วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 67 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 18:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




28.gif
28.gif [ 12.15 KiB | เปิดดู 7602 ครั้ง ]
วันจันทร์ ปางห้ามญาติ

พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในอิริยาบถยืน แบพระหัตถ์ทั้งสองตั้งอยู่ระดับพระอุระ (อก) ยื่นออกไปข้างหน้าเล็กน้อย เป็นกิริยาห้าม เป็นปางเดียวกับปางห้ามสมุทร

(เรียกว่า ปางห้ามญาติบ้าง ปางห้ามสมุทรบ้าง)

ที่มาย่อๆ

มีแม่น้ำสายหนึ่งชื่อว่า แม่น้ำโรหิณี ไหลผ่านสองแคว้นคือแคว้นสักกะผู้พุทธบิดา กับแคว้นโกลิยะพระญาติข้างฝ่ายพุทธมารดา ประชากรทั้งสองแคว้นนั้นต่างก็อาศัยน้ำในแม่น้ำสายนี้ เพาะปลูกพืชผลทำการเกษตรร่วมกันโดยปกติสุขเรื่อยมา

ต่อมาสมัยหนึ่งฝนแล้ง น้ำไม่พอการเพาะปลูก น้ำในแม่น้ำเหลือน้อย เกษตรกรเหนือน้ำจึงกักน้ำไม่ปล่อยให้ไหลลงไปข้างใต้ ผู้ที่อยู่ใต้แม่น้ำจึงขาดน้ำเพาะปลูกเกิดความเดือดร้อนขึ้น จึงต่างต่อว่ากันทะเลาะแย่งน้ำกันระหว่างชนสองแคว้นนั้น แล้วขยายวงกว้างถึงว่ากระทบถึงชาติตระกูลกันและกัน หนักขึ้นถึงขั้นยกกำลังพลประชิดชายแดนกัน

ความทราบถึงถึงพระพุทธเจ้า จึงเสด็จออกไปห้ามมิให้ญาติทั้งสองฝ่ายรบราฆ่าฟันกันเพราะเหตุแห่งน้ำเพียงเล็กน้อย และได้ตรัสถามว่า ระหว่างน้ำกับความเป็นญาติ อะไรยิ่งใหญ่และสำคัญกว่ากัน ? ญาติทั้งสองฝ่ายจึงฉุกใจได้คิดและให้อภัยกันและกัน ได้กราบขออภัยโทษต่อพระพุทธเจ้า ข้อพิพาทจึงสงบลงด้วยดี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 29 พ.ค. 2009, 07:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พึงทราบไว้ก่อนว่า คติความเชื่อเรื่องนี้ เกิดขึ้นหลังจากพุทธปรินิพพานนานแล้ว แต่ยุคใดสมัยใดไม่พบหลักฐานแน่ชัด และการสร้างพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ขึ้น จุดประสงค์น่าจะให้ชาวพุทธกำหนดจดจำพุทธประวัติได้ง่ายขึ้น จะพูดจะอธิบายพุทธจริยา ผู้ฟังก็เห็นภาพชัดขึ้น แต่กาลต่อมาโหราจารย์ก็นำมาสอดประสานเข้ากับวันเกิดของคนเรา แล้วก็ใช้พุทธมนต์สวดบูชาพระประจำวันเกิดแต่ละวัน ๆ เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นกุสโลบายโน้มน้อมจิตใจให้จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นๆตรงหน้า แล้วสมาธิก็เกิดจิตใจหยุดปรุงแต่งฟุ้งซ่าน เป็นเหตุให้เกิดปัญญามองเห็นทางออกแห่งปัญหาที่เกิดขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุกับคุณกรัชกายด้วยครับ
แล้วทำไมวันจันทร์ไม่มีคำสวดละครับ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 18:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




imagesCA1MG3ZL.jpg
imagesCA1MG3ZL.jpg [ 3.13 KiB | เปิดดู 6968 ครั้ง ]
พระจันทร์กำลังเสวยอายุ ๑๕ ปี ประจำทิศตะวันออก (บูรพา)

คาถาสวดบูชาพระประจำวันจันทร์

(อะภะยะปะริตต์)

ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
พุทธานุภาเวนะ วินาสเมนตุ ฯ

ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
ธัมมานุภาเวนะ วินาสเมนตุ ฯ

ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
สังฆานุภาเวนะ วินาสเมนตุ ฯ

สวดวันละ ๑๕ จบ


สวดย่อ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา


วันจันทร์จบเพียงเท่านี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 15 มิ.ย. 2009, 21:23, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 18:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b16: :b11: เราเกิดวันจันทร์พอดีค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับข้อความที่อธิบาย
แต่บทสวดนี้ต้องสวด 15 จบเลยหรือคะ พอจะอธิบายต่อได้ไม๊คะว่า ที่แต่ละวันสวดไม่เท่ากัน
เพราะอะไร สงสัยมานานแล้ว :b10: :b10:
:b5: ถ้าสวดวันละ 3,9 จบได้ไม๊ เพราะอยากสวดแต่รู้สีกมีหลายบทที่อยากสวดน่ะค่ะ :b13: :b13:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2008, 15:51
โพสต์: 334

งานอดิเรก: ชอบเรื่องพลังงาน
สิ่งที่ชื่นชอบ: มิลินทปัญหา
ชื่อเล่น: อมร
อายุ: 63
ที่อยู่: 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180

 ข้อมูลส่วนตัว www


O.wan เขียน:
:b16: :b11: เราเกิดวันจันทร์พอดีค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับข้อความที่อธิบาย
แต่บทสวดนี้ต้องสวด 15 จบเลยหรือคะ พอจะอธิบายต่อได้ไม๊คะว่า ที่แต่ละวันสวดไม่เท่ากัน
เพราะอะไร สงสัยมานานแล้ว :b10: :b10:
:b5: ถ้าสวดวันละ 3,9 จบได้ไม๊ เพราะอยากสวดแต่รู้สีกมีหลายบทที่อยากสวดน่ะค่ะ :b13: :b13:


อยากได้ดีไม่ทำดีนั้นมีมาก ดีแต่อยากหากไม่ทำน่าขำหน่อ
อยากได้ดีต้องทำดีอย่ารีรอ ดีแต่ขอรอแต่ดีไม่ดีเลย ฯ

คงไม่ได้หรอก เพราะกติกาเป็นมาอย่างนั้น ถ้าเราสวดยายไปจะย่อเอาก็พอได้

ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆ์ฆานุภาเวนะ วินาสเมนตุ ฯ

อย่างนี้ก็ได้เคยใช้มาแล้วก็ได้ผลดีเหมือนกัน

ก็บอกแล้วไงว่ากำลังวันไม่เหมือน อาทิตย์ 6 จันทร์ 15 อังคาร 8 พุธ 17 (พุธกลางคืนก็ 12 เรียบว่าราหู)

พฤหัสบดี 19 วันศุกรมากหน่อย 21 วันเสาร์ก็ 10 เท่านั้น ท่านเกิดวันอาทิตย์น้อยกว่าเพื่อน

สวดไปเถอะทุกวันด้วยนะจะได้ดีเอง อย่าอ้อนวอนขอนั้นขอนี้นะ

ทำไปตามหน้าที่ของเรา ถึงเวลาผลจะตอบแทนเองไม่ต้องบังขับ

ถ้าเราจะบังขับให้มะพร้าวออกลูกให้เราทานก็ไม่ได้

แต่ถึงเวลามะพร้าวออกลูกเราจะห้ามมันก็ไม่ได้นะ ฮิฮิฮิ (ตอบแทนนะ)

.....................................................
ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล เข้าวัดตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาหามเข้าแล้วเผาเลย ฮิฮิฮิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ
:b32: อยากได้ดีไม่ทำดีนั้นมีมาก ดีแต่อยากหากไม่ทำน่าขำหน่อ
อยากได้ดีต้องทำดีอย่ารีรอ ดีแต่ขอรอแต่ดีไม่ดีเลย ฯ

:b35: กลอนบทนี้แต่เองหรือเปล่าคะ สอนให้ :b4: :b4: :b4: :b4: ดีจัง
ก็อยากจะถามว่าท่องแบบย่อมีไม๊ คุณtanaphomcinta ก็จัดให้เลยขอบคุณค่ะ

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2008, 15:51
โพสต์: 334

งานอดิเรก: ชอบเรื่องพลังงาน
สิ่งที่ชื่นชอบ: มิลินทปัญหา
ชื่อเล่น: อมร
อายุ: 63
ที่อยู่: 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180

 ข้อมูลส่วนตัว www


ไม่ได้ แต เองหรอก หลวงพ่อพยอม ท่านแต่งไว้ตะนานแย้ว ที่เรียกหลวงพ่อ

เพราะอายุท่านก็ไม่ไกลกันกะผู้ตอบเท่าไหร่

ไม่มีแล้วอีนางเอ่ย ฮิฮิฮิ ที่เรียกอีนาง อย่าโกรธ กันนะ

เพราะโกรธ คือโง่ โมโห คือบ้า เกียด(เกียจ)(เกียรติ)ไม่ทราบว่าตัวไหน. ขี้หน้าอาคาดพยาบาทเขา
เท่ากับจุดไฟเผาใจตัวเราเอง

นี้ก็หลวงพ่อพยอม เหมียน กันนะ

แถมให้หน่อยเห็นว่าเป็นผู้หญิง

ยาก ๙ อย่าง
ยากอะไร ก็ไม่ยากเท่าปฏิสังขรณ์
ถอนอะไร ก็ไม่ยากเท่าถอนมานะ
ละอะไร ก็ไม่ยากเท่าละกามคุณ
บุญอะไร ก็ไม่ยากเท่าบรรพชา(บวช)
หาอะไร ก็ไม่ยากเท่าหาตน
พ้นอะไร ก็ไม่ยากเท่าพ้นกิเลส
เหตุอะไร ก็ไมเท่าเหตุฆ่าคน
จนอะไร ก็ไม่เท่าจนปัญญา
หนาอะไร ก็ไม่เท่าหนากิเลส
อย่าหัดเข้าป่าเมื่อเวลาค่ำ
อย่าหัดดำน้ำเมื่อเวลาเรือล่ม
เรือน 3
1. เรือนผม
2. เรือนไฟ
3. เรือนอยู่อาศัย
น้ำ 4
1. น้ำดื่ม
2. น้ำคำ
3. น้ำเต้าปูน (คนสมัยก่อนต้องมีขันหมากและมีบอกปูน(เรียกบอกปูน)เดี่ยวนี้ทำยายาก)
4. น้ำใจ
บุตร 3
1. อวชาตบุตร (คือบุตรที่เท่าคุณพ่อคุณแม่) ต้องเรียกคุณพ่อคุณแม่เพราะท่านมีคุณ
2. อนุชาตบุตร (คือบุตรที่ต่ำกว่าคุณพ่อคุณแม่)
3. อภิชาตบุตร (คือบุตรที่เลิศกว่าคุณพ่อคุณแม่)
ลูก 4
1.ลูกอม คงรู้ลูกอม
2.ลูกลอก (คือปลอกลอกเอาเงินทองคุณพ่อคุณแม่ไปเล่นไม่ไมประโยชน์)
3.ลูกลาก (เห็นมากทุกวันนี้ พอไปแข่งรถมีเรื่องก็ลากคุณพ่อคุณแม่ไปโรงพักด้วยหรือคุกก็ไป)
4.ลูกเลิก (พอมันลากลอกหมดแล้ว มันเลิกไม่มาใกล้อีกเลย ฮิฮิฮิ)
ปิดหูซ้ายขวา ปิดตาสองข้าง-
ปิดปากเสียบ้าง จะนั่งนอนสบาย
คนทำงานต้อง
1. ไม่เห็นแก่ตัว
2. ไม่กลัวลำบาก
3. ถึงยากก็ต้องทน
4. ไม่สนนินทา
คนมักอวด
คนอวดเก่ง คือคนขี้ขลาด
คนอวดฉลาด คือคนโง่
คนอวดโก้ คือคนจน
อันนี้ไม่อวดฉลาดนะจะ แต่เห้นว่าดีมีประโยชน์ก็นำมาให้กันก็เท่านเอง ฮิฮิฮิ

มีอารมณ์ขันวันละนิดจิตรแจ่มใสนะจะบอกให้ฮิฮิฮิ

เข้าไปเยี่ยมกันบ้างนะ http://www.supasok.com นะจะบอกให้ ฮิฮิฮิ

.....................................................
ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล เข้าวัดตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาหามเข้าแล้วเผาเลย ฮิฮิฮิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1672807riz9vk7w5v.gif
1672807riz9vk7w5v.gif [ 108.57 KiB | เปิดดู 7436 ครั้ง ]
คุณ O.wan ต้องการย่อๆ จัดให้แล้วครับ เหลือบขึ้นดูใหม่ครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2009, 08:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b13: ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังจริงๆเลยนะคุณกรัชกราย
:b48: (สวดย่อ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา)
ท่องได้แล้วถ้าสั้นๆแค่นี้ 99 ยังไหวเลยค่ะ :b32: :b32:
แต่เราก็จะพยายาม :b4: :b4: :b4: ท่องบทเต็มให้ได้
:b9: ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง :b32: ขอยืมคำคุณน้ำนะคะ

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2009, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


tanaphomcinta เขียน:
ไม่ได้ แต เองหรอก หลวงพ่อพยอม ท่านแต่งไว้ตะนานแย้ว ที่เรียกหลวงพ่อ

เพราะอายุท่านก็ไม่ไกลกันกะผู้ตอบเท่าไหร่

ไม่มีแล้วอีนางเอ่ย ฮิฮิฮิ ที่เรียกอีนาง อย่าโกรธ กันนะ

เพราะโกรธ คือโง่ โมโห คือบ้า เกียด(เกียจ)(เกียรติ)ไม่ทราบว่าตัวไหน. ขี้หน้าอาคาดพยาบาทเขา
เท่ากับจุดไฟเผาใจตัวเราเอง

นี้ก็หลวงพ่อพยอม เหมียน กันนะ

แถมให้หน่อยเห็นว่าเป็นผู้หญิง

ยาก ๙ อย่าง
ยากอะไร ก็ไม่ยากเท่าปฏิสังขรณ์
ถอนอะไร ก็ไม่ยากเท่าถอนมานะ
ละอะไร ก็ไม่ยากเท่าละกามคุณ
บุญอะไร ก็ไม่ยากเท่าบรรพชา(บวช)
หาอะไร ก็ไม่ยากเท่าหาตน
พ้นอะไร ก็ไม่ยากเท่าพ้นกิเลส
เหตุอะไร ก็ไมเท่าเหตุฆ่าคน
จนอะไร ก็ไม่เท่าจนปัญญา
หนาอะไร ก็ไม่เท่าหนากิเลส
อย่าหัดเข้าป่าเมื่อเวลาค่ำ
อย่าหัดดำน้ำเมื่อเวลาเรือล่ม
เรือน 3
1. เรือนผม
2. เรือนไฟ
3. เรือนอยู่อาศัย
น้ำ 4
1. น้ำดื่ม
2. น้ำคำ
3. น้ำเต้าปูน (คนสมัยก่อนต้องมีขันหมากและมีบอกปูน(เรียกบอกปูน)เดี่ยวนี้ทำยายาก)
4. น้ำใจ
บุตร 3
1. อวชาตบุตร (คือบุตรที่เท่าคุณพ่อคุณแม่) ต้องเรียกคุณพ่อคุณแม่เพราะท่านมีคุณ
2. อนุชาตบุตร (คือบุตรที่ต่ำกว่าคุณพ่อคุณแม่)
3. อภิชาตบุตร (คือบุตรที่เลิศกว่าคุณพ่อคุณแม่)
ลูก 4
1.ลูกอม คงรู้ลูกอม
2.ลูกลอก (คือปลอกลอกเอาเงินทองคุณพ่อคุณแม่ไปเล่นไม่ไมประโยชน์)
3.ลูกลาก (เห็นมากทุกวันนี้ พอไปแข่งรถมีเรื่องก็ลากคุณพ่อคุณแม่ไปโรงพักด้วยหรือคุกก็ไป)
4.ลูกเลิก (พอมันลากลอกหมดแล้ว มันเลิกไม่มาใกล้อีกเลย ฮิฮิฮิ)
ปิดหูซ้ายขวา ปิดตาสองข้าง-
ปิดปากเสียบ้าง จะนั่งนอนสบาย
คนทำงานต้อง
1. ไม่เห็นแก่ตัว
2. ไม่กลัวลำบาก
3. ถึงยากก็ต้องทน
4. ไม่สนนินทา
คนมักอวด
คนอวดเก่ง คือคนขี้ขลาด
คนอวดฉลาด คือคนโง่
คนอวดโก้ คือคนจน
อันนี้ไม่อวดฉลาดนะจะ แต่เห้นว่าดีมีประโยชน์ก็นำมาให้กันก็เท่านเอง ฮิฮิฮิ

มีอารมณ์ขันวันละนิดจิตรแจ่มใสนะจะบอกให้ฮิฮิฮิ

เข้าไปเยี่ยมกันบ้างนะ http://www.supasok.com นะจะบอกให้ ฮิฮิฮิ

:b8: :b8: กราบขอบพระคุณหลวงพ่อค่ะ ที่กรุณาให้ความกระจ่าง และให้หลักธรรมะง่ายๆ
ใช้ในการฝึกให้เป็นคนดี จะนำบทความเหล่านี้ไปบอกต่อๆนะคะ :b8: :b8:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2009, 13:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2008, 15:51
โพสต์: 334

งานอดิเรก: ชอบเรื่องพลังงาน
สิ่งที่ชื่นชอบ: มิลินทปัญหา
ชื่อเล่น: อมร
อายุ: 63
ที่อยู่: 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180

 ข้อมูลส่วนตัว www




11 (34).jpg
11 (34).jpg [ 111.65 KiB | เปิดดู 7358 ครั้ง ]
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง

เอาไปอีกนะให้เต็มสูตรไปเลย

หนทางใกลไปไม่หยุดจนสุดสิ้น คงลุถิ่นที่หวังดังสักหน

วิชาเรียนเพียรดัดฝึกหัดตน คงลุผลล้ำเลิศประเสริฐเอย

ภูเขาลูกไหนที่ว่าสูง ก็ไม่สูง ถ้าภูเขาลูกนั้นเราได้ขึ้นไปมาแล้ว

งานไหนที่ว่าอยากก็ไม่อยาก ถ้างานนั้นเราได้ทำสำเร็จแล้ว

หนทางเส้นไหนที่ว่าใกลก็ไม่ใกล ถ้าหนทางเส้นนั้นเราได้ไปมาแล้ว

คนทำงานย่อมมีความผิด คนไม่ผิดคือคนไม่ได้ทำอะไรเลย ฮิฮิฮิ


อ้อ ลืมไปประกาศแจกของที่ระลึกไปคืนหนึ่งกะวันหนึ่งมีผู้ส่งเข้าไปแล้ว 2 ท่าน

ใจเย็นๆ นะได้แน่นอน แต่จะคอยให้ครบ 10 ท่านหรือมากกว่านั้น จึงจะออกไปส่งทีอำเภอ

เพราะวัดอยู่ห่างอำเภอไปทีหนึ่งต้องให้มันคุ้มค่าแก่การเดินทาง จะแจกให้ทุกท่านที่ขอไป

บอกชื่อที่อยู่ให้ชัดเจน จะเข้าไปส่งที่เว็บ http://www.supasok.com ก็ได้มีที่ให้ส่ง อีแมว


เหมือนกัน ตอนนี้เอาภาพไปดูก่อนนะฮิฮิฮิ

.....................................................
ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล เข้าวัดตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาหามเข้าแล้วเผาเลย ฮิฮิฮิ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 14:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ค. 2009, 13:02
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอคุยด้วยคนนะคะ

กรัชกาย เขียน:
พึงทราบไว้ก่อนว่า คติความเชื่อเรื่องนี้ เกิดขึ้นหลังจากพุทธปรินิพพานนานแล้ว แต่ยุคใดสมัยใดไม่พบหลักฐานแน่ชัด และการสร้างพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ขึ้น จุดประสงค์น่าจะให้ชาวพุทธกำหนดจดจำพุทธประวัติได้ง่ายขึ้น จะพูดจะอธิบายพุทธจริยา ผู้ฟังก็เห็นภาพชัดขึ้น แต่กาลต่อมาโหราจารย์ก็นำมาสอดประสานเข้ากับวันเกิดของคนเรา แล้วก็ใช้พุทธมนต์สวดบูชาพระประจำวันเกิดแต่ละวัน ๆ เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นกุสโลบายโน้มน้อมจิตใจให้จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นๆตรงหน้า แล้วสมาธิก็เกิดจิตใจหยุดปรุงแต่งฟุ้งซ่าน เป็นเหตุให้เกิดปัญญามองเห็นทางออกแห่งปัญหาที่เกิดขึ้น


:b8: ขอบพระคุณคูณกรัชกายมากค่ะที่อธิบายเหตุผลของการสร้างพระพุทธรูปปางต่าง ๆ รู้อย่างนี้แล้วจะได้สวดบูชาพระประจำวันเกิดได้อย่างสบายใจ :b16:

แล้วความเชื่อเรื่องพระธาตุประจำปีเกิดก็น่าจะมีสาเหตุอย่างเดียวไหมคะ :b10:

เมื่อก่อนดิฉันคลางแคลงใจสงสัยว่าพระประจำวันเกิดมีไว้เพื่ออะไร เพราะรู้จักพระประจำวันเกิดและคำสวดบูชาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว และมักเห็นคนทั่วไป (เอาเงิน) ใส่บาตรพระประจำวันเกิด (ทำบุญอย่างอื่นด้วย) แล้วอธิษฐานขอสิ่งที่ต้องการ และตนเองก็ได้รับการสั่งสอนให้ทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ดิฉันทำแค่เอาเงินใส่บาตรแล้วยกมือไหว้โดยไม่ได้ขอพร และไม่ได้สวดบูชาพระประจำวันเกิดด้วย เพราะหลังสวดมีการให้อธิษฐานขอนั่นขอนี่ตามที่ต้องการ ดิฉันเลยคิดว่าเป็นการอ้อนวอน เหมือนตื๊อ ซึ่งดิฉันไม่ชอบมาก ๆ

ดิฉันไม่ชอบการอ้อนวอน ขอพร บนบานสานกล่าว ค่อนข้างมาก ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ความคิดแบบนี้เป็นมิจฉาทิษฐิ (แทนที่จะเป็นสัมมาทิษฐิ) ไหมคะ :b10:

ตอนนี้เวลาทำบุญก็อธิษฐานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีพระคุณ ขอให้ถึงพระนิพพาน ถ้าไม่ถึงก็ขอให้เกิดในภพภูมิเขตประเทศที่มีพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง และได้ศึกษาพระธรรมจนเข้าใจถ่องแท้ลึกซึ้งโดยตลอด จนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน อธิษฐานแบบนี้ถูกต้องไหมคะ :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 18:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยินดีครับ คุณปทุมา :b1: :b8:
ตอบคำถามก่อนนะครับ

อ้างคำพูด:
แล้วความเชื่อเรื่องพระธาตุประจำปีเกิดก็น่าจะมีสาเหตุอย่างเดียวไหมคะ


น่าจะเป็นความเชื่อทำนองเดียวกันครับ

อ้างคำพูด:
ดิฉันไม่ชอบการอ้อนวอน ขอพร บนบานสานกล่าว ค่อนข้างมาก ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ความคิดแบบนี้เป็นมิจฉาทิษฐิ (แทนที่จะเป็นสัมมาทิษฐิ) ไหมคะ



ไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิหรอกครับ เป็นความรู้ความเข้าใจคิดคำนึ่งถึงเหตุผลมากกว่าว่า เมื่อไม่ลงมือทำแล้ว แล้วจะมีจะเป็นได้อย่างไร

อ้างคำพูด:
ตอนนี้เวลาทำบุญก็อธิษฐานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีพระคุณ ขอให้ถึงพระนิพพาน ถ้าไม่ถึงก็ขอให้เกิดในภพภูมิเขตประเทศที่มีพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง และได้ศึกษาพระธรรมจนเข้าใจถ่องแท้ลึกซึ้งโดยตลอด จนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน อธิษฐานแบบนี้ถูกต้องไหมคะ


ไม่มีอะไรเสียหายครับ กรัชกายก็นึกทำนองนั้นว่าหากยังต้องเกิดอีกก็ขอให้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
มีร่างกายสมบูรณ์อวัยวะครบ ๓๒ ได้เกิดในตระกูลที่เป็นสัมมาทิฏฐิมีศรัทธามั่นในพระพุทธศาสนา
มีสติปัญญาดี รู้แจ้งแทงตลอดสัจธรรมได้
การตั้งจิตอธิฐานประมาณนี้เหมือนทำที่ให้ใจลงครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูต่ออีกนะครับ


สัจธรรมเป็นกฎธรรมชาติ หรือ หลักความจริงที่มีอยู่โดยธรรมดา
พระพุทธเจ้า หรือ ศาสดามีฐานะเป็นผู้ค้นพบหลักความจริงนั้น แล้วนำมาเปิดเผยแก่ผู้อื่น

การได้รับผลจากการปฏิบัติ เป็นเรื่องของความเป็นไปอันเที่ยงธรรม ตามเหตุปัจจัยในธรรมชาติ
ศาสดามิใช่ผู้บันดาล
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนจึงจำเป็นต้องเพียรพยายามสร้างผลสำเร็จด้วยเรี่ยวแรงของตน ไม่ควรคิดหวังผล
และอ้อนวอนขอผลที่ต้องการโดยไม่กระทำ
ตังหลักที่ว่า

“ตุมฺเหหิ กิจฺจํ อาตปฺปํ อกฺขาตาโร ตถาคตา - ความเพียร ท่านทั้งหลายต้องทำ
เอง ตถาคตทั้งหลาย เป็นแต่ผู้บอกทางให้”

ขุ.ธ. 25/30/51

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 67 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร