วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=22



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2016, 04:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
“สมเด็จพระสังฆราชเจ้า” พระองค์ที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
บันทึกภาพ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๗
โดย Howard Sochurek


:b47: :b44: :b47:

ชื่อ ชื่น โว้ย

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
(หม่อมราชวงศ์ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต)
“สมเด็จพระสังฆราชเจ้า” พระองค์ที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ประสูติในต้นสมัยรัชกาลที่ ๕ และบรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ ๑๓ ปี
หลังจากนั้นก็ทรงครองเพศบรรพชิตสืบมา
จนได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชเมื่อทรงมีพระชนมายุ ๗๓ พรรษา
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙
เสด็จออกผนวชและเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ในปี ๒๔๙๙
พระองค์ได้ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ (พระอุปัชฌาย์)
ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์เกือบสองปีถัดมา


แม้ว่าพระองค์ทรงมีชาติตระกูลอันสูง อีกทั้งทรงดำรงตำแหน่งประมุขสงฆ์
แต่พระองค์ทรงมีชีวิตอย่างเรียบง่าย สมถะ
มีเมตตาและเป็นกันเองอย่างยิ่ง ไม่เฉพาะกับผู้คน แต่ยังรวมถึงสรรพสัตว์ด้วย

เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อได้เวลาฉัน พระองค์จะเสด็จไปประทับที่ห้องเล็ก
นั่งกับพื้น หันหลังพิงฝา ระหว่างที่ฉันก็จะหยิบข้าวสุกทีละเมล็ดจิ้มกับข้าว
แล้วเอาติดไว้ที่ฝาเบื้องหลัง แล้วเอานิ้วเคาะที่ฝาเบาๆ ครั้งสองครั้ง
จิ้งจกก็จะวิ่งออกมากิน บางตัวก็รู้เวลา ออกมาคอย
และกินอาหารจากพระหัตถ์ของพระองค์เลยทีเดียว
ว่ากันว่าพระองค์ทรงรู้จักจิ้งจกทุกตัวในกุฏิ

พระองค์ยังทรงเป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเป็นกันเอง
ไม่ถือพระองค์ อีกทั้งไม่มีพิธีรีตอง

คราวหนึ่งพระองค์เสด็จไปงานบุญที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี
ชาวบ้านที่มาทำบุญไม่รู้จักพระองค์ ก็เรียกพระองค์ว่าหลวงตา
พระองค์ก็ตอบรับ สนทนากับชาวบ้านทั้งวันอย่างสนุกและสบายใจ

บางครั้งพระองค์หายไปจากวัดบวรนิเวศวหารเป็นเวลานาน
พระผู้ใหญ่ในวัดตามหากันจนวุ่น
ถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าเสด็จออกจากวัดตอนไหน
เพราะไม่มีรถหลวงประจำตำแหน่งสังฆราชมารับ ครั้นราวๆ เที่ยงเศษ
ผู้คนก็โล่งใจเมื่อเห็นพระองค์เดินถือตาลปัตรกลับมาเอง
เพราะทรงรับนิมนต์ชาวบ้านไปสวดมนต์และฉันเพลตามห้องแถวเล็กๆ
บริเวณเสาชิงช้าหรือบางลำพู เรื่องแบบนี้เลขานุการประจำพระองค์มักไม่รู้
เพราะใครที่ประสงค์จะมานิมนต์พระองค์
สามารถเข้าถึงพระองค์ได้โดยตรงและง่ายดาย
ส่วนพระองค์ก็มักจดวันเวลาไว้ตามเศษกระดาษบ้าง
ห่อใบชาบ้าง สุดแท้แต่ว่ามีอะไรอยู่ใกล้มือ

ภายหลังสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว)
สิ้นพระชนม์ลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘
ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์
(หม่อมราชวงศ์ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต)
เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต
ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช ในพระราชทินนามเดิม
คือ สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เล่าถึงหลังจากที่พระองค์ได้รับการสถาปนา
ขึ้นที่สมเด็จพระสังฆราชแล้ว ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านได้รับฎีกานิมนต์
มางานพระราชพิธีในพระบรมมหาราชวัง
ระหว่างที่ลูกศิษย์วัดกำลังจับกลุ่มรอพระราชาคณะในขณะที่พระราชพิธีเสร็จสิ้นลง

เด็กคนหนึ่งถามขึ้นว่า “สังฆราชองค์ใหม่ชื่ออะไรโว้ย”

ทันใดนั้นก็มีเสียงห้าวๆ ตอบมาจากข้างหลังว่า “ชื่อ ชื่น โว้ย”

ซึ่งเป็นเสียงของสมเด็จฯ ท่านที่ออกมาจากพระที่นั่ง
กำลังเดินตามหาลูกศิษย์ของท่านเพื่อกลับวัด
แล้วบังเอิญมาได้ยินเสียงปุจฉาของเด็กนั้นพอดี ก็เลยตอบให้

สมดังพระฉายาที่มีผู้คนถวายสมเด็จฯ ในยุคนั้นว่า
“สมเด็จฯ วัดบวรพูดดีไม่เป็น สมเด็จฯ วัดเทพศิรินทร์พูดเล่นไม่มี”

อันมีที่มาจากอุปนิสัยของสมเด็จฯ ๒ องค์คือ
สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศวิหาร
ทรงมีอุปนิสัยเป็นคนตรง พูดโผงผาง
และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) วัดเทพศิรินทร์
เป็นคนเคร่งครัดเคร่งเครียดในการเรียนการสอนนั่นเอง


เดี๋ยวมาต่อค่ะ

http://visalo.org/monk/580822PChuin.html
http://tongtham.blogspot.com/2009/12/3-2.html
https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater


= รวมพระนิพนธ์ “สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=49468

= พระประวัติ “สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์”
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=20236

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2016, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


แม้ว่าพระองค์ทรงมีชาติตระกูลอันสูง อีกทั้งทรงดำรงตำแหน่งประมุขสงฆ์
แต่พระองค์ทรงมีชีวิตอย่างเรียบง่าย สมถะ
มีเมตตาและเป็นกันเองอย่างยิ่ง ไม่เฉพาะกับผู้คน แต่ยังรวมถึงสรรพสัตว์ด้วย

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร