วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 04:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 07:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 มี.ค. 2005, 04:18
โพสต์: 1877


 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
“พอเข้าประตูโบสถ์ พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที...”
รัชกาลที่ 5 ตรัสถึงพระประธานวัดระฆังฯ



ชมหอไตร ไหว้หลวงพ่อโต กราบพระยิ้ม ที่ “วัดระฆัง”

ใครที่เคยไปตระเวนทัวร์ไหว้พระ 9 วัด มาแล้วก็คงจะมีโอกาสได้ไปวัดระฆังโฆสิตาราม วัดฝั่งธนบุรีริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีคติว่า “ไหว้พระวัดระฆัง มีคนนิยมชมชื่น มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดปี” มาเป็นที่เรียบร้อย และสำหรับเราที่ถือคติว่า “จะไหว้พระวัดเดียวหรือไหว้พระกี่วัดภายในกี่วันก็ไหว้กันไปเถอะ ขอให้ไหว้อย่างตั้งใจก็ได้บุญแล้ว” ทางเราก็ได้มีโอกาสไปไหว้พระที่วัดระฆังมาแล้วเช่นกันเมื่อเร็วๆ นี้เอง

จริงๆ แล้ววัดระฆังนี้ หากมองเผินๆ หลายคนอาจจะบอกว่า ไม่เห็นมีอะไรโดดเด่น ไม่เหมือนวัดพระแก้วที่มีปราสาทราชวังงดงามหลายหลัง ไม่เหมือนวัดอรุณที่มีพระปรางค์ใหญ่โต ไม่เหมือนวัดโพธิ์ที่มีสิ่งที่น่าสนใจเยอะแยะจนดูสามวันก็ไม่หมด

รูปภาพ
“พระประธานยิ้มรับฟ้า”


ใครคิดอย่างนั้นนับว่าคิดผิดเสียแล้ว เพราะวัดระฆังก็มีสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกันนะ ถ้าไม่เชื่อก็ลองตามเรามาสิ แค่นั่งเรือข้ามฟากจากท่าช้างมาก็ถึงแล้ว...

ระหว่างนั่งเรือข้ามฟาก ก็จะขอเท้าความถึงประวัติของวัดระฆังให้ฟังก่อนสักหน่อยก็แล้วกันว่า วัดระฆังโฆสิตารามวรวิหาร หรือ วัดระฆังโฆสิตาราม หรือ วัดระฆัง เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ก่อนหน้านี้มีชื่อเดิมว่าวัดบางหว้าใหญ่ มาเปลี่ยนเป็นวัดระฆังโฆสิตารามในตอนหลัง ก็เพราะในสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 องค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ได้มีการขุดพบระฆังลูกหนึ่งซึ่งมีเสียงไพเราะมาก ซึ่งต่อมารัชกาลที่ 1 ก็ได้นำระฆังลูกนั้นไปไว้ที่วัดพระแก้ว และโปรดให้สร้าง หอระฆัง พร้อมทั้งระฆังอีก 5 ลูกไว้ให้แทน จึงเป็นที่มาของชื่อวัดระฆัง

รูปภาพ
หอระฆังที่รัชกาลที่ 1
ทรงสร้างพระราชทานให้พร้อมกับระฆังอีก 5 ลูก



แต่จริงๆ แล้ววัดนี้ยังเคยมีอีกชื่อหนึ่งว่า วัดราชคัณฑิยาราม ซึ่งเป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระราชทานตั้งให้ แต่คนไม่นิยมเรียก จึงเรียกกันว่าวัดระฆังมาจนถึงบัดนี้ และทำให้ใครๆ มักจะนำเอาระฆังทั้งเล็กใหญ่มาถวายที่วัดนี้เพื่อเป็นการทำบุญอีกด้วย เพราะได้เห็นระฆังเหล่านั้นแขวนเรียงกันอยู่มากมายข้างๆ พระอุโบสถ พอลมพัดมาทีหนึ่งก็ได้ยินเสียงระฆังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ

แต่ว่าถ้าพูดถึงวัดระฆังโฆสิตาราม หรือ วัดระฆัง ขึ้นมา สิ่งหนึ่งที่หลายคนต้องนึกถึงก็คือ หลวงพ่อโต และพระคาถาชินบัญชร เพราะหลวงพ่อโต หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระราชาคณะที่มีชื่อเสียงของวัดนี้ เป็นที่เคารพนับถือของเหล่าพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก และท่านยังเป็นผู้ที่นำเอาบทสวดอันศักดิ์สิทธิ์ที่ตกทอดมาจากลังกามาดัดแปลงแต่งเติมให้สมบูรณ์ขึ้น จนกลายเป็นพระคาถาชินบัญชรที่เราๆ รู้จักกันดี ซึ่งหากผู้ใดสวดเป็นประจำแล้วก็จะเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง

แน่นอนว่า ที่วัดระฆังนี้ต้องมีรูปเคารพของท่านอยู่แน่นอน แต่ก่อนที่จะไปกราบท่าน เราควรจะเข้าไปไหว้พระประธานในโบสถ์กันก่อนเป็นอย่างแรกจะดีกว่า

รูปภาพ
“พระประธานยิ้มรับฟ้า”


สำหรับพระประธานในพระอุโบสถวัดระฆังนี้มีเรื่องเล่ากันว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยตรัสว่า “ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าประตูโบสถ์ พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที...” น่าจะเป็นเพราะพระพักตร์ของพระพุทธรูปที่อ่อนโยนและเมตตา ทำให้เห็นเป็นเช่นนั้น ใครที่อยากรู้ว่า พระประธานยิ้มรับฟ้าเป็นอย่างไร เชิญมาชมได้ที่พระอุโบสถวัดระฆัง

ไหว้พระประธานภายในโบสถ์เสร็จแล้ว ก็ลองเดินชมจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามไม่ใช่เล่น ภาพผนังด้านหน้าพระประธานเป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จจากดาวดึงส์ และภาพเดียรถีย์ท้าแข่งรัศมีกับพระพุทธองค์ ส่วนด้านหลังเป็นภาพพระมาลัยขณะขึ้นไปนมัสการพระมหาจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ผนังด้านข้างเบื้องบนเขียนเป็นรูปเทพชุมนุม ตอนล่างเขียนภาพทศชาติชาดก เมื่อได้ดูภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้แล้วบอกได้เลยว่าใครเป็นคนวาด เพราะบนภาพมีชื่อคนเขียนอยู่เรียบร้อย คือ เสวกโท พระวรรณวาดวิจิตร (ทอง) จารุวิจิตร ซึ่งเป็นจิตรกรเอกในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เขียนขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2465

รูปภาพ
วิหารสมเด็จซึ่งมีรูปหล่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
และพระราชาคณะอีกสองรูปประดิษฐานอยู่



เมื่อออกมาจากพระอุโบสถแล้วจะเห็นว่า ด้านหน้ามีวิหารสองหลังตั้งอยู่ หลังหนึ่งนั้นเป็น พระวิหารสมเด็จพระสังฆราช (สี) ซึ่งเป็นพระสังฆราชองค์แรกของกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนวิหารอีกหลังที่อยู่ตรงกันข้ามติดแอร์เย็นฉ่ำ เป็นวิหารที่ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระราชาคณะของวัดนี้ไว้ 3 องค์ ซึ่งก็คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัด เสนีย์วงศ์) และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร) ซึ่งทั้งสามท่านนี้เป็นพระภิกษุที่มีคนเคารพนับถืออย่างมาก เพราะเห็นมีคนเข้ามาสักการะท่านทั้งสามไม่ขาดสาย โดยมีเครื่องสักการะเป็นดอกไม้ มาลัย และหมากพลูต่างๆ สวดมนต์ท่องคาถาชินบัญชร และเมื่อสวดจบแล้วก็จะปิดทองที่องค์ท่านเป็นอันเสร็จ

ครั้นไหว้รูปหล่อสมเด็จฯ ทั้งสามองค์เสร็จแล้ว ใครจะออกมาทำบุญกับพระประจำวันเกิด และเติมน้ำมันในตะเกียงต่อก็ได้ แต่สำหรับเราแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ตั้งใจไว้ว่าเมื่อมาวัดนี้แล้วจะต้องไปดูให้ได้ นั่นก็คือ “ตำหนักจันทน์” หรือ “หอพระไตรปิฎก” ซึ่งอยู่ทางด้านข้างของพระอุโบสถ ตรงข้ามกับหอระฆัง ดูมีรั้วกั้นเป็นสัดเป็นส่วนซ่อนตัวอยู่ในร่มไม้หนา

รูปภาพ
ตำหนักจันทน์หรือหอพระไตรปิฎก
โบราณสถานที่ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น



ตำหนักจันทน์หรือหอพระไตรปิฎกนี้ เป็นตำหนักไม้แฝด 3 หลัง แต่เดิมเป็นตำหนักและหอประทับนั่งของรัชกาลที่ 1 เมื่อตอนที่ยังเป็นพระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจนอกฝ่ายขวา ในรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสิน แต่เมื่อต้องเสด็จไปตีเมืองโคราชจึงได้รื้อตำหนักนั้นมาถวายวัดระฆัง หรือวัดบางหว้าใหญ่ในขณะนั้น

มองจากด้านนอกเข้าไป สิ่งแรกที่ดูโดดเด่นก็คือซุ้มประตูตรงนอกชานซึ่งแกะสลักเป็นลายดอกไม้ ส่วนบานประตูของหอกลางแกะเป็นลวดลายนกวายุภักษ์และลายกนกเครือเถาสวยงามมาก เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปในตัวตำหนัก ความมืดกะทันหันด้านในทำเอาหน้ามืดไปชั่วขณะ บรรยากาศด้านในเงียบสงบมากจนออกจะวังเวงหน่อยๆ สิ่งแรกที่เห็นเมื่อเข้าไปด้านในก็คือ พระบรมสาทิสลักษณ์ขนาดใหญ่ของรัชกาลที่ 1 ตั้งอยู่ในหอกลาง ส่วนปีกตำหนักด้านซ้ายและขวานั้นมีตู้พระไตรปิฎกเขียนลายรดน้ำปิดทองฝีมืองดงามอยู่ด้านละใบ ตู้นี้เป็นตู้ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 เมื่อครั้งยังทรงพระยศเป็นเจ้าฟ้าฯ ทรงลงพระหัตถ์แกะลายร่วมกับครูช่างอยุธยาด้วยพระองค์เองเสียด้วย

ทั้งนี้ ตำหนักจันทน์หรือหอพระไตรปิฎก ได้มีการซ่อมแซมครั้งใหญ่เมื่อคราวฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี และยังเคยเป็นโบราณสถานที่ได้รับ รางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประจำปี 2530 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ อีกด้วย

รูปภาพ
พระวิหารสมเด็จพระสังฆราช (สี)


กำลังเดินดูอะไรต่ออะไรเพลินๆ ในหอไตร อยู่ดีๆ ก็มีเสียงกลองดังตูมขึ้นมา ทำเอาสะดุ้งเฮือกกล้องแทบจะหลุดมือ แต่เสียงกลองนั้นก็ยังไม่หยุด กลับดังต่อมาอีกเป็นชุด พอเหลือบมองนาฬิกา อ้อ...เวลาเพลนี่เอง เขาถึงได้ตีกลอง แต่กลองเพลเจ้ากรรมนั้นดันมาอยู่ใต้ถุนหอไตรพอดี เสียงมันถึงได้ดังฟังชัดขนาดนั้น ใครที่จะไปชมหอไตรตอนเพลก็อย่าลืมเตรียมใจไว้ก่อนล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะใจหายแว้บได้

ครั้นได้ชมสิ่งที่ต่างๆ ในบริเวณวัดเรียบร้อยแล้ว ก็เดินย้อนกลับมาบริเวณท่าน้ำหน้าวัดอีกครั้ง ซึ่งบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าที่นำเอาสัตว์น้ำต่างๆ เช่น ปลาหลากหลายชนิด หอย เต่า มาไว้ให้ผู้ที่มาทำบุญได้ซื้อไปปล่อยกัน แต่ละร้านก็โฆษณากันไปต่างๆ นานา เช่น ปล่อยปลาสวาย เป็นการปลดปล่อยสิ่งไม่ดีในตัวเรา ปล่อยปลาดำราหู เป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตา ปล่อยปลาทับทิม ช่วยเรื่องความรักได้ สารพัดจะชวนเชื่อกัน จริงๆ แล้วไม่ค่อยอยากจะสนับสนุนการค้าแบบนี้นัก และไม่อยากจะคิดว่าเจ้าปลาพวกนี้ที่เราปล่อยไป มันจะโดนจับมาขายอีกกี่ครั้ง แต่ก็คิดว่า ยังไงก็ตามพวกมันก็ยังโชคดีกว่าตัวอื่นๆ ที่วางขายอยู่ในตลาดหลายเท่า ก็เอาเป็นว่าใครที่อยากทำบุญก็เชิญกันได้ตามศรัทธา

รูปภาพ
บริเวณหน้าวัดมีสัตว์น้ำหลายชนิดให้ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลากัน


วันนี้อิ่มอกอิ่มใจกับการทำบุญไหว้พระ และชมสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ ภายในวัดระฆังจนเต็มที่แล้ว คิดว่าขอลากลับก่อนดีกว่า แต่วันหลังรับรองว่าจะมากราบพระที่วัดระฆังนี้อีกอย่างแน่นอน ก็ติดใจเสียงระฆังที่วัดนี้เข้าแล้วนะสิ...

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

วัดระฆังโฆสิตารามวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ 250 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร การเดินทางสามารถนั่งรถประจำทางสาย 19, 57, 83 หรือนั่งเรือข้ามฟากจากท่าช้างไปยังท่าวัดระฆังได้

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 สิงหาคม 2548 15:23 น.

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร