ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

จริตทั้ง ๖ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=48601
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  Hanako [ 02 พ.ย. 2014, 17:04 ]
หัวข้อกระทู้:  จริตทั้ง ๖ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

รูปภาพ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


:b48: :b48:

ความรู้ความเข้าใจของเรานี่น่ะ
มันยังลำเอียงไปด้วยกิเลสอยู่
ดังนั้นเราจะไปเชื่อความคิดความเห็น
ของเราโดยส่วนเดียวไม่ได้เลย
ความรู้ความเห็นของเรา
ต้องเทียบกับพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ต้องให้เข้าใจอย่างนั้น


เพราะคนเรามันมี ๖ จริต เคยพูดให้ฟังอยู่บ่อยๆ
ในจริตหกประการนั้นมันต้องมีอย่างหนึ่ง
...ออกหน้าออกตากว่าเพื่อน

มันมีอย่างหนึ่งนั้นน่ะมันมีมากกว่าเพื่อน
หมายความว่าอย่างนั้น
นอกนั้นมันก็อ่อนกำลังลง
ให้สังเกตดูนิสัยของตนเองให้มันได้


:b46:


บางคนก็ "ราคจริต"
มีความรักสวยรักงามเป็นเจ้าเรือน
มีความกำหนัดแรงกล้า อย่างนี้นะ
ถ้าหากว่าระงับจริตอย่างนี้ไม่ได้
เดี๋ยวก็ไปทำชั่วด้วยจริตอย่างนี้แหละ


:b46:


บางคนก็ "โทสจริต"
มีความโกรธเป็นเจ้าเรือน
แต่กิเลสนอกนั้นไม่รุนแรงเท่าไร
ธรรมดาผู้มีความโกรธเป็นเจ้าเรือนนี่
ใครพูดอะไรไม่ถูกใจหน่อยนึงก็ฉุนเฉียวมาเลย
แล้วก็ไม่รู้จักระงับใจตัวเองทีนี้
ก็แสดงกิริยาท่าทางแห่งความโกรธออกไปแล้ว
ถ้าหากว่าผู้ใดเป็นอย่างนี้ไม่รู้ตัว
มันก็ทำชั่วด้วยความโกรธนั่นแหล่ะ
นั่นล่ะความโกรธเป็นมูลเหตุ
ให้ล่วงธรรม ล่วงวินัย ล่วงศีลต่างๆ หมู่นี้นะ


:b46:


บางคนก็ "โมหจริต"
มีนิสัยเซื่องซึม ไม่อยากคิดอยากนึกอะไร
ไม่อยากรู้อะไร ทำตนเป็นคนหลง
ไม่สนใจในการศึกษาเล่าเรียน
ตนไม่รู้ความรู้อะไรก็ปล่อยให้ตนไม่มีความรู้อยู่อย่างนั้น
ตนหลงตนเมาอยู่อย่างไรก็ปล่อยให้ตนเมาอยู่อย่างนั้น
นี่ผู้ใดไม่รู้จริตของตัวเองแล้วมันทำชั่วไปได้

คำว่า โมหจริต ก็คือ เป็นผู้มีความหลงเป็นเจ้าเรือน
จำอะไรก็ไม่ได้ หลงๆลืมๆ
ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้ามาแล้วก็นึกไม่ออก
อะไรหมู่นี้นะ หรือว่าเรียนคำสอนมาแล้วไม่จำ
มีแต่ลืมกับลืม ไม่ค่อยได้ทบทวนดูคำสอนของพระพุทธเจ้า
อันนั้นท่านเรียกว่า โมหจริต


:b46:


บางคนก็เป็น "ศรัทธาจริต"
เชื่อง่าย งมงาย ไม่ค่อยใช้วิจารณญาณ
ใครว่าดีก็เชื่อไปตามนั้นว่า ดี
ใครว่าชั่วก็เชื่อไปตามนั้นว่า ชั่ว
แต่ไม่ทราบว่า มันชั่วจริงหรือไม่จริง
ใครมาแสดงความคิดความเห็นอะไรให้ฟัง
ถ้าตนชอบใจล่ะก็เชื่อว่าเป็นจริงไปตามเลย
ถ้าไม่ชอบใจแล้วถึงใครจะมาแสดงความจริงให้ฟัง
อย่างมีเหตุผลยังไงก็ไม่เชื่อไม่เอา
คนถือเอาความเชื่อเป็นใหญ่อย่างเดียว
ไม่ได้ใคร่ครวญด้วยปัญญา
ในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นขึ้น
นั่นแหล่ะมันก็เป็นเหตุให้ทำผิดทำชั่ว
ด้วยศรัทธาความเชื่ออันนั้นแหล่ะ


:b46:


บางคนก็เป็น "วิตกจริต"
ชอบวิตกวิจารณ์ ไม่หยุดไม่หย่อน
พอจะมีเรื่องอะไรมาถึงเข้า
ก็เก็บเอาเรื่องนั้นไปวิตกวิจารณ์อยู่นั้นแหล่ะ
จนเดือดร้อนใจไม่เป็นอันหลับอันนอนก็มี
อันผู้ใดชอบเป็นอย่างนั้นน่ะ
ก็เรียกว่า เป็นคนเจ้าความคิด
ถ้าหากว่าระงับไม่ได้
มันก็ไปทำชั่วเพราะความวิตกมากนั้นแหล่ะ
เช่นอย่างว่า ไม่พอใจให้ใครมานี้
เก็บเอาเรื่องของคนนั้นไปวิตกวิจารณ์
วิตกวิจารณ์มากเข้าไปเท่าใด
ความโกรธมันยิ่งรุนแรงขึ้นบัดนี้นะ
ทนไม่ไหวก็ต้องแสดงออกมาทางกายทางวาจาแหละบัดนี้
กระทบกระทั่งผู้อื่นเข้าไป นี่มันเป็นอย่างนั้น
ครั้นถ้าแก้ไม่ตกนะมันก็ทำความเดือดร้อน
ให้แก่ตนและผู้อื่นไป
ดังนั้นทุกคนให้รู้จักจริตตัวเอง


:b46:


บางคนก็เป็น "พุทธิจริต"
เรียนเก่ง จำเก่ง แต่ไม่รู้จักใช้ความรู้นั้น
ให้เป็นประโยชน์ตนและผู้อื่น มักจะใช้ความรู้อันนั้น
ไปตามอำนาจกิเลสภายในหัวใจของตน


นี่จริตของคนเราน่ะมันมีอยู่หกประการอย่างนี้แหล่ะ
ให้พากันสังเกตดู ว่าใครมีจริตอย่างไร
ก็ต้องรู้ตัวเองแหละ


:b47: :b47:


ที่มา : ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนา
http://www.youtube.com/watch?v=T8jU2Jtb734


:b40: :b40:

รวมคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689

เจ้าของ:  sirinpho [ 07 พ.ย. 2014, 18:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จริตทั้ง ๖ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

:b8: :b16:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/