วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=22



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2019, 19:48 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อุฏฺฐายีมหาเถระ)
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
วัดมกุฏกษัตริยาราม


รูปภาพ

เราทุกคนที่ยังเป็นปุถุชนคือที่ยังตัดรักไม่ขาด
ย่อมรักทั้งคนทั้งของที่ถูกใจชอบใจ
รักผู้ใดก็ถนอมรักษาเอาใจผู้นั้น เพราะรักกันมั่นคงยั่งยืน
อยู่กับคนที่รักย่อมรู้สึกว่าสบายราบรื่นใจ
มีอะไรดีๆ ก็อยากให้แก่คนที่เรารัก ได้ให้แล้วก็สบายใจ
ยิ่งผู้รับมีความยินดีสิ่งที่ตนให้ เพราะอยากได้
ผู้ให้ก็ยิ่งเพิ่มความสบายใจ ปลื้มใจ เพราะได้ให้สิ่งที่ถูกใจแก่ผู้ที่ตนรัก
นี้แสดงให้เห็นว่ารักผู้ใดไม่เสียดายแก่ผู้นั้น

เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างตั้งใจสนองดีของกันและกัน ถนอมน้ำใจกันและกัน
ไม่ทำอะไรซึ่งไม่เป็นที่ชอบใจของกันและกัน ก็ยิ่งเพิ่มความรักดูดดื่ม
ผู้ยังเป็นปุถุชนเมื่อได้ประสบความดูดดื่มเช่นนี้ก็ย่อมรักตรึงใจ
ปรารถนาจะได้เห็นกัน อยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่นึกถึงว่าชีวิตของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายมีความตายเป็นที่สุด
แม้ได้สดับฟัง ได้เรียนรู้มาบ้าง ก็ไม่อยากจะให้เป็นไปอย่างนั้น
พยายามหาทางที่จะให้เป็นไปอย่างใจตนปรารถนา
และบางคนก็ไม่พยายามจะนึกถึงเรื่องตายเสียทีเดียว
เพราะนึกถึงเข้าแล้วหวาดเสียวทนไม่ได้
และเพราะไม่ตรงกับความประสงค์ของตน
คือตนไม่ต้องการจะจากสิ่งที่รัก และไม่อยากให้สิ่งที่รักจากตนไป
เพราะความตายเป็นเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกัน ทั้งคนทั้งของที่รัก

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ย่อมหมกมุ่นมัวเมาติดอยู่ในคนและของที่รัก
ไม่คำนึงถึงอนิจจังแห่งสังขาร คือสิ่งที่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
ย่อมไปตามเหตุปัจจัย คือไม่เป็นไปตามใจใคร
เมื่อเหตุปัจจัยยังเลี้ยงรักษาอยู่ ก็ยังเป็นอยู่ตั้งอยู่
เมื่อเหตุปัจจัยเสื่อม ก็ย่อมเสื่อม เมื่อเหตุปัจจัยสิ้นก็ย่อมสิ้น
กฎธรรมดาสังขารเป็นอย่างนี้ ไม่ยอมตามใจใคร

ผู้ไม่คำนึงถึงกฎธรรมดาของสังขาร ยึดเอาเป็นของตนจริงจัง
ย่อมโศกย่อมเหี่ยวแห้งใจ ไม่สดชื่น เพราะหมดสิ่งที่ทำให้ชื่นใจ
เพราะฉะนั้นจึงปรากฏเป็นความจริงแท้แน่นอนว่า
สิ่งใดเป็นที่ตั้งแห่งความรัก สิ่งนั้นย่อมเป็นที่ตั้งแห่งความโศก
สิ่งใดไม่เป็นที่ตั้งแห่งความรัก สิ่งนั้นไม่เป็นที่ตั้งแห่งความโศก


รักกับโศกมีวัตถุที่ตั้งอันเดียวกัน
แม้จะเลิกหรือตัดรักคนอื่นสิ่งอื่นเสียได้
แต่ถ้ายังรักตัวเองก็ยังพ้นทุกข์โศกไปไม่ได้
เพราะฉะนั้นความรักที่โลกนิยมชมชอบกัน
ทุกคนต้องการปรารถนา ด้วยเห็นว่ามีคุณอนันต์
แต่ก็มีโทษมหันต์ด้วย
ถ้ารู้ไม่ถึงกฎธรรมดาของสังขารอันเป็นที่ตั้งแห่งความรักนั้น
ไปหลงเข้า ด้วยสำคัญว่าเที่ยง ยั่งยืน

อันที่จริงเราทุกคนนั้น เมื่อมาสู่โลกนี้ก็มาคนเดียว
และมาตัวเปล่า ไม่มีอะไรติดตัวมาด้วยเลย
เมื่อไปก็ไปตัวคนเดียว จะหยิบฉวยสิ่งใดติดตัวไปด้วยก็ไม่ได้
เมื่อมาแล้วก็มีคนต้อนรับด้วยความยินดีมีของขวัญทั้งที่เรายังไม่รู้เดียงสา
ครั้นเติบโตขึ้นมาพอรู้เดียงสา ก็มีผู้สอนให้เรายึดถือว่านี่ของเรา นั่นเป็นของเรา
คนนั้นเป็นพ่อ คนนี้เป็นแม่ของเรา คนนี้เป็นลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย ของเรา
คนนั้นเป็นพี่ คนนี้เป็นน้องเรา สิ่งนี้เป็นของเรา คนนี้รักเราให้เรา
แล้วเรารู้จักรักคนที่รักเรา ให้เรา เอื้อเฟื้อเกื้อกูลเรา
รักของที่เขาว่าเป็นของหวงแหนเสียดาย
เมื่อได้ก็ดีใจ เมื่อเสียหายไปหรือถูกแบ่งเอาไปก็เสียใจ
ก็โกรธเพราะเสียดายอยากได้คืน เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เป็นเด็กเพิ่งรู้ความ

เราถูกสอนให้ยึดถือมาแต่เล็กแต่น้อย จึงคุ้นกับความยึดถือแน่นทีเดียว
ซึ่งแสดงว่าเราถูกมัดให้ติดอยู่กับทุกข์ตั้งแต่เกิดมา
ทำให้ลืมตัวว่าเมื่อเรามานั้นมาคนเดียวและมาตัวเปล่า ไม่มีอะไรมา
เมื่อมาแล้วจึงได้มีคนและของมากขึ้น เรายึดถือว่าเป็นของเราทั้งนั้น
และเมื่อถึงคราวไปก็ไปคนเดียวและไปตัวเปล่า เอาอะไรไปด้วยไม่ได้
ทั้งคนทั้งของที่เรารักแสนรักก็เอาไปด้วยไม่ได้

แม้เป็นคนที่เรารัก จะชวนเขาเอาไปด้วย เขาก็คงไม่ยอมไปกับเราเด็ดขาด
เพราเขารักตัวของเขามากกว่ารักเรา เขาชอบชีวิต ไม่ชอบความตาย

เพราะฉะนั้นทุกคนจึงควรสำนึกตัวอยู่เสมอ ไม่ควรประมาทว่า
เราทุกคน “ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป”
และ “ใครจะไปดีไปชั่วอย่างไร เป็นเรื่องกรรมเฉพาะตัวของผู้นั้น
ใครจะบันดาลให้ใครไปดีหรือชั่วไม่ได้เด็ดขาด”


-----------------
คัดมาจาก : หนังสือรวมธรรมเทศนา ๑๐๘ กัณฑ์ เล่ม ๑
ที่ระลึกในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พ.ศ.๒๕๒๕
จัดพิมพ์โดย ชมรมพุทธศาสตร์เอสโซ่ :b8: :b8: :b8:


:b44: พระประวัติ “สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี)”
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=20007

:b44: รวมพระนิพนธ์ “สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี)”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=50383

:b44: ประวัติและความสำคัญ “วัดมกุฏกษัตริยาราม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=47918


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2020, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2024, 10:11 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร