ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

รบกวนผู้รู้มาตอบทีครับ.
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=43717
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  titlekub [ 27 ต.ค. 2012, 23:57 ]
หัวข้อกระทู้:  รบกวนผู้รู้มาตอบทีครับ.

คือว่าเมื่อ 2 ปีก่อน ผมฝึกกสิณไฟ เตโชกสิณ อะครับ แล้วเพ่งไปเรื่อยๆ แล้วผมรู้สึกร้อนขึ้นมาทันที ร้อนมาก มันคือยังไงหรอครับ

เจ้าของ:  เฉลิมศักดิ์1 [ 15 พ.ย. 2012, 06:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: รบกวนผู้รู้มาตอบทีครับ.

พระอภิธัมมัตถสังคหะ

หมวดที่ ๑ กสิณ ๑๐

กสิณ คือกัมมัฏฐานที่ว่าด้วย ทั้งปวง หมายความว่า เช่น เพ่งปฐวีกสิณ ก็เหมือนกับว่าเพ่งดินทั้งปวง หรือว่าดินทั้งปวงก็เหมือนกับดินที่ดวงกสิณนี้เอง

อีกนัยหนึ่ง หมายว่า ทั่วไป ทั้งหมด คือการเพ่งดวงกสิณ จะต้องเพ่งให้ทั่วทั้งดวงกสิณ เพ่งให้ตลอดทั่วถึงหมดทั้งดวงกสิณ เพ่งให้ทั่วถึงทุกกระเบียดนิ้ว

กสิณมี ๑๐ อย่าง แม้จะเพ่งอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างแน่แน่ว ก็จะทำให้จิตไม่ดิ้นรน ไม่กระสับกระส่าย ทำให้กิเลสเครื่องเศร้าหมองเร่าร้อนต่าง ๆ สงบระงับ สามารถทำให้เกิดฌานจิตตั้งแต่ปฐมฌาน ขึ้นไปตามลำดับจนถึงปัญจมฌานได้ กสิณ ๑๐ คือ
http://abhidhamonline.org/aphi/p9/003.htm
--------------------------------------------------
๓. เตโชกสิณ
http://abhidhamonline.org/aphi/p9/006.htm

ก่อไฟให้ลุกเป็นเปลว ใช้เสื่อลำแพน หนังสัตว์ ผ้า หรือสิ่งใดก็ได้ เจาะให้เป็นช่องกลมโตสัก ๑ คืบ ๔ นิ้ว เอาตั้งบังไฟเข้าเฉพาะหน้า แล้วเพ่งเปลวไฟตามช่องนั้น พร้อมกับบริกรรมว่า เตโช เตโช หรือ ไฟ ไฟ

-------------------------------------

กัมมัฏฐานที่เหมาะแก่จริต

ผู้เจริญภาวนา จะต้องเลือกกัมมัฏฐานให้ถูกแก่จริตของตน จึงจะเป็นที่สบาย รู้ง่าย ได้ผลเร็ว ในคัมภีร์วิสุทธิมัคค แสดงไว้ว่า
http://abhidhamonline.org/aphi/p9/035.htm

-----------------------------------------


สมถะ ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
viewtopic.php?f=2&t=21049

ถามว่า เริ่มตั้งวิปัสสนาอย่างไร ?
แก้ว่า จริงอยู่ พระโยคีนั้น ครั้นออกจากฌานแล้วกำหนดองค์ฌาน
ย่อมเห็นหทัยวัตถุ ซึ่งเป็นที่อาศัยแห่งองค์ฌานเหล่านั้น ย่อมเห็นภูตรูป ซึ่ง
เป็นที่อาศัยแห่งหทัยวัตถุนั้น และย่อมเห็นกรัชกายแม้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นที่อาศัย
แห่งภูตรูปเหล่านั้น. ในลำดับแห่งการเห็นนั้น เธอย่อมกำหนดรูปและอรูปว่า
องค์ฌานจัดเป็นอรูป, (หทัย) วัตถุเป็นต้นจัดเป็นรูป. อีกอย่างหนึ่ง เธอนั้น
ครั้นออกจากสมาบัติแล้ว กำหนดภูตรูปทั้ง ๔ ด้วยอำนาจปฐวีธาตุเป็นต้น ใน
บรรดาส่วนทั้งหลายมีผมเป็นอาทิ และรูปซึ่งอาศัยภูตรูปนั้น ย่อมเห็นวิญญาณ
พร้อมทั้งสัมปยุตธรรมซึ่งมีรูปตามที่ตนกำหนดแล้วเป็นอารมณ์ หรือมีรูปวัตถุ
และทวารตามที่ตนกำหนดแล้วเป็นอารมณ์. ลำดับนั้น เธอย่อมกำหนดว่า
ภูตรูปเป็นต้น จัดเป็นรูป, วิญญาณที่มีสัมปยุตธรรม จัดเป็นอรูป. อีกอย่างหนึ่ง
เธอครั้นออกจากสมาบัติแล้ว ย่อมเห็นว่า กรัชกายและจิตเป็นที่เกิดขึ้นแห่ง
ลมอัสสาสะและปัสสาสะ. เหมือนอย่างว่า เมื่อสูบของช่างทองยังสูบอยู่ ลม
ย่อมสัญจรไปมา เพราะอาศัยการสูบ และความพยายามอันเกิดจากการสูบนั้น
ของบุรุษ ฉันใด, ลมหายใจเข้าและหายใจออก ย่อมเข้าออก เพราะอาศัย
กายและจิตฉันนั้นเหมือนกันแล. ลำดับนั้น เธอกำหนดลมหายใจเข้าหายใจออก
และกายว่า เป็นรูป, กำหนดจิตนั้นและธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตว่า เป็นอรูป.
--------------------------------------------------------------------

สำหรับแนวทาง วิปัสสนายานิก หรือ วิปัสสนาขณิกสมาธิ (วิปัสสนาล้วน) มีแนวทางดังนี้

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
viewtopic.php?f=2&t=29201
-------------------------------------------------------


อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง การฝึกสมาธิให้ได้ขั้นฌาน ก็หายากมาก ยิ่งการเจริญ กสิณ ด้วย

และฝึกสมาธิ, ฝึกกสิณ จนได้ฌาน แล้ว จะเจริญวิปัสสนาต่ออย่างไร ก็ยิ่งหาผู้รู้ ยากยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนมากก็ไปยึดติด ฌาน ว่า เป็น วิปัสสนาญาณ แม้กระทั่ง นิพพาน

ผมว่าลองศึกษาหาความรู้ในด้าน ปริยัติ (คันถธุระ) แล้วค่อยลงมือเจริญ วิปัสสนาธุระ

สำหรับผม กำลังฝึกหัดปฏิบัติในแบบที่อาศัย ขณิกะสมาธิ ในการกำหนดรู้ใน อิริยาบถใหญ่ และ รูป นาม

เจ้าของ:  student [ 16 พ.ย. 2012, 02:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: รบกวนผู้รู้มาตอบทีครับ.

อ้างคำพูด:
ถามว่า เริ่มตั้งวิปัสสนาอย่างไร ?
แก้ว่า จริงอยู่ พระโยคีนั้น ครั้นออกจากฌานแล้วกำหนดองค์ฌาน
ย่อมเห็นหทัยวัตถุ ซึ่งเป็นที่อาศัยแห่งองค์ฌานเหล่านั้น ย่อมเห็นภูตรูป ซึ่ง
เป็นที่อาศัยแห่งหทัยวัตถุนั้น และย่อมเห็นกรัชกายแม้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นที่อาศัย
แห่งภูตรูปเหล่านั้น. ในลำดับแห่งการเห็นนั้น เธอย่อมกำหนดรูปและอรูปว่า
องค์ฌานจัดเป็นอรูป, (หทัย) วัตถุเป็นต้นจัดเป็นรูป. อีกอย่างหนึ่ง เธอนั้น
ครั้นออกจากสมาบัติแล้ว กำหนดภูตรูปทั้ง ๔ ด้วยอำนาจปฐวีธาตุเป็นต้น ใน
บรรดาส่วนทั้งหลายมีผมเป็นอาทิ และรูปซึ่งอาศัยภูตรูปนั้น ย่อมเห็นวิญญาณ
พร้อมทั้งสัมปยุตธรรมซึ่งมีรูปตามที่ตนกำหนดแล้วเป็นอารมณ์ หรือมีรูปวัตถุ
และทวารตามที่ตนกำหนดแล้วเป็นอารมณ์.
ลำดับนั้น เธอย่อมกำหนดว่า
ภูตรูปเป็นต้น จัดเป็นรูป, วิญญาณที่มีสัมปยุตธรรม จัดเป็นอรูป. อีกอย่างหนึ่ง
เธอครั้นออกจากสมาบัติแล้ว ย่อมเห็นว่า กรัชกายและจิตเป็นที่เกิดขึ้นแห่ง
ลมอัสสาสะและปัสสาสะ. เหมือนอย่างว่า เมื่อสูบของช่างทองยังสูบอยู่ ลม
ย่อมสัญจรไปมา เพราะอาศัยการสูบ และความพยายามอันเกิดจากการสูบนั้น
ของบุรุษ ฉันใด, ลมหายใจเข้าและหายใจออก ย่อมเข้าออก เพราะอาศัย
กายและจิตฉันนั้นเหมือนกันแล. ลำดับนั้น เธอกำหนดลมหายใจเข้าหายใจออก
และกายว่า เป็นรูป, กำหนดจิตนั้นและธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตว่า เป็นอรูป.


ความเข้าใจและพิจารณาจะทำให้เราสามารถแยกได้ ว่าภาวะใดรูป ภาวะใดนาม อนุโมทนาครับ

เจ้าของ:  natipakorn [ 19 ม.ค. 2016, 00:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: รบกวนผู้รู้มาตอบทีครับ.

titlekub เขียน:
คือว่าเมื่อ 2 ปีก่อน ผมฝึกกสิณไฟ เตโชกสิณ อะครับ แล้วเพ่งไปเรื่อยๆ แล้วผมรู้สึกร้อนขึ้นมาทันที ร้อนมาก มันคือยังไงหรอครับ


นั่นแสดงว่าจิตคุณมีกำลังมากแล้วในชั่วขณะนั้น
สมาธิแน่วแน่และคุณมีกสิณไฟอยู่เนืองๆ

แต่มันไม่ค่อยมีประโยชน์นักถ้าทำได้เพียงครั้งเดียวเพียงปรากฏให้คุณรู้ว่าคุณมีความสามารถที่จะฝึกได้
ถ้าคุณสามารถทำได้สม่ำเสมอจะมีประโยชน์มาก สามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้งานทางด้านอื่นๆได้ดี

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/