วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 13:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2014, 08:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

รูปภาพ

การให้ทานรักษาศีลเป็นฐานรองรับการภาวนา


การให้ทานรักษาศีลเป็นฐานรองรับหรือสนับสนุนการภาวนา ส่วนการภาวนาต้องมีสติเป็นตัวผลักดันให้เกิดสมาธิ ให้เกิดปัญญา ให้เกิดวิมุตติหลุดพ้น ให้เกิดมรรคผลนิพพาน เริ่มต้นที่สติ จึงควรให้ความสำคัญต่อสติ ควรจะเจริญสติทุกเวลานาที ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราสามารถเจริญสติได้เสมอ ไม่ต้องรอไปวัด เพราะสติอยู่ที่ใจอยู่ที่ร่างกายนี่เอง ให้ใจรู้อยู่กับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่ว่าร่างกายกำลังทำอะไรอยู่ก็ให้รู้ อย่าไปคิดเรื่องอื่น ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องคิด ก็ให้หยุดการกระทำของร่างกายไว้ก่อน แล้วก็คิดให้พอ จะยืนคิดก็ได้ จะนั่งคิดก็ได้ จะคิดวางแผนก็คิดไป เมื่อคิดเรียบร้อยแล้ว ก็หยุดคิด แล้วก็กลับมาดูที่ร่างกายต่อ อย่างนี้ก็จะมีสติระลึกรู้อยู่ในปัจจุบันตลอดเวลา พอมีสติแล้วก็จะทำให้ใจสงบนิ่งได้ ควบคุมใจให้คิดอยู่เพียงเรื่องเดียว เช่น พุทโธๆ หรือดูลมหายใจเข้าออก หรือจะดูอาการต่างๆของร่างกายก็ได้ เช่นดูโครงกระดูกก็ได้ หรือจะดูทั้ง ๓๒ อาการก็ได้ ท่องเที่ยวอยู่ในกายนคร พอรู้สึกเหนื่อยแล้วค่อยหยุด จะทำให้จิตหายฟุ้งซ่าน ถ้ายังไม่รวมลง ก็ดูลมหายใจต่อไป หรือดูอาการใดอาการหนึ่ง ดูไปเรื่อยๆจนกว่าจะรวมลงเข้าสู่สมาธิไป

นี่คือหน้าที่ของพวกเราที่ไม่มีใครทำแทนได้ บุญนี้ทำแทนกันไม่ได้ ทำได้ก็เพียงให้เศษบุญเท่านั้น เช่น กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไป เป็นเศษบุญ เป็นเหมือนค่ารถค่าเรือ หรืออาหารมื้อหนึ่งเท่านั้นเอง บุญอุทิศไม่เป็นบุญที่สำคัญเลย แต่เรากลับให้ความสำคัญกับบุญอุทิศกันมา

บุญที่สำคัญก็คือบุญที่เราทำกันในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ จะได้ร้อยทั้งร้อย จึงควรสร้างบุญสร้างกุศลกัน ด้วยการให้ทาน รักษาศีล ภาวนาอย่างต่อเนื่อง ให้ถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญ ส่วนกิจกรรมอื่น เช่น การทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องนี้ ให้ถือเป็นกิจกรรมสนับสนุน ไม่ใช่เป็นกิจกรรมหลัก ส่วนกิจกรรมหาความสุขทางตา หู จมูก ลิ้น กายนี้ ให้ถือเป็นยาพิษ ไม่ใช่ยาวิเศษ เป็นเหมือนยาเสพติด มีแต่จะฉุดลากให้เราลงต่ำ เสียเวลา แทนที่จะเอาเวลาไปหาความสุขทางตา หู จมูก ลิ้น กายนี้ เราควรเอาเวลาไปหาความสุขใจจะดีกว่า แทนที่จะไปเที่ยวก็ไปอยู่วัดภาวนากัน ถ้าไปไม่ได้ก็อยู่บ้านภาวนาก็ได้ จะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ถ้าไปทางกิเลสตัณหาก็จะเป็นการไปเอายาพิษมาสร้างความทุกข์ทรมานให้แก่ใจ

จึงควรเข้าใจว่า การหาความสุขทางตา หู จมูก ลิ้น กายนี้ ไม่ได้เป็นการหาความสุข แต่เป็นการหาความทุกข์ เป็นการฉุดลากตัวเราให้เข้าสู่กองทุกข์ให้ลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถถอนออกมาได้ เหมือนคนที่ติดยาเสพติด ยิ่งเสพก็จะยิ่งติดลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนไม่มีกำลังที่จะถอนออกมาได้ เกิดมากี่ภพกี่ชาติก็ต้องหาความสุขแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีทางที่จะหลุดจากความทุกข์แบบนี้ได้ แม้จะได้พบกับพระพุทธศาสนาหรือพบพระพุทธเจ้าก็จะไม่ได้รับประโยชน์ เพราะไม่มีกำลังความพากเพียร หรือไม่มีศรัทธา ไม่เห็นว่าการไปปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าเป็นการปฏิบัติเพื่อความสุขที่แท้จริง จึงควรปฏิบัติกันไปตามกำลัง รักษาศีลได้มากน้อยก็รักษากันไป ภาวนาได้มากน้อยก็ภาวนากันไป เจริญสติได้มากน้อยก็เจริญกันไป แล้วก็ทำเพิ่มมากขึ้นไปตามลำดับ ให้ประเมินวัดผลดูว่า เริ่มปฏิบัติมากี่ปีแล้ว ก้าวไปถึงไหนแล้ว เพื่อจะได้กระตุ้นการปฏิบัติ แล้วความเจริญก้าวหน้าในธรรมจะเป็นผลที่ตามมาอย่างแน่นอน.


กัณฑ์ที่ ๔๑๖ วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๓ (จุลธรรมนำใจ เล่มที่ ๒๓)
“ควบคุมความคิด” : พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

https://www.facebook.com/Suchart.Abhijato

:b47: รวมคำสอน “พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=47981


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2015, 07:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ค. 2013, 10:07
โพสต์: 406

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร