วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 14:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




tue.gif
tue.gif [ 1.54 KiB | เปิดดู 3811 ครั้ง ]
กรรมฐานของคนที่เกิดวันอังคาร

คำนำ
ฟังดูชื่อเรื่องแล้ว บางท่านอาจจะงง มีด้วยหรือ กรรมฐานประจำวันเกิด ? เคยได้ยินแต่กรรมฐานที่เหมาะแก่ จริตต่างๆ…. แต่สำหรับกรรมฐานประจำวันเกิดนั้น ไม่เคยได้ยินจริงๆ แล้ว ในตำรา ท่านก็ไม่ได้ระบุไว้ โดยตรง หรอกครับ เป็นแต่เพียงเห็นว่า ลักษณะจริตนิสัยของคนที่เกิดในแต่ละวันนั้นเราสามารถเอาเรื่องของกรรมฐาน เข้าไปประยุกต์ใช้ได้ เพื่อบั่นทอนลักษณะนิสัยที่ไม่ดี และส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้น ก็จึงได้ รวบรวม เพื่อให้เป็นแนวทางได้ศึกษากัน ถ้าประโยชน์อันใด ที่จะพึงบังเกิดมี จากบทความเรื่องนี้ก็ขอน้อมถวาย เป็นพุทธบูชา และอุทิศประโยชน์นี้ ให้แก่เพื่อนร่วมโลก ทุกรูป ทุกนาม แต่ถ้ามีข้อผิดพลาดบกพร่อง อันใด ก็ต้องขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว

กรรมฐานคืออะไร
ก่อนที่จะว่ากันถึงรายละเอียด ว่ากรรมฐานประจำวันเกิดในแต่ละวันนั้น มีอะไรบ้าง ? เราก็ควรจะได้มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ที่เรียกกันว่า กรรมฐานๆนั้น คืออะไรกันแน่

กรรมฐาน มาจากคำ ๒ คำ คือคำว่า กรรม + ฐาน
กรรม แปลว่า การกระทำก็ได้ หรือแปลว่าการงานก็ได้
ส่วน ฐาน นั้นแปลว่า ที่ตั้ง ฉะนั้น ในเมื่อเอาคำ ๒ คำนี้ มารวมกัน แล้วแปลให้ได้ความ ก็ควรจะแปลว่า อารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งการงาน ทางใจ คือพูดง่ายๆ หางานให้ใจมันทำซะ อย่าปล่อยใจให้ว่างงาน ไม่เช่นนั้น เดี๋ยวมันจะฟุ้งซ่านแล้วนำความรำคาญ มาสู่จิตใจ

กรรมฐานมี ๒ ขั้น
กรรมฐาน หรืองานทางใจนี้ ยังมีถึง ๒ ขั้น
ขั้นแรก เป็นงานทางใจในระดับต้น ที่จะช่วยกวาดล้างอารมณ์ฟุ้งซ่านต่างๆ ให้ออกไปจากใจ ทำใจให้สงบ ประณีต ไปโดยลำดับ ซึ่งมีวิธีการฝึก อยู่หลายอย่าง หลายวิธี ซึ่งจะได้แนะนำกันต่อไป… ขั้นนี้ เราเรียกว่า ขั้นสมถกรรมฐาน หรือ สมาธิ
พอขั้นต่อมาก็เป็นขั้นของการพัฒนาความเห็น ให้ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง.. สิ่งใดไม่เที่ยง ก็เห็นโดย ความจริง ว่าไม่เที่ยง… สิ่งใดเป็นทุกข์ ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ก็เห็นโดยความจริง ว่าเป็นทุกข์….สิ่งใดเป็นอนัตตา บังคับบัญชา ให้เป็นไปอย่างใจไม่ได้ ก็เห็นโดยความจริงว่าเป็นอนัตตา… การเห็นความจริงอย่างนี้ ในทุกสิ่งทุกอย่าง จะทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ( นิพพิทา ) และคืนคลายถ่ายถอน ความยึดมั่นติดใจ ( อุปาทาน ) ในสิ่งทั้งหลายลงได้ และเมื่อนั้นความทุกข์ทางใจ ก็จะมลาย หายไปสิ้น… ขั้นนี้แหละ ที่ท่านเรียกว่า ขั้นของ วิปัสสนากรรมฐาน เอาล่ะเมื่อได้ทราบแล้วว่า กรรมฐานมีถึง ๒ ขั้นอย่างนี้ ทีนี้ก็เข้าสู่ประเด็น สำคัญของเรื่องล่ะ คือคนเกิดวันไหน ควรฝึกกรรมฐานอย่างใด





กรรมฐานของคนที่เกิดวันอังคาร


ก่อนที่จะไปพูดถึงกรรมฐานที่เหมาะกับคนเกิดวันอังคาร เราควรจะได้รู้จักนิสัยใจคอของคนที่เกิดวันอังคารซะก่อนคนที่เกิดวันอังคารนั้น ท่านผู้รู้บอกว่า นิสัยแมวเป็นอย่างไร คนที่เกิดวันอังคาร ก็มีนิสัยดุจเดียวกันอย่างนั้นตามธรรมดา ธรรมชาติของแมว ไม่ว่าชาติใดภาษาใดก็ตาม ท่านลองดูก็ได้ ถ้าท่านดึงมันมาทางซ้าย มันก็พยายาม จะไปทางขวา ถ้าดึงมาทางขวา มันก็ต้องพยายาม ไปในทิศทางตรงกันข้าม คือทางซ้ายให้จงได้หรือไม่เช่นนั้น ลองดึงมาข้างหลัง มันก็พยายาม จะรั้นไปข้างหน้า พูดง่ายๆ คือขอให้ได้ทำ ตรงกันข้าม ก็แล้วกัน…. ทำแล้วสบายใจท่านสังเกตดูเถอะ ถ้าคนในครอบครัวท่าน มีใครก็ตาม เกิดวันอังคาร ท่านลองสังเกตพฤติกรรมของเขาดู ดูๆไป ก็คล้ายๆคนขวางโลก ยังไงยังงั้น ไม่ค่อยสนใจคำสั่งสอนของคนอื่น เชื่อตัวเอง จนกระทั่งบางครั้ง ก็กลายเป็นความดื้อรั้น ทำให้คนรอบข้าง เกิดความเอือมระอาไปตามๆกันฉะนั้น ถ้าใครมีลูกเต้าเกิดวันอังคาร หรือมีลูกน้องเกิดวันอังคาร ก็อยากจะแนะเทคนิคการปกครอง กันไว้สักนิด

คนวันอังคารนี้ ปกติจะเป็นคนดื้อ ถึงแม้จะไม่ใช่ดื้อเปิดเผย แต่ก็เป็นประเภทดื้อเงียบ คือจะว่ายังไง ว่าไปเถอะ คนประเภทนี้ ไม่เถียง แต่ก็ไม่ทำ ในเมื่อเรารู้นิสัยเขาอย่างนี้แล้ว เราอยากจะให้เขาทำยังไง ก็ลองบอกให้เขาทำ ในสิ่งที่ตรงกันข้ามดูซิเช่น คนวันอังคาร ที่ยังอยู่ในวัยเรียน ถ้าเราอยากจะให้เขาอ่านหนังสือ เพื่อเตรียมสอบ ก็ให้ลองพูด ในทางตรงกันข้าม ว่าใกล้สอบแล้ว ไม่ต้องอ่านหนังสือ ก็น่าจะได้กระมัง เขาก็จะบอกขึ้นมาทันทีว่า ไม่ได้หรอก ใกล้สอบแล้ว ต้องอ่าน ไม่เช่นนั้น เดี๋ยวสอบไม่ผ่านแต่ถ้าเราบอกว่า ใกล้สอบแล้ว ให้ไปอ่านหนังสือเดี๋ยวนี้เขาก็จะพูดเบี่ยงบ่าย ว่ายังไม่ต้องรีบหรอก ยังมีเวลา อะไรประมาณนั้นคือขอให้ได้ทำ ในสิ่งที่ตรงกันข้าม กับคนอื่นพูด ก็แล้วกัน… นี่คือคนเกิดวันอังคาร

นอกจากนั้น ตำราทางโหราศาสตร์ ยังได้แสดงลักษณะนิสัย ของดาวอังคารไว้ว่า มีทั้งส่วนดี และส่วนเสียส่วนดีของดาวอังคาร คือความกล้า และความขยันขันแข็ง แต่ส่วนเสีย ก็คือ ความเป็นคนเลือดร้อน หงุดหงิดง่าย และพร้อมที่จะทะเลาะได้ทุกเมื่อนิสัยอันใดดีแล้ว ก็ไม่ต้องแก้ แต่ส่วนใดที่ไม่ค่อยดี ก็ควรแก้ โดยการใช้กรรมฐาน

กรรมฐานสำหรับคนเกิดวันอังคาร
ในเมื่อนิสัยส่วนเสีย ของคนที่เกิดวันอังคาร คือความเป็นคนเลือดร้อน หงุดหงิดง่าย กรรมฐานที่ใช้ จึงควรเป็นกรรมฐาน ที่จะช่วยทำใจให้สงบเย็นกรรมฐานที่ว่านั้น คงไม่มีกรรมฐานหมวดใด ดีเท่ากับ กรรมฐานในหมวดของ พรหม-วิหารพรหมวิหาร 4 คือการแผ่ความรู้สึกที่ดี 4 อย่าง ออกไปรอบๆตัว จนกระทั่งจิตใจเกิดความสงบ และเยือกเย็น ด้วยคุณธรรม ดังกล่าวนั้นความรู้สึกที่ดี 4 อย่างนั้น มีอะไรบ้างล่ะ ?

ความรู้สึกที่ดีอย่างแรก ก็คือ เมตตา ได้แก่ ความรัก ความปรารถนาดี ต่อเพื่อนมนุษย์ โดยเห็นว่า เพื่อนมนุษย์ทุกคน ล้วนเต็มไปด้วยทุกข์ กันคนละมากๆ ฉะนั้น มนุษย์ไม่ควรเบียดเบียนกัน ไม่ควรทำร้ายกัน ควรรัก และควรปรารถนาดีต่อกันให้มากๆ… นี่คือการแผ่เมตตา ซึ่งเป็นพรหมวิหารข้อแรก

ทีนี้ ความรู้สึกที่ดี อย่างที่สอง ก็คือ กรุณา ได้แก่ความสงสารต่อเพื่อนมนุษย์ เห็นใครทุกข์ยาก ก็อดที่จะสงสาร และคิดช่วยเหลือมิได้… นี่คือการแผ่กรุณา ซึ่งเป็นพรหมวิหาร ข้อที่ 2

ความรู้สึกที่ดี อย่างที่สาม ก็คือ มุทิตา ได้แก่ ความพลอยยินดี เมื่อเห็นคนอื่น ได้ดีมีสุข ความรู้สึกในข้อนี้ จะช่วยจัด ความอิจฉาริษยาได้อย่างมาก ฉะนั้น ถ้าใครรู้ตัวว่า มีความอิจฉาริษยาในใจมาก ก็ควรเจริญมุทิตาให้มากๆ เวลาเห็นใครได้ดีมีสุข ก็ให้นึกในใจว่า ดีแล้วล่ะ ขอให้มีความสุขความเจริญ ยิ่งๆขึ้นไปเถิด แล้วจิตใจเราจะสงบเยือกเย็น จากแรงริษยา… นี่คือการแผ่มุทิตา ซึ่งเป็นพรหมวิหารข้อที่ 3

ทีนี้ มาถึงข้อสุดท้าย คือ อุเบกขา ได้แก่ความวางเฉย เรื่องของการแผ่อุเบกขา การที่ท่านวางไว้เป็นข้อสุดท้าย ก็เพื่อเป็นคุณธรรม ที่จะช่วยกั้นใจเรา ไม่ให้เป็นทุกข์ กับเรื่องราวของคนอื่น มากจนเกินไป โดยให้คิดถึงเรื่องกฎแห่งกรรมให้มาก ว่าแต่ละคน ล้วนมีกรรมเป็นของๆตน และเป็นไปตามกรรม ที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้ทั้งสิ้น

ฉะนั้น ในเมื่อเราใช้เมตตาต่อคนอื่น อย่างถึงที่สุดแล้ว ยังช่วยอะไรเขาไม่ได้ ก็ต้องนึกถึงเรื่องกรรม แล้วางอุเบกขาซะ ใจเราก็จะสงบเย็นลงได้และทั้งหมดนี้ ก็คือกรรมฐาน ที่เหมาะสำหรับคนเกิดวันอังคารจะพึงเจริญ



อ้างอิง:www.dhammathai.org

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ...นิสัยบางอย่างก็ไม่ค่อยตรงกับตัวผมง่ะครับ :b12:
'โมทนา ด้วยครับ :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
กรรมฐานของคนที่เกิดวันอังคาร

คำนำ
ฟังดูชื่อเรื่องแล้ว บางท่านอาจจะงง มีด้วยหรือ กรรมฐานประจำวันเกิด ? เคยได้ยินแต่กรรมฐานที่เหมาะแก่ จริตต่างๆ…. แต่สำหรับกรรมฐานประจำวันเกิดนั้น ไม่เคยได้ยินจริงๆ แล้ว ในตำรา ท่านก็ไม่ได้ระบุไว้ โดยตรง หรอกครับ เป็นแต่เพียงเห็นว่า ลักษณะจริตนิสัยของคนที่เกิดในแต่ละวันนั้นเราสามารถเอาเรื่องของกรรมฐาน เข้าไปประยุกต์ใช้ได้ เพื่อบั่นทอนลักษณะนิสัยที่ไม่ดี และส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้น ก็จึงได้ รวบรวม เพื่อให้เป็นแนวทางได้ศึกษากัน ถ้าประโยชน์อันใด ที่จะพึงบังเกิดมี จากบทความเรื่องนี้ก็ขอน้อมถวาย เป็นพุทธบูชา และอุทิศประโยชน์นี้ ให้แก่เพื่อนร่วมโลก ทุกรูป ทุกนาม แต่ถ้ามีข้อผิดพลาดบกพร่อง อันใด ก็ต้องขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว

กรรมฐานคืออะไร
ก่อนที่จะว่ากันถึงรายละเอียด ว่ากรรมฐานประจำวันเกิดในแต่ละวันนั้น มีอะไรบ้าง ? เราก็ควรจะได้มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ที่เรียกกันว่า กรรมฐานๆนั้น คืออะไรกันแน่

กรรมฐาน มาจากคำ ๒ คำ คือคำว่า กรรม + ฐาน
กรรม แปลว่า การกระทำก็ได้ หรือแปลว่าการงานก็ได้
ส่วน ฐาน นั้นแปลว่า ที่ตั้ง ฉะนั้น ในเมื่อเอาคำ ๒ คำนี้ มารวมกัน แล้วแปลให้ได้ความ ก็ควรจะแปลว่า อารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งการงาน ทางใจ คือพูดง่ายๆ หางานให้ใจมันทำซะ อย่าปล่อยใจให้ว่างงาน ไม่เช่นนั้น เดี๋ยวมันจะฟุ้งซ่านแล้วนำความรำคาญ มาสู่จิตใจ

กรรมฐานมี ๒ ขั้น
กรรมฐาน หรืองานทางใจนี้ ยังมีถึง ๒ ขั้น
ขั้นแรก เป็นงานทางใจในระดับต้น ที่จะช่วยกวาดล้างอารมณ์ฟุ้งซ่านต่างๆ ให้ออกไปจากใจ ทำใจให้สงบ ประณีต ไปโดยลำดับ ซึ่งมีวิธีการฝึก อยู่หลายอย่าง หลายวิธี ซึ่งจะได้แนะนำกันต่อไป… ขั้นนี้ เราเรียกว่า ขั้นสมถกรรมฐาน หรือ สมาธิ
พอขั้นต่อมาก็เป็นขั้นของการพัฒนาความเห็น ให้ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง.. สิ่งใดไม่เที่ยง ก็เห็นโดย ความจริง ว่าไม่เที่ยง… สิ่งใดเป็นทุกข์ ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ก็เห็นโดยความจริง ว่าเป็นทุกข์….สิ่งใดเป็นอนัตตา บังคับบัญชา ให้เป็นไปอย่างใจไม่ได้ ก็เห็นโดยความจริงว่าเป็นอนัตตา… การเห็นความจริงอย่างนี้ ในทุกสิ่งทุกอย่าง จะทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ( นิพพิทา ) และคืนคลายถ่ายถอน ความยึดมั่นติดใจ ( อุปาทาน ) ในสิ่งทั้งหลายลงได้ และเมื่อนั้นความทุกข์ทางใจ ก็จะมลาย หายไปสิ้น… ขั้นนี้แหละ ที่ท่านเรียกว่า ขั้นของ วิปัสสนากรรมฐาน เอาล่ะเมื่อได้ทราบแล้วว่า กรรมฐานมีถึง ๒ ขั้นอย่างนี้ ทีนี้ก็เข้าสู่ประเด็น สำคัญของเรื่องล่ะ คือคนเกิดวันไหน ควรฝึกกรรมฐานอย่างใด





กรรมฐานของคนที่เกิดวันอังคาร


ก่อนที่จะไปพูดถึงกรรมฐานที่เหมาะกับคนเกิดวันอังคาร เราควรจะได้รู้จักนิสัยใจคอของคนที่เกิดวันอังคารซะก่อนคนที่เกิดวันอังคารนั้น ท่านผู้รู้บอกว่า นิสัยแมวเป็นอย่างไร คนที่เกิดวันอังคาร ก็มีนิสัยดุจเดียวกันอย่างนั้นตามธรรมดา ธรรมชาติของแมว ไม่ว่าชาติใดภาษาใดก็ตาม ท่านลองดูก็ได้ ถ้าท่านดึงมันมาทางซ้าย มันก็พยายาม จะไปทางขวา ถ้าดึงมาทางขวา มันก็ต้องพยายาม ไปในทิศทางตรงกันข้าม คือทางซ้ายให้จงได้หรือไม่เช่นนั้น ลองดึงมาข้างหลัง มันก็พยายาม จะรั้นไปข้างหน้า พูดง่ายๆ คือขอให้ได้ทำ ตรงกันข้าม ก็แล้วกัน…. ทำแล้วสบายใจท่านสังเกตดูเถอะ ถ้าคนในครอบครัวท่าน มีใครก็ตาม เกิดวันอังคาร ท่านลองสังเกตพฤติกรรมของเขาดู ดูๆไป ก็คล้ายๆคนขวางโลก ยังไงยังงั้น ไม่ค่อยสนใจคำสั่งสอนของคนอื่น เชื่อตัวเอง จนกระทั่งบางครั้ง ก็กลายเป็นความดื้อรั้น ทำให้คนรอบข้าง เกิดความเอือมระอาไปตามๆกันฉะนั้น ถ้าใครมีลูกเต้าเกิดวันอังคาร หรือมีลูกน้องเกิดวันอังคาร ก็อยากจะแนะเทคนิคการปกครอง กันไว้สักนิด

คนวันอังคารนี้ ปกติจะเป็นคนดื้อ ถึงแม้จะไม่ใช่ดื้อเปิดเผย แต่ก็เป็นประเภทดื้อเงียบ คือจะว่ายังไง ว่าไปเถอะ คนประเภทนี้ ไม่เถียง แต่ก็ไม่ทำ ในเมื่อเรารู้นิสัยเขาอย่างนี้แล้ว เราอยากจะให้เขาทำยังไง ก็ลองบอกให้เขาทำ ในสิ่งที่ตรงกันข้ามดูซิเช่น คนวันอังคาร ที่ยังอยู่ในวัยเรียน ถ้าเราอยากจะให้เขาอ่านหนังสือ เพื่อเตรียมสอบ ก็ให้ลองพูด ในทางตรงกันข้าม ว่าใกล้สอบแล้ว ไม่ต้องอ่านหนังสือ ก็น่าจะได้กระมัง เขาก็จะบอกขึ้นมาทันทีว่า ไม่ได้หรอก ใกล้สอบแล้ว ต้องอ่าน ไม่เช่นนั้น เดี๋ยวสอบไม่ผ่านแต่ถ้าเราบอกว่า ใกล้สอบแล้ว ให้ไปอ่านหนังสือเดี๋ยวนี้เขาก็จะพูดเบี่ยงบ่าย ว่ายังไม่ต้องรีบหรอก ยังมีเวลา อะไรประมาณนั้นคือขอให้ได้ทำ ในสิ่งที่ตรงกันข้าม กับคนอื่นพูด ก็แล้วกัน… นี่คือคนเกิดวันอังคาร

นอกจากนั้น ตำราทางโหราศาสตร์ ยังได้แสดงลักษณะนิสัย ของดาวอังคารไว้ว่า มีทั้งส่วนดี และส่วนเสียส่วนดีของดาวอังคาร คือความกล้า และความขยันขันแข็ง แต่ส่วนเสีย ก็คือ ความเป็นคนเลือดร้อน หงุดหงิดง่าย และพร้อมที่จะทะเลาะได้ทุกเมื่อนิสัยอันใดดีแล้ว ก็ไม่ต้องแก้ แต่ส่วนใดที่ไม่ค่อยดี ก็ควรแก้ โดยการใช้กรรมฐาน

กรรมฐานสำหรับคนเกิดวันอังคาร
ในเมื่อนิสัยส่วนเสีย ของคนที่เกิดวันอังคาร คือความเป็นคนเลือดร้อน หงุดหงิดง่าย กรรมฐานที่ใช้ จึงควรเป็นกรรมฐาน ที่จะช่วยทำใจให้สงบเย็นกรรมฐานที่ว่านั้น คงไม่มีกรรมฐานหมวดใด ดีเท่ากับ กรรมฐานในหมวดของ พรหม-วิหารพรหมวิหาร 4 คือการแผ่ความรู้สึกที่ดี 4 อย่าง ออกไปรอบๆตัว จนกระทั่งจิตใจเกิดความสงบ และเยือกเย็น ด้วยคุณธรรม ดังกล่าวนั้นความรู้สึกที่ดี 4 อย่างนั้น มีอะไรบ้างล่ะ ?

ความรู้สึกที่ดีอย่างแรก ก็คือ เมตตา ได้แก่ ความรัก ความปรารถนาดี ต่อเพื่อนมนุษย์ โดยเห็นว่า เพื่อนมนุษย์ทุกคน ล้วนเต็มไปด้วยทุกข์ กันคนละมากๆ ฉะนั้น มนุษย์ไม่ควรเบียดเบียนกัน ไม่ควรทำร้ายกัน ควรรัก และควรปรารถนาดีต่อกันให้มากๆ… นี่คือการแผ่เมตตา ซึ่งเป็นพรหมวิหารข้อแรก

ทีนี้ ความรู้สึกที่ดี อย่างที่สอง ก็คือ กรุณา ได้แก่ความสงสารต่อเพื่อนมนุษย์ เห็นใครทุกข์ยาก ก็อดที่จะสงสาร และคิดช่วยเหลือมิได้… นี่คือการแผ่กรุณา ซึ่งเป็นพรหมวิหาร ข้อที่ 2

ความรู้สึกที่ดี อย่างที่สาม ก็คือ มุทิตา ได้แก่ ความพลอยยินดี เมื่อเห็นคนอื่น ได้ดีมีสุข ความรู้สึกในข้อนี้ จะช่วยจัด ความอิจฉาริษยาได้อย่างมาก ฉะนั้น ถ้าใครรู้ตัวว่า มีความอิจฉาริษยาในใจมาก ก็ควรเจริญมุทิตาให้มากๆ เวลาเห็นใครได้ดีมีสุข ก็ให้นึกในใจว่า ดีแล้วล่ะ ขอให้มีความสุขความเจริญ ยิ่งๆขึ้นไปเถิด แล้วจิตใจเราจะสงบเยือกเย็น จากแรงริษยา… นี่คือการแผ่มุทิตา ซึ่งเป็นพรหมวิหารข้อที่ 3

ทีนี้ มาถึงข้อสุดท้าย คือ อุเบกขา ได้แก่ความวางเฉย เรื่องของการแผ่อุเบกขา การที่ท่านวางไว้เป็นข้อสุดท้าย ก็เพื่อเป็นคุณธรรม ที่จะช่วยกั้นใจเรา ไม่ให้เป็นทุกข์ กับเรื่องราวของคนอื่น มากจนเกินไป โดยให้คิดถึงเรื่องกฎแห่งกรรมให้มาก ว่าแต่ละคน ล้วนมีกรรมเป็นของๆตน และเป็นไปตามกรรม ที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้ทั้งสิ้น

ฉะนั้น ในเมื่อเราใช้เมตตาต่อคนอื่น อย่างถึงที่สุดแล้ว ยังช่วยอะไรเขาไม่ได้ ก็ต้องนึกถึงเรื่องกรรม แล้วางอุเบกขาซะ ใจเราก็จะสงบเย็นลงได้และทั้งหมดนี้ ก็คือกรรมฐาน ที่เหมาะสำหรับคนเกิดวันอังคารจะพึงเจริญ



อ้างอิง:www.dhammathai.org


สาธุ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์
เกิดวันอังคารหรือฮับ :b1:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


อมิตาพุทธ เขียน:
คุณ ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์
เกิดวันอังคารหรือฮับ :b1:



เปล่างับ แค่มาอนุโมทนางับ อิอิ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2008, 09:18
โพสต์: 635

อายุ: 0
ที่อยู่: กองทุกข์

 ข้อมูลส่วนตัว www


โมทนางับ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
"ผู้ที่ฝึกจิต ย่อมนำความสุขมาให้"
คิดเท่าไหรก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงจะรู้

http://www.luangta.com
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2009, 15:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร