วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 15:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2013, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

ถาม : สัมมาสมาธิกับมิจฉาสมาธิ ต่างกันอย่างไร


ตอบ : สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งมั่นของจิตที่ปราศจากกามคุณและอกุศลจิต เป็นสมาธิที่ประกอบไปด้วยสัมมาทิฏฐิ เป็นการปฏิบัติเพื่อศึกษาจิตใจหรืออารมณ์ของตัวเอง เพื่อลดละความโลภ ความโกรธ ความหลง เพื่อความพ้นทุกข์ ไม่ได้มุ่งหวังอะไร

มิจฉาสมาธิ คือ มีลักษณะจิตสงบ แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะเป็นสมาธิที่เจือปนด้วยถีนมิทธะนิวรณ์ ความง่วงเหงาหาวนอน หรือเป็นสมาธิที่เจือด้วยโทสะ มีความประสงค์ร้ายต่อผู้อื่น เช่น คิดจะควบคุมจิตของเขาเพื่อประโยชน์ของตน อาฆาตพยาบาท เป็นต้น หรือเป็นสมาธิที่เจือไปด้วยความโลภ เอาเปรียบคนอื่น หวังเอาลาภ เช่น กรณีใบ้หวย เป็นต้น การกระทำเช่นนี้เป็นการเพิ่มกิเลส มิได้เป็นไปเพื่อลดละกิเลสจึงเป็นมิจฉาสมาธิ พูดสั้นๆ ว่า มิจฉาสมาธิ คือ สมาธิที่ใช้ในการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ไม่ได้เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์

บางทีเราก็ใช้คำว่า “ฌาน” แทนสมาธิ ฌานที่บริสุทธิ์ก็คือสัมมาสมาธิ คือ ฌานเพื่อโลกุตตระ ฌานที่ไม่บริสุทธิ์ คือ ฌานที่เจือปนด้วยมิจฉาทิฏฐิ มีกิเลส เป็นโลกียฌานก็มี ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับมิจฉาสมาธิ


:b8: คัดลอกบางตอนมาจาก...
หนังสือ “โชคดีที่ได้รู้” ภาค ๒ : สมาธินำชีวิต
โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก วัดสุนันทวนาราม

:b39: รวมคำสอน “พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38514

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2013, 23:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 00:24
โพสต์: 34


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบ : สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งมั่นของจิตที่ปราศจากกามคุณและอกุศลจิต เป็นสมาธิที่ประกอบไปด้วยสัมมาทิฏฐิ เป็นการปฏิบัติเพื่อศึกษาจิตใจหรืออารมณ์ของตัวเอง เพื่อลดละความโลภ ความโกรธ ความหลง เพื่อความพ้นทุกข์ ไม่ได้มุ่งหวังอะไร


ผมว่าในคำตอบ มีความขัดแย้งกันเองอยู่นะครับ....
สมาธิที่ประกอบไปด้วยสัมมาทิฎฐิ เป็นการปฎิบัติเพื่อศึกษาจิตใจหรืออารมณ์ของตัวเอง เพื่อลดละความโลภ เพื่อลดละความโกรธ เพื่อลดละความหลง เพื่อความพ้นทุกข์
เห็นได้ชัดว่า ปฏิบััติสมาธิเพื่อโน่นเพื่อนี่เต็มไปหมด.... แต่สุดท้ายบอกว่าไม่ได้มุ่งหวังอะไร
ผมหัวเราะไม่ออกเลย..

ไม่ได้มีเจตนากล่าวตู่ท่านนะครับ.. ผมเห็นเช่นนั้นจริง ๆ..ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2013, 00:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


kitti1234 เขียน:
ตอบ : สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งมั่นของจิตที่ปราศจากกามคุณและอกุศลจิต เป็นสมาธิที่ประกอบไปด้วยสัมมาทิฏฐิ เป็นการปฏิบัติเพื่อศึกษาจิตใจหรืออารมณ์ของตัวเอง เพื่อลดละความโลภ ความโกรธ ความหลง เพื่อความพ้นทุกข์ ไม่ได้มุ่งหวังอะไร


ผมว่าในคำตอบ มีความขัดแย้งกันเองอยู่นะครับ....
สมาธิที่ประกอบไปด้วยสัมมาทิฎฐิ เป็นการปฎิบัติเพื่อศึกษาจิตใจหรืออารมณ์ของตัวเอง เพื่อลดละความโลภ เพื่อลดละความโกรธ เพื่อลดละความหลง เพื่อความพ้นทุกข์
เห็นได้ชัดว่า ปฏิบััติสมาธิเพื่อโน่นเพื่อนี่เต็มไปหมด.... แต่สุดท้ายบอกว่าไม่ได้มุ่งหวังอะไร
ผมหัวเราะไม่ออกเลย..

ไม่ได้มีเจตนากล่าวตู่ท่านนะครับ.. ผมเห็นเช่นนั้นจริง ๆ..ครับ


น่าจะเป็นปัจจุบันอารมณ์ ที่รู้ เกี่ยวกับธรรมที่ปรากฏขึ้น(แล้วแต่ว่าจะเป็นวิปัสสนาขั้นไหน เช่น เห็นการเกิดดับของธรรม หรือ เห็นพระไตรลักษณื หรือ เกิดความเบื่อหน่าย จน ถึง ธรรมอยู่จบ) คือไม่จำเป็นต้องอยู่ในอริยบท นิ่ง เพื่อรู้ แต่เดินเหิน จับนั่นจับนี่ แต่รู้ เพราะรักษาสติ (กั้นกระแสแห่งโลก)แต่ไม่มีจุดมุ่งหมายทางโลก (กามคุณ)

แต่ผู่ที่ถูกครอบงำด้วยอำนาจกิเลส แม้จะอยู่ในอริยบท นิ่ง แค่ไหนก็ตาม แต่ จิตถูกครอบงำอยู่ด้วยกระแสแห่งโลก สลัดไม่ออก

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2013, 10:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


kitti1234 เขียน:
ตอบ : สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งมั่นของจิตที่ปราศจากกามคุณและอกุศลจิต เป็นสมาธิที่ประกอบไปด้วยสัมมาทิฏฐิ เป็นการปฏิบัติเพื่อศึกษาจิตใจหรืออารมณ์ของตัวเอง เพื่อลดละความโลภ ความโกรธ ความหลง เพื่อความพ้นทุกข์ ไม่ได้มุ่งหวังอะไร


ผมว่าในคำตอบ มีความขัดแย้งกันเองอยู่นะครับ....
สมาธิที่ประกอบไปด้วยสัมมาทิฎฐิ เป็นการปฎิบัติเพื่อศึกษาจิตใจหรืออารมณ์ของตัวเอง เพื่อลดละความโลภ เพื่อลดละความโกรธ เพื่อลดละความหลง เพื่อความพ้นทุกข์
เห็นได้ชัดว่า ปฏิบััติสมาธิเพื่อโน่นเพื่อนี่เต็มไปหมด.... แต่สุดท้ายบอกว่าไม่ได้มุ่งหวังอะำไร
ผมหัวเราะไม่ออกเลย..

ไม่ได้มีเจตนากล่าวตู่ท่านนะครับ.. ผมเห็นเช่นนั้นจริง ๆ..ครับ


ที่จริงก็ไม่มีอะไรมาก...นะ

เหมือนว่าถ้าเราจะออกจากโลกไปอวกาศ...เราก็มีคอนเซ็บว่า...เราจะไม่พุ้งไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก(เพราะเรารู้อยู่ก่อนแล้วว่า...แรงโน้มถ่วงดึงเราเข้าหาโลก....)
เราก็ตั้งเป้าว่า....จะพุ้งไปทางไหนก็แล้วแต่...แต่ขอให้ไปในทิศที่ตรงข้ามกับแรงโน้มถ่วงของโลกเท่านั้นก็พอ(อาจจะตามแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์หรือแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์ก็ได้)

หากเราจะเถรตรงว่า...จะไม่ไปตามแรงโน้มถ่วงของอะไรทั้งนั้นเลย...อาจไม่สามารถกำหนดทิศเพื่อการพุ้งออกจากโลกนี้ได้เลย...เพราะถ้าหันไปทางนี้อาจไปตรงกับทิศของแรงโน้มถ่วงของดาวใดสักดวงหนึ่งเข้า....การออกจากโลกก็ไม่มีทางเผเป็นไปได่เช่นกัน

ขอให้อยู่ในอวกาศก่อน...แล้วเราค่อยมากำหนดว่า...เราจะไม่ไปตามแรงโน้มถ่วงใด ใดทั้งนั้น...นั้นจึงเป็นภาวะที่เหมาะสม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2013, 10:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ได้มุ่งหวังอะไร....

อะไรในที่นี้...น่าจะหมายถึง...ลาภ...ยศ...สรรเสริฐ...สุข..ที่คนทั่ว ๆ ไปใฝ่หา..อันเป็นเครื้องฉุดรั้งเราให้อยู่กับวัฏฏะสงสาร

อย่างน้อย...เราฝึกสมาธิ...ก็ต้องการสมาธินั้นแหละเป็นอย่างน้อย...

พระพุทธองค์กล่าวว่า..

ละอกุศล...เพียรทำกุศลให้ถึงพร้อม...ทำจิตให้สะอาด

ละอกุศล....ก็เพื่อเป็นฐานการทำจิตให้สะอาด
ทำกุศล....ก็เพื่อเป็นฐานการทำจิตให้สะอาด
เมื่อทำจิตให้สะอาดแล้ว....ทีนี้ค่อยมาดูว่ายังต้องใช้ความเพียรเพื่อละอกุศล..หรือเพียรทำกุศลอีกมั้ย?...ซึ่งก็น่าจะไม่นะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 12 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร