วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 23:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2020, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม พระองค์จึงได้ทรงอุปไมยอุปมาเปรียบเทียบอะไรต่ออะไรให้พุทธบริษัททั้งหลายฟังหลายสิ่งหลายอย่าง ดังเช่นทรงเปรียบเทียบไว้ว่า “นาทั้งหลายมีหญ้าเป็นโทษ หมู่สัตว์นี้มีราคะ โทสะ โมหะ เป็นโทษ เพราะฉะนั้นทานที่ให้แก่ผู้ที่สิ้นราคะ โทสะ โมหะ จึงชื่อว่ามีผลมาก”* ลองคิดดูซิ...พระองค์ทรงเปรียบเทียบไว้อย่างนี้น่ะเป็นความจริงไหม เราผู้ฟังเราเห็นตามไหม

นี่ลองพิจารณาดูว่านาทั้งหลายมีอะไรเป็นโทษบาดนิ มันก็มีหญ้าเป็นโทษไม่ใช่หรอ บางทีบางคนอาจะไม่เข้าใจซ้ำเลยว่านาทั้งหลายมีหญ้าเป็นโทษก็ต้องอธิบายอีกทีหนึ่ง คือว่านานั้นน่ะธรรมดาเราต้องปลูกข้าวลงไป เมื่อข้าวเจริญงอกงามขึ้นหญ้ามันก็เจริญขึ้นตามกัน หญ้านั้นมันก็ไปแย่งกินอาหารข้าว ข้าวนั้นได้อาหารไปเลี้ยงลำต้นไม่เพียงพอมันก็ไม่งาม มันก็ซูบซีดไปอย่างนี้แหละ เหตุนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่านาทั้งหลายมีหญ้าเป็นโทษนั้นน่ะ นี้ถ้าหากว่าเราไปถอนหญ้านั้นออกเสีย ต้นข้าวนั้นมันก็รากข้าวมันก็หาอาหารหล่อเลี้ยงลำต้นของมันได้เต็มที่เลยเพราะไม่มีหญ้าไปแย่งกินอาหารมัน

อันนี้ฉันใดก็ฉันนั้นแหละ ทานทั้งหลายที่ทายกทายิกาได้ถวายแก่ท่านผู้สิ้นราคะ โทสะ โมหะ จึงชื่อว่ามีผลมาก ถ้าไปให้แก่ท่านผู้หนาแน่นไปด้วยราคะ โทสะ โมหะแล้วไม่มีผลมากเพราะอะไร เพราะเหตุว่าจิตใจของผู้ให้นั้นก็ไม่มีความเลื่อมใสมาก คือไม่มีความเลื่อมใสผู้รับทานเพราะมองเห็นว่าผู้รับทานนั้นเต็มไปด้วยกิเลสอย่างนี้นะ ให้ด้วยความจำใจอย่างนี้นะ ความพอใจในการให้ไม่เต็มที่ อย่างนี้แหละสาเหตุที่อานิสงส์ไม่แรงนะ

ถ้าเรามองเห็นว่าท่านผู้รับทานของเรานั้นน่ะ เออ ท่านผู้นี้นะท่านละราคะ โทสะ โมหะ ได้จริง ในความรู้สึกของเรานะถ้ามันเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาได้แล้วเราก็เต็มใจให้เลย ได้เกิดความเลื่อมใสในใจซ้ำเป็นไร หลังจากที่ให้ไปแล้วก็ดีอกดีใจ อิ่มใจอยู่ไม่รู้หาย เพราะเหตุนั้นมันจึงไม่มีผลมาก


* ตัณหาวรรคที่ ๒๔ เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕
บรรทัดที่ ๑๑๖๒-๑๒๔๓ หน้าที่ ๕๐-๕๓

http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B= ... agebreak=0

:b44: :b44:

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
“อุบายละสังขารรูปนาม”


◇◆ ประวัติ ปฏิปทา คำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ” ◆◇
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689

:b44: ชวนอ่านพระธรรมเทศนาเต็มกัณฑ์เทศน์
“พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=75&t=53080

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร