วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 09:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2014, 14:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)


ขอนิสัย ขอขมา

พระพุทธองค์ทรงบัญญัติให้พระภิกษุใหม่ (๑-๕ พรรษา) ต้องถือนิสัย
คือการอยู่ภายใต้การปกครองควบคุมดูแลของพระอุปัชฌาย์หรืออาจารย์
เพื่ออาศัยให้ท่านช่วยแนะนำสั่งสอน หลวงพ่อ (หลวงพ่อชา สุภทฺโท) เห็นว่าเป็นวิธีที่ดี
ที่สร้างความเคารพความผูกพันฉันบุตรกับบิดาระหว่างศิษย์และอาจารย์
และเป็นข้อย้ำเตือนไม่ให้ภิกษุท่องเที่ยวไปตามอำเภอใจ โดยไม่ยึดถือใครเป็นอาจารย์
ปกติพระภิกษุ สามเณร ขอนิสัยจากครูบาอาจารย์เมื่อได้มาอยู่กับท่านใหม่ๆ
และคณะสงฆ์ทั้งหมดต้องขอนิสัยจากเจ้าอาวาสร่วมกันในวันเข้าพรรษา
และอีกโอกาสหนึ่งก็คือในเมื่อพระอาคันตุกะได้รับอนุญาตเข้าหมู่สงฆ์แล้ว
ในการขอนิสัยนั้นผู้ขอถวายเครื่องสักการะอันประกอบด้วยดอกไม้ธูปเทียน
แล้วกล่าวคำภาษาบาลีเริ่มด้วย อาจริโย เม ภันเต โหหิ
ซึ่งเป็นการแสดงตัวว่าพร้อมที่จะอยู่ในโอวาทและรับฟังคำว่ากล่าวตักเตือนทุกประการ

ต่อไปนี้เป็นโอวาทตอนหนึ่งของหลวงพ่อ ในโอกาสที่มีการขอนิสัย

“พวกท่านทั้งหลายก็เรียกว่าขอนิสัยแล้ว นิสัยก็รับแล้วเข้าใจกันคือขอพึ่ง
อย่างคล้ายๆ เรายังไม่มีที่อยู่หรือที่อยู่เราไม่พออย่างนี้
ความรู้เราก็ยังไม่พอไม่สม เราก็ต้องขออาศัยผู้อื่น ขอคำแนะนำ
ขออะไรหลายๆ อย่าง เหมือนกับเราไปอาศัยเขา
พวกท่านทั้งหลายก็จะมีหน้าที่ที่จะต้องประพฤติปฏิบัติตาม
หรือเอาไปประพฤติปฏิบัติด้วยความเคารพ

ในโอกาสอันใดที่ผมสอนท่าน ในขณะไหนก็ตาม
ให้ท่านทั้งหลายเข้าไปพิจารณาอันนั้น
เป็นหน้าที่ของพวกท่านทั้งหลายจะปฏิบัติเอง
หน้าที่ของผมนี้ก็จะเป็นผู้สงเคราะห์พวกท่านทั้งหลาย
ทั้งวัตถุที่สมควร ทั้งทางธรรมะ ทั้งข้อประพฤติปฏิบัติอะไรๆ ทั้งสิ้นเป็นต้น
มันก็เป็นหน้าที่ของผมเสียแล้วเพราะท่านมาอาศัยผม
ผมก็ต้องอนุเคราะห์พวกท่านทั้งหลายเท่าที่ควรพอสมควร

ดังนั้นตั้งแต่วันนี้ต่อไป จะได้มีความสัมพันธ์กันอย่างอาจารย์กับลูกศิษย์
อาจารย์กับอันเตวาสิก คือเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ ไม่ใช่อุปัชฌาย์
และอาจารย์ก็จะเป็นธรรมาจารย์ด้วยนะ คือให้ธรรมะ ให้ความคิด
ให้ความเห็น ให้ความรู้ ให้ความฉลาด ทุกประการพอสมควร

อันนี้ผมก็ดีใจ จึงมิได้สงสัยโดยประการใด เพราะเห็นว่านิสัยก็ขอแล้ว
ทำอะไรแล้ว ดังนั้นพวกเราทั้งหลายนั้น ให้มีความสัมพันธ์กันอย่างครู
อย่างอาจารย์ต่อไป อย่างพ่อกับลูกมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
ถ้าเช่นนี้ก็เป็นอันเรียกว่า เป็นที่ไว้วางใจกันแล้ว

พระพุทธองค์ท่านสอน พวกเราทั้งหลายนี้ถ้าได้เข้าไปสำนักที่ไหนอะไร
ถ้าหากว่าท่าทีพอสมควรแล้ว วันหนึ่งสองวันก็ตาม เรามีโอกาส
ผมมากราบเรียนท่านอาจารย์ ขออาศัยวันสองวัน คืนสองคืน
อะไรทั้งหลายเหล่านี้ หรือขอนิสัยเลย

แล้วผมก็ขอปวารณาตัวผมไว้ เมื่อผมผิดพลาดประการใด
ทางกาย ทางวาจา อันใดนั้น เมื่อเห็นอะไรที่อากัปกิริยาไม่ดี
จรรยามารยาทไม่เหมาะสมนั้น ผมขอปวารณาท่านอาจารย์ไว้
หรือคณะสงฆ์ทั้งหลาย ให้ช่วยตักเตือนผม ช่วยกรุณาผม
จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง และผมจะเอาไปพินิจพิจารณาตามสมควร
นี่เป็นความดีชอบยิ่งเหลือเกิน

ดังนั้นถ้าหากว่าไม่ทำอย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะเอายังไง
อะไรที่จะพูดให้ฟัง จะพอใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ จะมีอะไรก็ไม่รู้จัก
การปวารณาตัวนี้จึงเป็นของสำคัญประการหนึ่ง
การปวารณาตัวนี้ก็เป็นการแสดงความเคารพอยู่ในตัวนั่นเอง
ทีนี้ผู้ที่รับปวารณาแล้วเช่นผม เป็นต้น ก็สบายใจ
ถ้ามันผิดก็จะพูดได้ ถ้ามันไม่ดีก็จะพูดได้ และมีกำลังใจที่จะแนะนำ
พร่ำสอนพวกท่านทั้งหลายที่มาอยู่ด้วย
ไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยอะไรทั้งนั้น อันนี้ตามภาษาก็เรียกว่า เป็นกันเอง
เรียกว่าก็ยอมรับ คนนี้ก็ยอมถอน เรียกว่า
ทำความเข้าใจกันเป็นอย่างยิ่งในทางพุทธศาสนา
เมื่อเราพากันรู้จักเช่นนี้ ไม่มีความสงสัยอะไรกันแล้ว เราอยู่ด้วยกันไป
เป็นลูกศิษย์ตถาคตด้วยกันทั้งนั้น มันก็ไม่มีเรื่องอะไรมากมาย

เรื่องปฏิบัตินี้เป็นเรื่องที่ยอมรับเท่านั้นแหละครับ
เรายอมรับกัน ยอมรู้กันแล้วมันก็หมดเรื่องกัน ไม่มีอะไรมากเกินไปกว่านี้
ที่เราอยู่ด้วยกันนั้นก็ไม่ได้เคลือบแคลงสงสัย
ถึงแม้ผมจะพูดแรงๆ ไปหน่อยเป็นต้น ผมก็กล้าพูด เพราะว่าผมพูดมุ่งธรรมมุ่งวินัย”


ตามพระวินัยบัญญัติ พระผู้มีอายุพรรษาห้าขึ้นไป
และมีความรู้ในพระธรรมวินัยพอรักษาตัวได้
คือรู้จักอาบัติ รู้จักอาบัติหนักอาบัติเบา รู้ทางออกจากอาบัติ ฯลฯ
พระรูปนั้นไม่จำเป็นต้องขอนิสัย ท่านมีชื่อว่า นิสัยมุตตกะ (ผู้พ้นจากนิสัย)
แต่อย่างไรก็ตามหลวงพ่อเคยอบรมไว้ว่า

“ถึงแม้องค์ใดเป็น นิสัยมุตก์ คือพ้นนิสัยไปแล้ว เป็นต้น
พระที่ท่านสังวรสำรวม เคารพคารวะ ไม่ประมาท
ท่านยังขอนิสัยอยู่เรื่อยไป ก็เหมือนกับพ่อแม่ของเรา
ถึงแม้ว่าเราโตแล้ว หัวหงอกแล้ว เป็นต้น
ก็ยังคงเคารพพ่อเคารพแม่อยู่ตลอดเวลานั่นเอง”


เมื่อพระจะลาไปจากสำนักที่อาศัยอยู่ หรือออกไปธุดงค์
ตามแบบแผนธรรมเนียมที่ดีงาม ต้องมาขอขมาต่อผู้เป็นครูบาอาจารย์
เพื่อเป็นการแสดงอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
ในสิ่งที่อาจได้เคยทำล่วงเกินกันมาทางกาย วาจา ใจ

พระอาจารย์เลี่ยม (หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม) ได้อธิบายถึงเรื่องการขอขมาเอาไว้ว่า

“การขอขมาลาโทษนั้น ปราชญ์ทั้งหลายถือว่าเป็นการลบสิ่งไม่ดีออกจากใจ
ในบางครั้งเราอาจจะประมาทพลาดพลั้ง หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ทำให้เกิดอกุศลจิตขึ้น เมื่ออยากให้สิ่งเหล่านี้ลบเลือนคลี่คลายหายไป
จึงประกอบพิธีนี้ขึ้น เพื่อทำให้เกิดอโหสิกรรม

อันนี้ถือว่าเป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม
เพราะจะได้ไม่มีนิวรณ์ครอบงำ หมดความหวาดระแวงแคลงใจ
ทำให้เกิดความผ่องใส ความสบาย จะอยู่ก็มีความรู้สึกสบาย
จะออกไปก็มีความรู้สึกสบาย การขอขมาโทษจึงเป็นประเพณีที่ดีงาม
แม้แต่พระอริยสาวกท่านก็ยังกระทำกันไม่ขาด
เพื่อเป็นตัวอย่าง เป็นแนวทางแก่กุลบุตรลูกหลาน”


รูปภาพ
พระเทพวชิรญาณ วิ. (หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม)
เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง องค์ปัจจุบัน



:b8: :b8: :b8: จาก : หนังสืออุปลมณี พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี หน้า ๑๖๘-๑๗๐


:b44: “สัทธิวิหาริก” กับ “อันเตวาสิก”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=40263

:b44: ประเพณีการขอขมาคารวะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=30082

:b44: ความเข้าใจเรื่อง ๕ พรรษาของพระบวชใหม่
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=48465


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2014, 23:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


......อนุโมทนาแล้ว...ๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2019, 09:11 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2021, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2022, 10:58 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร