วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 22:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 284 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 10:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
--คุณเช่นนั้น หมายถึงให้มีสติ รู้ถึงลมหายใจอย่างเดียว ไม่ต้องไปเกี่ยวกับอารมณ์ไหนเลยมีสติอยู่กับลมที่หายใจ เพียงอย่างเดียว ไม่ต้องไปรับอารมอื่น หรือหากรู้ว่าเกิดก็กลับเข้ามารู้ถึงแค่ว่าเรากำลังหายใจ ไม่ต้องไปรับเอาอารมนั้นเข้ามา รึเปล่าคะ s006

คุณ idea ...
อานาปานสติ เปรียบเสมือน workshop ในการเสริมสร้างกำลังสติปัญญาแก่จิต โดยอาศัยอุปกรณ์คือลมหายใจเข้าลมหายใจออกเป็นเครื่องมือ ในworkshop นี้ จุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาให้เห็นสภาวะธรรมต่างๆ ด้วยตนเอง จนกระทั่งอาจสามารถรู้จัก นิพพานชั่วขณะ ตทังคนิพพาน. จากนั้นผู้ฝึกฝนก็จะสามารถทำกิจต่างๆ ให้สำเร็จได้ด้วยประสบการณ์ที่ประจักษ์ด้วยตนเองใน อานาปานสติ.

ขณะที่ปฏิบัติในอานาปานสติ สติจึงระลึกรู้ถึงว่าขณะนั้นจะทำอะไรเพื่ออะไร ตระหนักถึงข้อเท็จจริงนั้นไว้ เพื่อบรรลุจุดประสงค์ให้ได้.

ในชั้นแรก คือต้องให้จิตเป็นสมาธิที่มั่นคง ซึ่งพระพุทธองค์ เรียกว่า "อานาปานสติสมาธิ"
เพราะจิตที่เป็นสมาธิ มีสติมีปัญญาเกื้อหนุนอยู่ จึงอ่อนควรแก่งาน ในการทำ อนุปัสสนา ต่อไป.

ดังนั้นการเรียนรู้ อานาปานสติ ตามเว็ปนั้นโดยไม่ได้รับการแนะนำให้ศึกษาจากพระสูตร ดำเนินตามพุทธภาษิต จึงมีโอกาสไหลเลื่อนไปตามลมหายใจเข้าลมหายใจออกอย่างเลื่อนลอย.

เพราะหากศึกษาจากความรู้ที่มีการบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก จะพบว่า สิ่งที่แนะนำกันมากในเว็ปต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายต่อ อานาปานสติสมาธิ ทั้งสิ้น. รวมถึงคัมภีร์ในชั้นหลังๆ หรือตำราที่แต่งกันในชั้นหลังๆ ก็ตามแต่.

ปัญญาเกิดจากการศึกษาพระสูตร เพื่อให้เป็นกำลังของสติ ในการกำหนด ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกมีอยู่
เพราะจะทำให้ทราบว่า ทำไมจึงต้องกำหนดอย่างนั้น เพื่ออะไร. จากนั้นเมื่อคุณ Idea ปฏิบัติตามก็จะมีสติ ซึ่งเกิดจากปัญญาในการศึกษานี้เกื้อหนุนให้ การทำสมาธินี้ลุล่วงไปด้วยดีอย่างถูกต้อง.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 10:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลมหายใจ ไม่ว่าของมนุษย์คนใดๆในโลก มันก็เข้าๆออกๆ เหมือนกันทั้งนั้นแหละ :b1: เข้าแล้วก็ออก ออกแล้วก็เขา ออกแล้วไม่เข้า เข้าแล้วไม่ออกก็เท่งทึง แต่ลมหายใจเข้า-ออกแต่ละครั้งๆนั้นสัมพันธ์กับอะไรยังไงสังเกตดู ดูนิ่งๆ

ที่นำปัญหามาถามเช่นนั้นบ่อยๆ เพราะจิตมันเร่ิ่มสงบ นามรูปมันจึงแสดงพื้นฐานของมันออกมา :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 11:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากคุณ idea ตั้งใจจะศึกษาตามพุทธภาษิต ....
ก็ต้องทำให้เกิดผล ตามพุทธภาษิต .....จึงเป็นหลักประกันได้ว่า มาถูกทาง

พุทธภาษิตเข้าใจง่าย กระชับ ไม่วุ่นวาย
ไม่เวิ่นเว้อ แต่ต้องอาศัยความเพียร ความตั้งใจ และความศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมในคำสอนของพระองค์.

อ้างคำพูด:
--คุณเช่นนั้น หมายถึงให้มีสติ รู้ถึงลมหายใจอย่างเดียว ไม่ต้องไปเกี่ยวกับอารมณ์ไหนเลยมีสติอยู่กับลมที่หายใจ เพียงอย่างเดียว ไม่ต้องไปรับอารมอื่น หรือหากรู้ว่าเกิดก็กลับเข้ามารู้ถึงแค่ว่าเรากำลังหายใจ ไม่ต้องไปรับเอาอารมนั้นเข้ามา รึเปล่าคะ


ดังนั้นคำถามข้างต้น
ผมหมายถึง เป็นการทำความรู้จักหน้าที่ของสติ ซึ่งในที่นี้คือให้ระลึกลมหายใจ เข้าลมหายใจออก ที่จุดที่กระทบอยู่. แต่ในสตินั้นจะต้องประกอบด้วยความรู้อื่นอีก เพื่อให้สตินั้นทำหน้าที่ได้ตามประสงค์ และไม่เป็นอันตรายต่อสมาธิ อานาปานสติสมาธิ.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 15:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เด็กน้อยหัดเดิน ต้องล้ม-ลุกคลุกคลาน ล้มแล้วลุกๆๆ หลายครั้งบาดเจ็บ ล้มๆลุกๆอยู่อย่างนั้น นับร้อยครั้งพันครั้ง กว่าจะเดินได้วิ่งได้ ข้อนี้ฉันใด

การฝึกจิต ก็ฉันนั้น ต้องค่อยๆฝึกค่อยๆทำไป ฝึกหัดจัดทำอยู่บนฐาน คือ ลมเข้า-ออก ฯลฯ นั้น พลาดหลุดออกจากฐาน ดึงกลับมาจับฐานใหม่ ๆๆๆๆ นับพันๆครั้งหมื่นๆครั้ง กว่าจิตจะอยู่กับฐานได้นานๆ นี่คือการฝึกจิต

แล้วขณะที่ฝึก อย่าคิดนึกแต่จะเอานั่นเอานี่ เอาสติเอาสมาธิเอาปัญญา...ซึ่งเป็นผล อย่าคิดเลย ทำงานที่เป็นเหตุให้ดีให้เรียยร้อย คือ ให้จิตใจอยู่กับงาน คือ ลมเข้า กับ ลมออก ได้ยาวนาน ฝึกทำไปๆ ต่อเมื่องานเรียบร้อยได้ที่แล้ว (เหตุปัจจัยพร้อม) ผลก็เกิด ถึงตอนนี้แม้ไม่อยากได้มันก็เกิด


ตัวอย่างประกอบความเข้าใจ ข้อความตรงขีดเส้นใต้นั่นแหละจิตมีสมาธิ (ผลคือความสุข)



หลังจากนั้น มีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ
ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่า ผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถะแบบอัปปมัญญา ๔ (เกิดความรู้สึกนี้ขึ้นเอง)

พอครบทุกทิศแล้ว ก็กำหนดแผ่ไปในทุกทิศพร้อมกันไม่มีประมาณ กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่ากายหายไป คือไม่มีกาย เวลานี้รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ มีแต่ความสุขไปหมด จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า

"มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่า ความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก (ส่วนใหญ่) มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คน (ส่วนใหญ่ ) ในโลกกลับไม่รู้"


จากนั้น ผมก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจ ตอนนี้มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เด็กน้อยหัดเดิน ต้องล้ม-ลุกคลุกคลาน ล้มแล้วลุกๆๆ หลายครั้งบาดเจ็บ ล้มๆลุกๆอยู่อย่างนั้น นับร้อยครั้งพันครั้ง กว่าจะเดินได้วิ่งได้ ข้อนี้ฉันใด

การฝึกจิต ก็ฉันนั้น ต้องค่อยๆฝึกค่อยๆทำไป ฝึกหัดจัดทำอยู่บนฐาน คือ ลมเข้า-ออก ฯลฯ นั้น พลาดหลุดออกจากฐาน ดึงกลับมาจับฐานใหม่ ๆๆๆๆ นับพันๆครั้งหมื่นๆครั้ง กว่าจิตจะอยู่กับฐานได้นานๆ นี่คือการฝึกจิต

แล้วขณะที่ฝึก อย่าคิดนึกแต่จะเอานั่นเอานี่ เอาสติเอาสมาธิเอาปัญญา...ซึ่งเป็นผล อย่าคิดเลย ทำงานที่เป็นเหตุให้ดีให้เรียยร้อย คือ ให้จิตใจอยู่กับงาน คือ ลมเข้า กับ ลมออก ได้ยาวนาน ฝึกทำไปๆ ต่อเมื่องานเรียบร้อยได้ที่แล้ว (เหตุปัจจัยพร้อม) ผลก็เกิด ถึงตอนนี้แม้ไม่อยากได้มันก็เกิด


ตัวอย่างประกอบความเข้าใจ ข้อความตรงขีดเส้นใต้นั่นแหละจิตมีสมาธิ (ผลคือความสุข)



หลังจากนั้น มีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ
ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่า ผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถะแบบอัปปมัญญา ๔ (เกิดความรู้สึกนี้ขึ้นเอง)

พอครบทุกทิศแล้ว ก็กำหนดแผ่ไปในทุกทิศพร้อมกันไม่มีประมาณ กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่ากายหายไป คือไม่มีกาย เวลานี้รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ มีแต่ความสุขไปหมด จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า

"มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่า ความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก (ส่วนใหญ่) มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คน (ส่วนใหญ่ ) ในโลกกลับไม่รู้"


จากนั้น ผมก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจ ตอนนี้มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก


มั่วสมกับเป็นกรัชกายจริงๆ 55555555

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 16:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Idea สิคะรู้สึกเกรงใจทุกท่าน เพราะบางคำถามช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ทั้งที่หลายท่านอธิบายให้ฟังแล้วซ้ำๆ ก็ยังจะถามอยู่ได้ แต่ก็เชื่อว่าทุกท่านในที่นี้มีความกรุณากันทุกคน เอาเป็นว่าหากปฏิบัติจนได้รับความสงบมากขึ้นเรื่อยๆก็คงจะรบกวนทุกท่านน้อยลง ช่วงนี้จึงขอความเมตตาเก็บคำแนะนำจากท่านทั้งหลาย ไว้เป็นความรู้ก่อนละกันนะคะ Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
Idea สิคะรู้สึกเกรงใจทุกท่าน เพราะบางคำถามช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ทั้งที่หลายท่านอธิบายให้ฟังแล้วซ้ำๆ ก็ยังจะถามอยู่ได้ แต่ก็เชื่อว่าทุกท่านในที่นี้มีความกรุณากันทุกคน เอาเป็นว่าหากปฏิบัติจนได้รับความสงบมากขึ้นเรื่อยๆก็คงจะรบกวนทุกท่านน้อยลง ช่วงนี้จึงขอความเมตตาเก็บคำแนะนำจากท่านทั้งหลาย ไว้เป็นความรู้ก่อนละกันนะคะ Kiss

มีพระธรรมที่พระพุทธองค์ทิ้งไว้เป็นมรดก
ทำความศึกษาให้มั่นคง
จะเกิดปัญญา มีความสงบอย่างแท้จริง

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 17:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
idea เขียน:
Idea สิคะรู้สึกเกรงใจทุกท่าน เพราะบางคำถามช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ทั้งที่หลายท่านอธิบายให้ฟังแล้วซ้ำๆ ก็ยังจะถามอยู่ได้ แต่ก็เชื่อว่าทุกท่านในที่นี้มีความกรุณากันทุกคน เอาเป็นว่าหากปฏิบัติจนได้รับความสงบมากขึ้นเรื่อยๆก็คงจะรบกวนทุกท่านน้อยลง ช่วงนี้จึงขอความเมตตาเก็บคำแนะนำจากท่านทั้งหลาย ไว้เป็นความรู้ก่อนละกันนะคะ Kiss

มีพระธรรมที่พระพุทธองค์ทิ้งไว้เป็นมรดก
ทำความศึกษาให้มั่นคง
จะเกิดปัญญา มีความสงบอย่างแท้จริง



พระธรรมที่เช่นนั้นคิดถึงเนี่ย อะไร ชัดๆสิขอรับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย ไม่ศึกษาพระสูตร
บอกอะไรไป ไม่มีทางเข้าใจได้หรอก
ฟุ้งไปกับนามรูป ป่อง-แฟบ เดินกระโหย่ง ต่อไปเรื่อยๆ เหอะ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย ไม่ศึกษาพระสูตร
บอกอะไรไป ไม่มีทางเข้าใจได้หรอก
ฟุ้งไปกับนามรูป ป่อง-แฟบ เดินกระโหย่ง ต่อไปเรื่อยๆ เหอะ



ไม่เข้าใจชีวิตเอาเลยเช่นนั้นเอ้ย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 18:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ไม่เข้าใจชีวิตเอาเลยเช่นนั้นเอ้ย :b1:

งมโข่งอยู่กับสิ่งเลื่อนลอยอยู่ได้นะกรัชกาย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 18:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไม่เข้าใจชีวิตเอาเลยเช่นนั้นเอ้ย :b1:

งมโข่งอยู่กับสิ่งเลื่อนลอยอยู่ได้นะกรัชกาย


ขนาดว่าชีวิตเป็นสิ่งเลื่อนลอย มันก็จบแล้วครับนายหัว :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 19:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไม่เข้าใจชีวิตเอาเลยเช่นนั้นเอ้ย :b1:

งมโข่งอยู่กับสิ่งเลื่อนลอยอยู่ได้นะกรัชกาย


ขนาดว่าชีวิตเป็นสิ่งเลื่อนลอย มันก็จบแล้วครับนายหัว :b14:

กรัชกายงมโข่งอยู่กับสิ่งเลื่อนลอย ถูกแล้ว

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 20:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


--คุณปลีกวิเวก สมาธิตั้งมั่น หมายถึง การที่เรากำหนดภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วตั้งมั่นอยู่ในการภาวนานั้นเพียงหนึ่งเดียว ใช่ใหมคะ ซึ่งก่อนจะสามารถตั้งได้ก็จะผ่านกับความฟุ้งปรุงแต่งกับอารมณ์ภายนอก อารมณ์ภายใน จนสุดท้ายตั้งมั่นเพียงคำภาวนาที่เรากำหนดไม่มีเหตุหรืออารมณ์ใดเกิดเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง
--ขอโทษ หลายๆท่านที่รบกวนหลายคำถามที่เหมือนว่าน่าจะไปศึกษาหาอ่านภายนอก พอดีว่าจะเริ่มเข้ามาปฏิบัติ และที่ผ่านที่เคยปฏิบัติมาที่รู้ว่าผิดพลาดก็คือ ขี้สงสัยมากไปด้วย เลยพยายามไม่ไปเปิดอ่านค้นหาแบบโดยรวม จะยิ่งสับสนไปใหญ่ เอาอารมณ์ความคิดสงสัยในแบบตัวเองจริงๆนี่แชร์คนอื่น เผื่อจะได้เห็นบางมุมที่เรามองไม่เห็น หรือหลายลิงค์ที่แนะนำมา ก็เข้าไปดูบ้าง แต่ด้วยจิตที่ยังไม่เป็นสมาธิ และบางคำศัพก็ยากจะเข้าใจชัดเจน อ่านหลายรอบก็ไม่มั่นใจว่าจะเข้าใจถูก เพราะขนาดคนที่เคยศึกษามาเช่นคุณกรัชกาย และคุณเช่นนั้นยังเกิดความขัดแย้งกันบ้าง ไม่ได้ว่านะคะ พี่2คน ช่วยให้เข้าใจอะไรดีๆเยอะ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2014, 22:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:

--ขอโทษ หลายๆท่านที่รบกวนหลายคำถามที่เหมือนว่าน่าจะไปศึกษาหาอ่านภายนอก พอดีว่าจะเริ่มเข้ามาปฏิบัติ และที่ผ่านที่เคยปฏิบัติมาที่รู้ว่าผิดพลาดก็คือ ขี้สงสัยมากไปด้วย เลยพยายามไม่ไปเปิดอ่านค้นหาแบบโดยรวม จะยิ่งสับสนไปใหญ่ เอาอารมณ์ความคิดสงสัยในแบบตัวเองจริงๆนี่แชร์คนอื่น เผื่อจะได้เห็นบางมุมที่เรามองไม่เห็น หรือหลายลิงค์ที่แนะนำมา ก็เข้าไปดูบ้าง แต่ด้วยจิตที่ยังไม่เป็นสมาธิ และบางคำศัพก็ยากจะเข้าใจชัดเจน อ่านหลายรอบก็ไม่มั่นใจว่าจะเข้าใจถูก เพราะขนาดคนที่เคยศึกษามาเช่นคุณกรัชกาย และคุณเช่นนั้นยังเกิดความขัดแย้งกันบ้าง ไม่ได้ว่านะคะ พี่2คน ช่วยให้เข้าใจอะไรดีๆเยอะ tongue




วลัยพรเริ่มทำ สิ่งที่เรียกว่า นั่งสมาธิ ประมาณ ชั้นประถม

ในสมัยนั้น ยังไม่รู้จักคอมฯ ไม่รู้จักศัพท์คำเรียกต่างๆ คำเรียกนั่นนี่ ไม่รู้จักสักคำเดียว

รู้จักแค่ว่า ถ้าเห็นเขาจับกลุ่มนั่งหลับตา มีพระเทศน์ นั่นเรียกว่า นั่งสมาธิ

ที่รู้ว่า เป็นการนั่งสมาธิ รู้จากการได้ยินผู้ใหญ่พูดคุยกัน


จุดเริ่มต้นการทำนั่งสมาธิ เกิดจากความอยากรู้ อยากเห็น ที่ได้อ่านในหนังสือ

ซึ่งหลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม โยนให้ พร้อมกับบอกว่า เอาไปทำเอง

ตอนที่รับหนังสือมา ก็ไม่รุ้หรอกว่า คืออะไร และให้ทำอะไร

กลับมาบ้าน เปิดอ่านดูแล้ว เป็นหนังสือเกี่ยวกับการฝึกกสิณ ในแบบต่างๆ

ลองทำดู เลือก เตโชกสิณ เพราะคิดว่า อุปกรณ์หาได้ง่ายสุด คือ เทียนไข

ทำตามหนังสือ ปิดห้อง ประตู หน้าต่าง ปิดหมด จุดเทียน นั่งจ้องแสงเทียน หลับตา สลับกับลืมตา

ท่องคำว่า เตโช หายใจเข้าเต หายใจออกโช

จนกระทั่ง แสงเทียนติดตา แม้ไม่ลืมตามองแสงเทียน ก็ยังปรากฏภาพแสงเทียนอยู่

เกิดอาการขนลุก ขนพอง ตัวโต บ้านโยกไปทั้งบ้าน

ใจก็คิด ผีแน่เลย กลัวผี ลืมตา เลิกทำ


วันต่อมา ทำอีก ครั้งนี้ ไม่ต้องลืมตสลับกับจ้องแสงเทียน

พอหลับตาลง มองเห็นแสงเทียนทันที

อาการเก่า เกิดขึ้นอีก ขนลุก ขนพอง หนังหัวตึงไปหมด รู้สึกบ้านโยก

ได้ยินเสียงมีคนอยู่ในห้อง ทั้งๆที่ อยู่นั่งอยู่คนเดียว

กลัวผี เลิกนั่ง

พอทำบ่อยๆ เริ่มชินกับอาการพวกนั้น เลิกกลัวผี

วันต่อมา พ่อเปิดห้อง เจอนั่งอยู่ พ่อให้เลิกทำ บอกว่า เดี่ยวเป็นบ้า ของพวกนี้ ต้องมีครูอาจารย์

วลัยพรมารู้ทีหลังว่า สิ่งที่วลัยพรทำนั้น เรียกว่า ทำสมาธิในอิริยาบทนั่ง


สมัยนี้ อุปกรณ์ เครื่องมือสื่อสาร ช่องทางวิชาการเยอะ

ผู้ปฏิบัติส่วนมาก เหมือนๆคุณ idea น่ะแหละ

คอยแต่จะใส่คำเรียกนั่นนี่ลงไป ในสิ่งที่คิดว่าน่าจะ ตรงตามคำเรียกนั้นๆ(ตามที่อยากให้เป็น)

เมื่อใจเต็มไปด้วยความอยาก ประกอบด้วยความไม่รู้ชัดในสิ่งที่เกิดขึ้น

ผลคือ สิ่งที่คุณ idea กำลังเป็นอยู่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 284 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร