ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

หลวงพ่อใหญ่ วัดโยธานิมิต จ.จันทบุรี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19273
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  เว็บมาสเตอร์ [ 01 ธ.ค. 2008, 08:08 ]
หัวข้อกระทู้:  หลวงพ่อใหญ่ วัดโยธานิมิต จ.จันทบุรี

รูปภาพ

:b47: :b45: ไหว้พระประธาน ๗๘ จังหวัด

หลวงพ่อใหญ่ หรือ “พระมงคลเทพนิมิต”

พระประธานในอุโบสถ วัดโยธานิมิต
บ้านดอนทราย ตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี


จังหวัดจันทบุรี เป็นเมืองชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก
ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยในแต่ละยุคสมัย
ทั้งสมัยก่อนกรุงธนบุรีและสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ดังปรากฏหลักฐานสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ให้เห็นอยู่จวบจนทุกวันนี้

หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เมื่อครั้งยังเป็นพระยาวชิรปราการ ได้นำกำลังพลประมาณ ๕๐๐ คน
ตีฝ่าวงล้อมพม่าออกทางทิศตะวันออกของกรุงศรีอยุธยาและยึดเมืองจันทบุรี
ไว้เป็นเวลา ๕ เดือน เพื่อเป็นแหล่งสะสมเสบียงอาหารและรี้พล
จากนั้นจึงนำกำลังพลทั้งไทย-จีน จำนวน ๕,๐๐๐ คน
กลับไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยาในปีพุทธศักราช ๒๓๑๐

เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นความภาคภูมิใจของชาวจันทบุรี
สามารถเห็นได้จากที่มีโบราณสถานและอนุสรณ์สถานหลายแห่ง
ที่มีความเกี่ยวข้อง หรือจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึง
พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ในครั้งนั้น

จังหวัดจันทบุรี เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวย
ต่อการปลูกผลไม้หลายชนิด โดยเฉพาะ ทุเรียน เงาะ มังคุด
และพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ เป็นศูนย์กลางธุรกิจ ด้านอัญมณี
และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็นภูเขา
ป่าไม้ น้ำตก ชายทะเล และโบราณสถาน โบราณวัตถุต่างๆ

นอกจากนี้ จังหวัดจันทบุรี ยังมีสถานที่สำคัญที่เป็นศูนย์รวมใจ
แห่งศรัทธาของชาวเมือง คือ วัดโยธานิมิต

“วัดโยธานิมิต” ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ตำบลบางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี
สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระอุโบสถเป็นแบบหลังคาชั้นเดียว
ไม่มีช่อฟ้า ไม่มีใบระกา เป็นลักษณะเฉพาะของอุโบสถ
ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ ซึ่งได้รับอิทธิพลการก่อสร้างมาจากศิลปะแบบจีน

ภายในพระอุโบสถไม่มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง
สภาพปัจจุบัน วัดโยธานิมิต อยู่ในค่ายเนินวง
และอยู่ห่างจากแนวกำแพงประมาณ ๑๐๐ เมตร
เนื้อที่วัดประมาณ ๑ ไร่ โดยมีซากแนวกำแพงรอบวัดก่อด้วยศิลาแลง
สภาพปัจจุบันเหลือแต่แนวกำแพงเป็นบางส่วน

จากแนวกำแพงรอบวัด หลังพระอุโบสถมีเจดีย์สูงประมาณ ๒๐ เมตร
มีกำแพงรอบพระอุโบสถ ก่ออิฐถือเป็นปูนสองชั้น
ชั้นนอก กว้าง ๒๗ เมตร ยาว ๕๕ เมตร สูง ๑.๒๐ เมตร
ชั้นใน กว้าง ๑๘ เมตร ยาว ๒๘ เมตร สูง ๑ เมตร

กำแพงเมืองวัดโยธานิมิต ก่อด้วยศิลาแลงโดยรอบ
ภายในกำแพงวัดมีพระอุโบสถหลังหนึ่งขนาดกว้าง ๕ ห้อง
มีเฉลียงรอบพระประธานในพระอุโบสถ
เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นซึ่งสร้างพร้อมกันกับพระอุโบสถ
หลังพระอุโบสถออกไปมีเจดีย์กลมแบบกังกาอยู่องค์หนึ่ง
สูงประมาณ ๒๐ เมตร พร้อมกับศาลาการเปรียญอยู่หลังหนึ่ง และกุฏิสงฆ์

พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓
ของเจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค)
ระบุว่า
“...ในพุทธศักราช ๒๓๗๗ เมื่อเดือน ๑ โปรดเกล้าฯ
ให้เจ้าพระยาพระคลังเป็นแม่กองสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่เนินวง
ด้วยบ้านราษฎรอยู่ลึกเข้าไปข้างหลักเมือง
เป็นที่ป้องกันครอบครัวพลเมืองได้
แล้วจึงสร้างวัดขึ้นสำหรับเมืองวัด ๑ ชื่อวัดโยธานิมิต...”


เหตุที่สร้างวัดเนื่องจากในครั้งนั้น เมื่อญวณขอเดินทางผ่านประเทศไทย
เพื่อจะไปตีเมืองเขมร รัฐบาลไทยส่งหลวงประดิษฐ์ บุญนาค
นำทัพมาปักหลักที่เมืองจันทบุรี ตรงบริเวณค่ายเนินวงค์ เพื่อขัตตาทัพ

แต่ทหารไทยไม่ได้รบกับต่างชาติ หลวงประดิษฐ์ บุญนาค จึงนำทหารสร้างวัดโยธานิมิต
โดยสร้างพระอุโบสถด้วยชันอ้อยผสมดินศิลาแลง ต่อด้วยฝาผนังเป็นไม้
หลังคามุงกระเบื้องดินเผา มีเสมาทรงเหลี่ยมตั้งทับหลุมลูกนิมิต

ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๕๒๑ คณะกรรมการวัดโยธานิมิต
ได้ก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่แทนพระอุโบสถหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรม
ด้วยการสร้างทับตามรอยเขตขอบเสมาเดิม

ปัจจุบัน วัดโยธานิมิตมี พระครูพินิจธรรมประภาส (พระอาจารย์ต้อม)
เป็นเจ้าอาวาส
วัดโยธานิมิตเป็นหนึ่งใน ๙ วัดของจังหวัดจันทบุรี
ที่กำหนดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ต้อนรับนักท่องเที่ยวมาจากต่างจังหวัดที่มาเยือน
ทางเข้าวัดอยู่ริมถนนท่าแฉลบ ห่างจากเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี
ประมาณ ๔ กิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้พิพิทธภัณฑ์แห่งชาติพาณิชยนาวี

“พระมงคลเทพนิมิต” หรือ “หลวงพ่อใหญ่”
ประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถ วัดโยธานิมิต
ตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมืองของค่ายเนินวง (ค่ายทหารเมืองเก่า)
ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี
เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ พระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ
ปางมารวิชัย (ปางชนะมาร, ปางสะดุ้งมาร)
ขนาดหน้าตักกว้าง ๔ เมตร หล่อด้วยดินศิลาแลงผสมงบน้ำอ้อย


ประชาชนนิยมเข้าสักการะหลวงพ่อใหญ่ เนื่องจากเชื่อว่า
มีเมตตามหานิยม และแคล้วคลาด จึงมีชาวบ้านและบุคคลทั่วไป
เดินทางมากราบไหว้จำนวนมากในแต่ละวัน

เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๒ เกิดเหตุประหลาดไฟฟ้าลัดวงจร
เพลิงลุกไหม้หลวงพ่อใหญ่ เผาไหม้ที่ผ้าอังสะ ที่สวมใส่ในองค์หลวงพ่อใหญ่
ชาวบ้านช่วยกันดับไฟ พอเพลิงสงบ พบว่า
อังสะที่สวมใส่องค์หลวงพ่อใหญ่ไม่มีร่องรอยไฟไหม้เลย

มีลูกศิษย์ได้นำอังสะติดตัวไปหลายคน และประสบความโชคดี ค้าขายดี
บ้างก็มีโชค ตามที่ตั้งจิตอธิษฐานไป และแคล้วคลาดภัยอุบัติเหตุ

หากมีโอกาสไปเยือนเมืองจันทบุรี ขอเชิญไปกราบไหว้
พระมงคลเทพนิมิต หรือหลวงพ่อใหญ่ เพื่อความเป็นสิริมงคลอันดีเทอญ

:b8:


หนังสือไหว้พระประธาน ๗๗ จังหวัด
กองบรรณาธิการข่าวสด สำนักพิมพ์มติชน


ค่ายเนินวง หมู่ 8 บ้านดอนทราย ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี

ประวัติความเป็นมาของวัดโยธานิมิตนั้น มีปรากฎในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 ของเจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) ระบุว่า

“ในพุทธศักราช 2377 เมื่อเดือน 1 โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลังเป็นแม่กองสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่เนินวง ด้วยบ้านราษฎรอยู่ลึกเข้าไปข้างหลักเมือง เป็นที่ป้องกันครอบครัวพลเมืองได้ แล้วจึงสร้างวัดขึ้นสำหรับเมืองวัดหนึ่ง ชื่อวัดโยธานิมิต...”

เหตุที่สร้างวัดเนื่องจากในครั้งนั้น เมื่อญวณขอเดินทางผ่านประเทศไทย เพื่อจะไปตีเมืองเขมร รัฐบาลไทยส่ง หลวงประดิษฐ์ บุญนาค นำทัพมาปักหลักที่เมืองจันทบุรี ตรงบริเวณค่ายเนินวงค์ เพื่อขัตตาทัพ แต่ทหารไทยไม่ได้รบกับต่างชาติ หลวงประดิษฐ์ บุญนาค จึงนำทหารสร้างวัดโยธานิมิต โดยสร้างพระอุโบสถด้วยชันอ้อยผสมดินศิลาแลง ต่อด้วยฝาผนังเป็นไม้ หลังคามุงกระเบื้องดินเผา มีเสมาทรงเหลี่ยมตั้งทับหลุมลูกนิมิต

พระอุโบสถหลังแรกเป็นแบบหลังคาชั้นเดียวไม่มีช่อฟ้า ไม่มีใบระกา เป็นลักษณะเฉพาะของอุโบสถที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งได้รับอิทธิพลการก่อสร้างมาจากศิลปะแบบจีน ด้านหลังพระอุโบสถมีเจดีย์ทรงลังกาเก่าแก่สูงประมาณ 20 เมตร มีกำแพงโบราณรอบพระอุโบสถ และเจดีย์

ต่อมาในปีพุทธศักราช 2511 คณะกรรมการวัดโยธานิมิต ได้ก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่แทนพระอุโบสถหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรม ด้วยการสร้างทับตามรอยเขตขอบเสมาเดิม

ภายในวัดมีพระพุทธรูป “พระมงคลเทพนิมิต” หรือ “หลวงพ่อใหญ่” ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดโยธานิมิต เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่พระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ ปางมารวิชัย (ปางชนะมาร, ปางสะดุ้งมาร) ขนาดหน้าตัก 4 เมตร หล่อด้วยดินศิลาแลงผสมงบน้ำอ้อย ประชาชนนิยมเข้าสักการะหลวงพ่อใหญ่ เนื่องจากเชื่อว่า มีเมตตามหานิยม และแคล้วคลาด จึงมีชาวบ้านและบุคคลทั่วไป เดินทางมากราบไหว้จำนวนมากในแต่ละวัน

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/