วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 16:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2013, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ได้อ่านบทความขอคำปรึกษาอาการ (สภาวธรรม) ที่เกิดจากการปฏิบัติทางจิต หรือการทำสมาธิ หรือการเจริญภาวนา หรือในชื่ออื่นๆที่คิดตั้งกันขึ้นมาในปัจจุบัน...เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ ลองอ่านดู

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2013, 10:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำถามมีว่า


การขอคำปรึกษาเรื่องอาการที่เกิดจากการฝึกสมาธิในที่สาธารณะแบบนี้ถือว่าสมควรไหม ?

มีความรู้เรื่องพุทธศาสนาน้อยมาก จึงกังวลไปทั่วทุกอย่างค่ะ

ไปฝึกแล้วเป็นโรคจิต (ตามที่หมอบอกจากอาการที่เราเป็น)

นั่งอ่านตามเว็บไซต์ ก็ไม่เห็นมีคนพูดกันว่าเจออะไรบ้าง จึงไม่แน่ใจว่ามันควรพูดไหม เดี๋ยวเจอข้อหาโทษศาสนา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2013, 10:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนแรกดิฉันมีอาการผิดปกติทางกายแล้วไปถามผู้สอน
แล้วได้คำตอบที่ไม่สมเหตุผลมากเลยจึงขาดความไว้ใจในตัวผู้สอน
คราวนี้พอเกิดอย่างอื่นตามมาก็ไม่ได้ถามอีก

ต่อมาทั้งตาฝาด หูแว่ว ได้ยินอะไรแบบพิเศษจากปกติ
ก็คิดว่าตัวเองวิเศษ ไม่ไปถามผู้ฝึกสอนอีกเพราะขาดความไว้วางใจ แถมหลงในสิ่งลวงนั้นแล้วด้วย
เป็นหนักจนต้องไปอยู่โรงพยาบาล และก็รักษาจนรู้ตัว และเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องไม่จริง
แต่ยังมีอาการอย่างนึงที่ยังไม่หายคือใจแว่ว (ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีค่ะเพราะมันคลายหูแว่วแต่เสียงเหมือนมีคนอื่นพูดมาจากใจเรา)

กินยาตามหมอสั่งมาก็หลายเดือนก็ยังไม่หาย ยังงงอยู่ว่าเป็นไปได้อย่างไร
เสียงที่ได้ยินบอกว่า ไม่หายหรอกต้องเป็นคนจิตผิดปกติไปตลอดบ้างละ ต้องไปฝึกสมาธิต่อให้หายบ้างละ
ฟังไปก็งงไปเรื่อยค่ะ เข้าใจว่ามันเป็นอาการจิตเภทแบบที่หมอบอก
แต่ไม่รู้ว่าต้องเดินทางไปสุดวิธีรักษาแบบคนเป็นโรคจิต หรือควรกลับมาทางทำสมาธิแทน
แต่กลัวตอนที่ร่างกายผิดปกติ กลัวเป็นอีกแล้วจะไม่หายคราวนี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2013, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัด คห. ของคนอื่นที่แนะนำแทรกๆออก อ่านแล้วจะสะดุดๆบ้าง

ดูเหมือนกับว่าอาการทางจิตเกิดได้จากการทำสมาธิ (ไม่ถูกวิธี?)
แล้วอาการทางกายล่ะคะ คุณเคยได้ยินว่า มีคนผิดปกติทางกายจากการฝึกสมาธิแล้วไม่หายไหมคะ
เพราะมันเป็นเหตุนึงที่ดิฉันกลัว จึงไม่กล้าทำอีก เพราะตอนที่เป็นนั้น
เหมือนมีคนมาจับหน้าเราบิดแรงๆไปมาตลอดเวลา ตอนออกจากสมาธิก็ยังเป็น
ตอนนั้นค่อนข้างหวั่นใจ แต่ก็อดทนนั่งจนหายไป ใช้เวลาช่วงนั้นราวสองวันค่ะ

กลัวว่าคราวนี้ทำอีกแล้วเกิดมันเป็นอีก แล้วไม่หายจะแย่ ....
(หากเรื่องที่เขาพูดกันว่าหมดวาสนาทางนี้เป็นเรื่องจริง เพราะมีคนพูดใส่เราแบบนั้นเช่นกัน
แต่ดิฉันเองไม่อยากจะเชื่อ ผลของทุกอย่างย่อมเกิดจากเหตุ
แต่ดิฉันไม่รู้ว่าเหตุใด ร่างกายเราเกิดอาการผิดปกติเช่นนั้นจากการทำสมาธิ
แล้วจะไปป้องกัน หรือเลี่ยงมันได้อย่างไร )

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2013, 10:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่เหลืออ่านที่นี่

http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2013, 10:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเดืมมาตั้งกระทู้ถามเป็นครั้งที่สอง ดูดีๆ


ดิฉันรู้เรื่องการปฏิบัติธรรมน้อยไม่รู้จะไปทางไหนดี ไม่กล้าเสี่ยงทำเองแบบมั่วๆอีกแล้วตอนที่ถามนั้นจำเป็นต้องอาศัยอยู่ต่างประเทศ จึงตัดสินใจรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบันทางเดียว เพราะหมดโอกาสหาพระอาจารย์ที่จะช่วยแนะนำได้

ตอนนั้นดิฉันเป็นหนักจนต้องนอนโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์ ต่อมาดิฉันรักษาอยู่นานเสียงแว่วต่างๆก็หายไปหมด แต่ก็ยังต้องพบแพทย์ทุกเดือน เดือนละครั้งจนผ่านไปเป็นปีก็ไม่มีอะไรผิดปกติแล้ว จึงได้เลิกทานยาตามคำอนุญาติของแพทย์ แล้วก็ได้ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย เพิ่งมาได้ไม่กีเดือนก็เกิดเรื่องอีกจนได้ค่ะ

อยู่ดีๆคืนนึงก็เกิดเสียงแว่วกลับมาอีก เขาบอกว่า อยากหายต้องหายทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น และให้ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อนจนกว่าจะเจออาจารย์ที่แนะนำได้ ดิฉันลองทดลองนั่งสมาธิเดินจงกรมอีกครั้งแค่เวลาสั้นๆ แต่เสียงแว่วกลับบอกว่าที่บอกว่าให้ทำเท่าที่ทำได้นั้นเขาให้ทำทั้งวัน

ตอนนี้เองที่ดิฉัน....กลัวค่ะ ...หรือว่าเพราะหยุดยานานและนอนไม่เต็มที่ อาการประสาทจึงกลับมาอีกแล้ว หรือเสียงนั้นไม่ใช่เกิดจากอาการจิตแล้วมันเพราะอะไร จะทำอย่างไรดี เพราะทานยาโรคประสาทไม่ค่อยสนุกนักผลกระทบเยอะมาก แถมหมอบอกว่าเดี๋ยวหยุดเดี๋ยวเริ่มอีกมันจะทำลายสมองเรา ถ้าตัดสินใจไปรักษาแบบนั้นอีกอาจจะต้องยอมรับการรักษาไปอีกยาวนานหลายปีแน่ๆ เพราะก็เห็นแล้วว่าขนาดรักษามาสองปี เสียงนั้นยังกลับมาได้อีก แต่การจะกลับมาเริ่มปฏิบัติใหม่ในสภาวะไม่แน่ใจว่าเสียงนั้นมาจากเหตุใดแบบนี้ (หากโรคประสาทมันกลับมาอีกจริงๆ) มันจะไปกันใหญ่

ยกเว้นแต่ว่า จะมีอาจารย์ให้คำแนะนำได้ แต่ท่านเหล่านั้นอยู่ไหนล่ะ เพราะไม่รู้จักเลยสักท่าน ตอนนี้ยังไม่กล้าให้คนที่บ้านรู้เลยค่ะเพราะหากพูดปรึกษาออกไปก็กลัวจะต้องมีทางเดียวให้เลือกคือพวกเขาจะพากันพูดอ้อนวอนจนเรารู้สึกผิดที่ทำให้พวกเขาเป็นห่วงแล้วก็ยอมกลับไปหาหมอกินยาอีกแบบที่เคยทำมา ใครมีคำแนะนำดีๆ แนะนำด้วยนะคะ

http://pantip.com/topic/30271016

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2013, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าบังเอิญ จขกท. ผ่านมาเห็นเข้าล่ะก็ ไปสนทนากันที่ลิงค์นี้นะครับ


http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... n#msg18192


เขาภาวนาได้ถึงระดับหนึ่ง จึงประสบสภาวธรรมดาของธรรมชาติเข้า แต่ขาดวิธีปฏิบัติต่อธรรมดานั้นอย่างถูกต้องเท่านั้น ไม่มีอะไรเสียหายเลย ถ้ากำหนดรู้เท่าทันมันทุกครั้งทุกขณะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2013, 00:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วิปัสสนาภาวนา มีหลายขั้นตอน แม้เราอาจเห็นการเกิดดับของนามรูปตามความเป็นจริง แต่เราไม่เคยกำหนดลงสู่ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เราก็ไม่พัฒนาขึ้น แม้เรื่องอารมณ์ก็ต้องเลยขั้น พระไตรลักษณ์ ขึ้นไปอีก คนที่กล่าวเรื่องอารมณ์ในวิปัสสนาภาวนา ก็ต้องครอบคลุมพระไตรลักษณ์ จึงเป็นการบอกแนวทางของผู้ที่ปฏิบัติเป็นอย่างดี

อาการทางจิตที่เกิดขึ้น ผู้ที่ปฏิบัติก็พอจะทราบอยู่บ้างว่ามันเป็นธรรมดาที่เกิดขึ้น เพียงแต่เรามีมุมมองกับธรรมที่เกิดขึ้นอย่างไร หากยึดถือมาเป็นอารมณ์ เราก็เหมือนกับจะพยายามหาทางแก้ไข แล้วจะเกิดความทุกข์ขึ้นทันที

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร