วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 19:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2009, 15:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความแตกต่างระหว่างการอุทิศส่วนกุศลกับการแผ่เมตตา

การอุทิศส่วนกุศล เป็นการให้ส่วนบุญอันเกิดจากการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นต้น ที่ตนได้กระทำให้เกิดขึ้นแล้ว ให้แก่บุคคลผู้ล่วงลับไปแล้วที่ไปเกิดเป็นปรทัตตูปชีวิกเปรต หรือเวมานิกเปรต โดยสภาพธรรมแล้ว ได้แก่อโลภเจตสิก คือความไม่โลภ

การแผ่เมตตา คำว่าเมตตา แปลว่า ธรรมชาติที่เป็นความรัก ความเสน่หา มีลักษณะที่เป็นความปรารถนาดีแก่สัตว์ทั้งหลาย ต้องการให้สัตว์เหล่านั้นมีความสุข ต้องการน้อมเอาประโยชน์เกื้อกูลเข้าไปให้แก่สัตว์ทั้งหลาย โดยสภาะธรรมแล้ว ได้แก่ อโทสะเจตสิก คือธรรมชาติที่เป็นความไม่ผูกโกรธ ไม่พยาบาท

การอุทิศส่วนกุศลเป็นปฏิปักษ์ต่ออิสสา (ความไม่ยินดีในทรัพย์สมบัติหรือคุณความดีของผู้อื่น) และมัจฉริยะ (ความตระหนี่ในสมบัติหรือคุณความดีของตน) ถ้าบุคคลใดยังมีอิสสา หรือมัจฉริยะ การอุทิศส่วนกุศลก็จะเกิดไม่ได้

การแผ่เมตตาเป็นปฏิปักษ์โดยตรงต่อความพยาบาท เมื่อเมตตาเกิดขึ้นเมื่อใด บุคคลนั้นย่อมมีความรัก ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น ความพยาบาทย่อมถูกกำจัดไป

การอุทิศส่วนกุศล จะอุทิศให้ได้เฉพาะแก่บุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ที่ไปเกิดเป็นเปรต บางจำพวกดังที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น

การแผ่เมตตา จะแผ่ให้กับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ เมตตาจะไม่เกิด เพราะการจะน้อมเอาประโยชน์เกื้อกูล เอาความปรารถนาดีไปให้แก่ผู้อื่นจะสำเร็จประโยชน์ก็เฉพาะแก่บุคคลผู้มีชีวิตอยู่เท่านั้น ย่อมไม่สำเร็จประโยชน์แก่บุคคลผู้ล่วงลับไปแล้ว

นอกจากนั้นการแผ่เมตตายังสามารถแผ่ให้กับสัตว์ได้ไม่มีจำกัด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย ดิรัจฉาน มนุษย์ เทวดา ตลอดจนพรหมที่อาศัยอยู่ในภพภูมิทั้ง ๓๑ ภูมิ


การอุทิศส่วนกุศลกับการแผ่เมตตาจึงแตกต่างกันดังกล่าวมานี้.

เปรตที่รับอุทิศส่วนกุศลไม่ได้ คือ....

๑. วันตาสิกเปรต หมายถึงเปรตจำพวกหนึ่งที่อาเจียนของที่กินเข้าไปออกมาหมดทุกครั้งที่ของกินตกถึงท้อง

๒. ขุปปีปาสิกเปรต หมายถึงเปรตจำพวกหนึ่งที่มีแต่ความกระหายน้ำแล้วก็ไม่อาจดื่มเข้าไปได้

๓. นิชฌามตัณหิกเปรต หมายถึงเปรตจำพวกหนึ่งที่มีความอยากแผดเผาร่างกาย มีไฟลุกอยู่ในท้องและออกจากปากตลอดเวลา

เปรตที่รับอุทิศส่วนกุศลได้คือ....

ปรทัตตูปชีวิกเปรต จำพวกเดียวเท่านั้น เพราะปรทัตตูชีวิกเปรต หมายถึงเปรตที่อาศัยบุญของผู้อื่นอุทิศให้เป็นเครื่องเลี้ยงชีพ พวกปรทัตตูชีวิกเปรตเหล่านี้ เมื่อพวกญาติได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ โดยกล่าวว่า "ขอทานนี้แล จงมีแก่ญาติทั้งหลาย ขอญาติทั้งหลายจงมีความสุขเถิด" เมื่อเปรตเหล่านั้นอนุโมทนาบุญที่เขาอุทิศให้นั้น ก็ย่อมอาศัยบุญที่เขาอุทิศให้นั้น ดำรงชีพอยู่ได้

...:b44: :b44: :b44:...

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


แก้ไขล่าสุดโดย ณ มรณา เมื่อ 21 พ.ย. 2009, 15:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2009, 09:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าจะให้ดีต้องทำควบคู่กันเนอะ

^^


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2009, 10:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
การแผ่เมตตา จะแผ่ให้กับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ เมตตาจะไม่เกิด เพราะการจะน้อมเอาประโยชน์เกื้อกูล เอาความปรารถนาดีไปให้แก่ผู้อื่นจะสำเร็จประโยชน์ก็เฉพาะแก่บุคคลผู้มีชีวิตอยู่เท่านั้น ย่อมไม่สำเร็จประโยชน์แก่บุคคลผู้ล่วงลับไปแล้ว

นอกจากนั้นการแผ่เมตตายังสามารถแผ่ให้กับสัตว์ได้ไม่มีจำกัด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย ดิรัจฉาน มนุษย์ เทวดา ตลอดจนพรหมที่อาศัยอยู่ในภพภูมิทั้ง ๓๑ ภูมิ

:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

เรียนปราชญ์ / ผู้มีภูมิธรรมทุกท่านคะ :b8:

ดิฉันอ่านบทความที่ได้คัดลอกมา สองย่อหน้าข้างบนนี้ก็ยังงงๆ อยู่ :b10:
ดูเหมือนจะขัดแย้งกันเองน่ะค่ะ ...แต่ดิฉันก็ปฏิบัติอยู่ทั้งอุทิศกุศลและแผ่เมตตาไม่มีประมาณ
ทำแล้วใจผ่องแผ้ว บุญกุศลก็บังเกิด แต่ผู้ใดจะได้รับหรือไม่อย่างไรนี่ เกินจะหยั่งรู้ได้
(รอ...นิมิต...อยู่ทุกวัน)

อยากรบกวนท่านช่วยอธิบายหน่อยค่ะ :b3:

ขออนุโมทนาสาธุค่ะ :b38: :b41: :b46: :b51: :b53: :b48:

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร