที่ 6 และทำสะพานในชั้นที่ 4 ให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดี

ปีพุทธศักราช 2519 ได้จัดทำนบกั้นน้ำในเขตวัดและจัดทำถังน้ำบนภูเขาในชั้นที่ 5 และกุฎิพระภิกษุ สามเณร กุฎิแม่ชี บนชะง่อนเขาในชั้นที่ 5 เพื่อให้ญาติโยมได้พักอาศัยด้วย

ปีพุทธศักราช 2523 ได้จัดทำถนนรอบภูเขา 3 ลูก คือ ภูทอกน้อย ภูทอกใหญ่ และภูสิงห์น้อย เพื่อ เป็นการกั้นเขตแดนวัด

ศักยภาพด้านการท่องเที่ยว วัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก) อยู่ห่างจากตัวจังหวัดหนองคาย 186 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงจังหวัด หมายเลข 212 หนองคาย-บึงกาฬ-ศรีวิไล เป็นสถานที่จัดการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2525 และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดหนองคาย ที่มีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

นอกจากนั้นยังมีเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กประดับด้วยหินอ่อนขนาดกว้าง 16 เมตร สูง 31 เมตร สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2529

webmaster

ทางเข้าหรือทางขึ้นไปชั้นที่ 1

รูปภาพ

ชั้นที่ 1 แหม๋มองเห็นเด็กน้อยนั่งพัก
คงจะเหนื่อยมากเลย แฮ่ๆๆๆ แล้วชั้นต่อไปจะไหวไหมเนี๊ย.....

กรุณาอย่าทิ้งขยะ และอย่าส่งเสียงดังเป็นอันขาด
เพราะว่าพระภิกษุสามเณร ท่านนั่งภาวนาตรงหลืบผา โปรดอยู่ในความสงบ
เขตที่ติดป้ายว่า “เขตพระเณรห้ามเข้าเด็ดขาด” ก็โปรดอย่าฝืนเข้าไป

webmaster

ชั้นที่ 2 ของวัดภูทอก เป็นบันไดขั้น ขึ้นไปยัง ชั้นที่ 3 ระหว่างทางจะสังเกตเห็นดอกไม้ป่า และพวกจำปา จำปี ขึ้นแน่นเรียงราย ตลอดทางเดิน ร่มรื่นมากเลย แทบไม่มีแสงอาทิตย์ส่องลงมาถึงพื้นเลย อากาศก็เย็นสบายมาก เหมือนอยู่ห้องแอร์เลยทีเดียว

รูปภาพ

ตรงนี้ทางลัดไป ชั้นที่ 4 และชั้นที่ 5 สำหรับคนที่กลัวความสูง ต้องลงมาทางนี้เพื่อไปชั้นที่ 4 และชั้นที่ 5 ถ้าใครกลัวไม่กล้าไต่ไปตามสะพามไม้ ก็ให้มาเดินตรงนี้ขึ้นไปชั้นที่ 7 ก็ได้ (สำหรับคนที่กลัวความสูง) จะเห็นว่าเป็นอุโมงค์ให้ลอดไปตามผนังถ้ำ ชั้นนี้บันไดทำด้วยหินทั้งหมด

webmaster

เดินมาเดินมา จะเห็นแคร่สำหรับพระภิกษุที่ต้องการนั่งพัก
ทางนี้เล็ดลอดไปตามหลืบผา ขอให้เดินดีๆ นะ ข้างทางฝั่งซ้ายมือ เป็นเหวหน้าผาสูง

รูปภาพ

บริเวณนี้ชื่อว่า ถ้ำผึ้ง ผึ้เยอะมากๆๆ เลย

รูปภาพ

ตรงจุดนี้ กึ่งชั้นที่ 3 และชั้นที่ 4
จะสังเกตเห็นป้ายลูกศรบอกทางแก่ผู้มาชม ไปชั้นที่ 4 และชั้นที่ 5
และศาลาปฏิบัติธรรม ตลอดจนไปพุทธวิหารพระอาจารย์จวน

รูปภาพ

ข้างบนคือ ศาลาโรงธรรม ตั้งตะหง่านอยู่บนภูทอก

webmaster

ต้นไม้ต้นนี้แปลกมาก ออกดอกสีสวยตลอดปี ไม่ทราบชื่อว่าต้นอะไร

รูปภาพ

ทิวทัศน์อันงดงามของภูทอก

รูปภาพ

จะมีบรรดานักแสวงบุญ หรือนักท่องเที่ยว
เดินทางดูธรรมชาติ แต่ห้ามเข้าเขตสงฆ์โดยเด็ดขาด

รูปภาพ

ใครขึ้นไปถึงจุดหมายปลายทางสุดท้ายแล้ว ก็จะปรากฏเห็นสวรรค์ทันที
คือ ชั้นที่ 7 ชั้นสุดท้าย จะมีทุ่งดอกไม้ชึ่งเป็นหญ้าหลากหลายสีบานสะพรั่งสวยงามมาก
ในบางครั้งบริเวณนี้ซึ่งสูงมาก ก็จะมีหมู่ก้อนเมฆลอยมาชนตัวเรา เราจะรู้สึกว่าเย็นวืบๆๆ สักพัก
(ห้ามนำอาหาร เครื่องดื่มมึนเมาขึ้นมา ห้ามเด็ดขาด เว้นแต่น้ำดื่ม)

webmaster

พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
พ.ศ. ๒๔๖๓-พ.ศ. ๒๕๒๓
วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) หมู่ที่ ๖
บ้านคำแคนพัฒนา ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ

.....................................................

สนใจไปนั่งภาวนาปฏิบัติธรรมได้ที่บนภูทอก ควรสอบถามก่อน ในบางครั้งวัดภูทอกจะปิดห้ามขึ้นก็มี ดังนั้นเราควรสอบถามล่วงหน้าก่อนไป เช่นในฤดูฝน ท่านเจ้าอาวาส หลวงพ่อแยง สุขกาโม ท่านจะห้ามขึ้นโดยเด็ดขาดเพราะกลัวลื่น สาธุครูบาอาจารย์ที่ท่านได้สร้างให้อนุชนรุ่นหลังได้ขึ้นมาชมและมาปฏิบัติธรรม

เคยไปร่วมอกค่ายพัฒนาจิตของชมรมพุทธศาสน์ของมหาวิทยาลัย ที่วัดแห่งนี้ รู้สึกสงบและน่าทึ่งมากๆ เเพราะเป็นลักษณะภูเขา และมีไม้ต่อกันล้อมรอบเพื่อเป็นบันไดสูงขึ้น จนถึงที่สุดของภูเขานั้น มองจากข้างบนลงข้างล่างรู้สึกเสียวๆ มันค่อนข้างสูงเหมือนกัน มหัศจรรย์ใจตรงที่ท่านสร้างได้ยังไง ไม้ๆ หลายชิ้นต่อไปขึ้นไป มีที่จะผุบ้างเวลาเดินต้องระวังเหมือนกัน เพราะป้ายก็ห้ามส่งเสียงดังรบกวน เพราะพระท่านอาจจะนั่งสมาธิอยู่ จะทำให้ได้บาปกันกลับบ้าน และก็ได้พักที่นั่น 1 คืน ก่อนกลับและร่วมทำบุญตอนเช้า ท่านก็เมตตาสอน และบอกว่า “คนเราเดี๋ยวนี้ มันชอบกินขี้กันอยู่ มันก็ยังแย่งขี้กัน ขนมหรือของกินอะไรให้ปลามันเถิด ไม่ต้องเอากลับบ้านนะ” ได้รับฟังตอนแรกก็งง.....หลังมาเริ่มเข้าใจ เสร็จก็กราบลาท่านกลับบ้าน

รูปภาพ

webmaster

แผนที่การเดินทาง

รูปภาพ

แผนที่จังหวัดหนองคาย

เผื่อท่านแวะมากราบนมัสการพระเจดีย์และกราบอัฐิธาตุท่าน
และชมสวรรค์ 7 ชั้น ภูทอก ที่ขึ้นชื่อของหนองคาย และจังหวัดใกล้เคียง
(ก่อนมาต้องไปกราบหลวงพ่อแยง เจ้าอาวาสก่อน)

ขอความกรุณา อย่าบ้วนน้ำลายเด็ดขาด ถือว่าลบหลู่สถานที่ศักสิทธิ์
ผุ้หญิงอย่าใส่กระโปรงเขิน สั้นๆ สายเดี่ยว ห้ามเด็ดขาด
เป็นไรมาไม่รับผิดชอบ และอย่าเอาของพนันสุราขึ้นมา
ไม่เช่นนั้นจะหาว่าไม่เตือน และคนเมากับคนบ้าอย่านำขึ้นด้วยครับ

ด้วยความหวังดี...............(ศิษย์วัดภูทอก)

นำมาจากกระทู้ในบอร์ดเก่า โพสต์โดย คุณวีรยุทธ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13002

อมิตาพุทธ

ชิโนะซึเกะ

น่าอัศจรรย์จริงๆครับ :b8:

ไหว้พระปล่อยปลา

วัดในฝันเลย สวยงามมากมาก
สงสัยตอนวันออกพรรษา หลังดูบั้งไฟพญานาคที่โพนพิสัย
แล้วต้องไปเยือนภูทอกให้ได้สักครั้งในชีวิต

ตักบาตรถามพระ

เป็นที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก ครับ

น้อมเศียรเกล้า

อยากไปภูทอกค่ะ :b8:

เก็บเกี่ยว

ผมเคยฝันเห็นสถานที่นี้ในวัยเด็กแต่ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริงๆ หากมีโอกาสจะไปดูให้สมใจเลย

จักรแก้วรัตนะ

สาธุ อนุโมทนาครับ
ผมได้เคยไปภูทอกกับกลุ่มธรรม ตอนนั้นหลวงพ่อบอกว่า
พุทธวิหาร
เป็นสถานที่สำคัญ อีกประการคือเป็นที่ปรินิพพาน ของพระปัจเจกพุทธเจ้า ครับ
หลวงปู่ขาว อนาลโย ได้แจ้งไว้เช่นนั้นครับ
เป็นที่ที่เหมาะแก่การทำสมาธิภาวนามากครับ

19892.แปลกอัศจรรย์ “ภูทอก” พระอาจารย์จวนสร้างได้อย่างไร ?

ผู้ใช้งานขณะนี้