วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2012, 11:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2012, 10:54
โพสต์: 34


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากฝึกกสินสีเขียวมานานแล้วคับแต่ไม่รู้วิธีฝึก ขอให้ผู้รู้ทั้งหลายบอกอย่างละเอียดด้วยคับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2012, 23:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไมถึงอยากฝึกกสินสีเขียวครับ มีที่มาอย่างไรครับ แตกต่างกับสีอื่นอย่างไร

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2012, 07:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2012, 10:54
โพสต์: 34


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมคิดว่าผมน่าจะเหมาะกับกสินสีเขียวคับ อ่านในหนังสือตรงกับโทสะจริตพอดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 00:02
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: :b48: อานาปานสติดีกว่าไหม ถ้าอยากได้นิมิตดวงกลมๆ กลางวันใสเหมือนแก้ว
กลางคืนเปล่งแสงด้วย เห็นด้วยตาเนื้อตอนออกจากสมาธิใหม่ๆ นะ ประสบการณ์ตรงของตนเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2012, 13:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2011, 18:12
โพสต์: 8

แนวปฏิบัติ: กรรมฐาน ๔๐
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การฝึกกสิณนั้น ไม่ยากอะไร
คือ ไปหาวัตถุมา นั่งดู แล้วก็นึก นึกจนจำได้ เรียกว่า บริกรรมนิมิต
เมื่อสมาธิดีขึ้น นิมิตจะเริ่มเปลี่ยนสีสรร สุดท้ายกลายเป็นแก้วใสเป็นประกาย
(ลักษณะที่เปลี่ยนแปลงนี้ตามตัวอักษร ขออย่าได้คิดไว้ก่อนว่าจะเป็นยังไง
เพราะถ้าคิดไว้ก่อนจะเป็นนิวรณ์ จิตฟุ้งซ่านไม่เป็นสมาธิ
ต่อเมื่อจิตมีสมาธิดียิ่งขึ้นจะเห็นเอง พบเอง เป็นปัจจัตตังนะครับ)

ถ้าไม่เข้าใจ ลองนึกอย่างนี้นะ นึกถึงพระพุทธรูปที่บ้านนึกออกมั้ย
นึกถึงพระพุทธชินราช นึกออกมั้ย ถ้านึกออก นั่นแหละนิมิต เป็นพุทธนิมิต
ใช้อารมณ์แบบนั้น ใช้อารมณ์นึกให้ภาพอยู่ในใจ นึกเมื่อไหร่ก็ชัดเจนทันที
บริกรรมนิมิตของกสิณก็เหมือนกัน
ให้หากระดาษสีเขียว มาตัดเป็นวงกลม ใหญ่พอเห็นได้ชัด
แล้วแปะบนกระดาษสีขาวอีกทีก็ได้ จากนั้นก็นั่งสบายดูภาพวงกลมสีเขียว
เพ่ง(ในพระไตรปิฏกใช้คำนี้)มองจนจำได้ ก็หลับตา นึกภาพวงกลมสีเขียว
เอาภาพที่นึกนะครับ อย่าเอาภาพติดตา ใช้อารมณ์เดียวกับการที่เรานึกภาพที่เราเคยเห็นนั่นแหละ
(เหมือนนึกหน้าเพื่อน หน้าแฟนไง)
คำภาวนาก็.. ตามตำราคือ นีลกสิณังๆๆ หรือจะภาวนาว่า สีเขียวๆ ก็ได้
เห็นภาพนั้นในใจสักพัก ภาพกสิณจะหายไป ก็ลืมตามองดูใหม่ แล้วก็จำใหม่ หลับตานึกเห็นใหม่
ฝึกไปสักระยะหนึ่ง ภาพนิมิตกสิณจะติดใจจนไม่ว่าเราจะทำอะไรเราก็สามารถนึกเห็นภาพนิมิตได้ตลอด
ว่ากันว่านักปฏิบัติที่เคร่งจริง จะทรงนิมิตกสิณตลอดเวลาเท่าที่จะทำได้
เมื่อจิตเข้าถึงอุปจารสมาธิในกรรมฐานกสิณ กสิณจะชัดเจน และค่อยๆเปลี่ยนสี(เอง)
ซึ่งเมื่อเข้าถึงฌาน นิมิตกสิณจะสวยมาก

ขอให้หา เรื่องสัทธิวิหาริกของพระสารีบุตรเถระ อ่านดูนะครับ
เพราะเป็นตัวอย่างจากพระไตรปิฏกที่พระพุทธเจ้าสอนศิษย์ของพระสารีบุตรด้วยกสิณสีแดง
จนสามารถบรรลุอรหัตผลได้

อนึ่ง... ถ้าฝึกอานาปานสติจนจิตสบายหรือฌานได้แล้ว การฝึกกสิณจะเร็วมาก
กสิณนั้น กองแรกอาจจะใช้เวลา ๗ วัน ๑ เดือน หรือเป็นปีก็ได้ กว่าจะได้ฌาน ๔
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสมาธิเดิมที่มีมาและอิทธิบาท๔
แต่เมื่อได้กองแรกแล้ว กองอื่นๆก็ใช้เวลาไม่นาน
กสิณเป็นกรรมฐานหยาบที่ฝึกง่าย ขอให้เจริญในธรรมนะครับ

.....................................................
หมั่นขอขมาพระรัตนตรัย
เพราะเราอาจจะปรามาสคุณพระรัตนตรัยโดยไม่รู้ตัว
จากการพูดคุยถามตอบกันในเวบบอร์ด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2012, 07:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 เม.ย. 2007, 05:03
โพสต์: 214

ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


พระอภิธัมมัตถสังคหะ

๕. นีลกสิณ
http://abhidhamonline.org/aphi/p9/008.htm

ให้หาดอกไม้ที่มีกลีบสีเขียว เช่นดอกอัญชัน (สีครามแก่) เป็นต้น มาประดับในขัน โอ ชาม หรือภาชนะอะไรก็ได้ ปากกว้างสัก ๑ คืบ ๔ นิ้ว ให้เรียบเสมอปากภาชนะนั้น อย่าให้เห็นก้านและเกษร เพราะก้านคงเป็นสีเขียวใบไม้ เกษรโดยมากสีเหลือง ซึ่งไม่ใช่สีเดียวกับกลีบที่เป็นสีเขียวครามแก่ นำมาตั้งไว้เฉพาะหน้าห่างสักศอกคืบ ให้เพ่งสีเขียวนั้นเป็นอารมณ์ พร้อมกับบริกรรมว่า นีลํ นีลํ หรือ เขียว เขียว ก็ได้

นอกจากใช้ดอกไม้สีเขียวแล้ว จะใช้ผ้าหรือกระดาษสีเขียว ตัดเป็นแผ่นกลมโตคืบเศษสำหรับเพ่งก็ได้เหมือนกัน

---------------------------

พระวิสุทธิมรรค
http://www.larnbuddhism.com/visut/saraban2.html
ปฐวีกสิณ
กสิณโทษ ๔
โทษแห่งกามคุณ
อสัปปายะ ๒
ติรัจฉานกถา ๓๒
สัปปายะ ๗
กถาวัตถุ
อัปปนาโกศล ๑๐
ทำอินทรีย์ให้เสมอกัน
ชวนะ
สวี ๕
องค์แห่งรูปฌาน
อาโปกสิณ
กสิณโทษ
เตโชกสิณ
วาโยกสิณ
นิลกสิณ
ปีตกสิน-โลหิตกสิณ
โอทาตกสิณ
อาโลกกสิณ
อากาสกสิณ
ปกิณณกพิธีแห่งกสิณ ๑๐

นิลกสิณ
http://www.larnbuddhism.com/visut/2.6.html#029

=============================

สมถะ ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
viewtopic.php?f=2&t=21049

เมื่อครั้งพุทธกาล ผู้บรรลุที่เคยได้ฌานมาก่อน มีจำนวนน้อย
viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
viewtopic.php?f=2&t=29201

==================================

ไม่เคยฝึกกสิณ นะครับ อ้างจากคัมภีร์ล้วน ๆ เคยอยากจะฝึกให้ได้ฤทธิ์เหมือนกัน

พักหลังเปลี่ยนแนวมาเป็นการ กำหนดรู้ในทุกข์ ที่ถูกอิริยาบถปิดบังไว้ ยังพอมีโอกาสที่จะเห็นรูปนาม ตามความเป็นจริงได้บ้าง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2012, 10:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




001.jpg
001.jpg [ 32.71 KiB | เปิดดู 5946 ครั้ง ]
เชิญร่วมปฏิบัติธรรม แบบเจโตวิมุติ 19 ตค. - 23 ตค. 2555 ณ ปัณฑิตารมย์ กรุงเทพ
และเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพอาหารและเครื่องดื่ม

ปฏิบัติธรรมแบบเจโตวิมุติ
คือการปฏิบัติธรรมด้วยความสุขในธรรมตลอดเวลาการปฏิบัติ
คือการมีปีติสุสุขหรืออุเบกขาในกุศลธรรมตลอดเวลาการปฏิบัติ
เพราะจิตตั้งอยู่ในกองกุศลตลอดเวลา กุศลให้ผลเป็นสุข และอุเบกขาเท่านั้น
คือการปฏิบัติแบบตรัสรู้เร็วพลัน
คือการใช้ปัญญาที่เฉียบคม ดับทั้งกิเลสสังโยชน์ ดับทั้งขันธ์ ด้วยสัญญาเวทยิทนิโรธสมาบัติ

อย่างน้อยผู้เข้าร่วมปฏิบัติจะบรรลุจตุตถฌานภายใน 1 ชั่วโมง
.


ผู้สนใจเป็นเจ้าภาพค่าอาหารและเครื่องดื่ม
โอนเงินร่วมบุญได้ที่
บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขา โลตัส พัทยาใต้
ชื่อบัญชี ศูนย์วิจัยชนบท เลขที่บัญชี 533-2-21711-0

ตารางปฏิบัติธรรมประจำปี 2555

12-15 ตุลาคม 2555 ปัณฑิตารมย์ พัทยา
19-23 ตุลาคม 2555 กรุงเทพ
26-29 ตุลาคม 2555 ปัณฑิตารมย์ พัทยา
2-5 พฤศจิกายน 2555 ปัณฑิตารมย์ กรุงเทพ
9-12 พฤศจิกายน 2555 ปัณฑิตารมย์ พัทยา
16-19 พฤศจิกายน 2555 ปัณฑิตารมย์ กรุงเทพ
23-26 พฤศจิกายน 2555 ปัณฑิตารมย์ พัทยา
30 พ.ย. 5 ธ.ค. 2555 ปัณฑิตารมย์ กรุงเทพ
7-10 ธันวาคม 2555 ปัณฑิตารมย์ พัทยา
14-17 ธันวาคม 2555 ปัณฑิตารมย์ กรุงเทพ
21-24 ธันวาคม 2555 ปัณฑิตารมย์ พัทยา
28 ธ.ค. 55 1 ม.ค. 56 ปัณฑิตารมย์ กรุงเทพ.


ปฏิบัติธรรมแบบเจโตวิมุติ
คือการปฏิบัติธรรมด้วยความสุขในธรรมตลอดเวลาการปฏิบัติ
คือการมีปีติสุสุขหรืออุเบกขาในกุศลธรรมตลอดเวลาการปฏิบัติ
เพราะจิตตั้งอยู่ในกองกุศลตลอดเวลา กุศลให้ผลเป็นสุข และอุเบกขาเท่านั้น
คือการปฏิบัติแบบตรัสรู้เร็วพลัน
คือการใช้ปัญญาที่เฉียบคม ดับทั้งกิเลสสังโยชน์ ดับทั้งขันธ์ ด้วยสัญญาเวทยิทนิโรธสมาบัติ

อย่างน้อยผู้เข้าร่วมปฏิบัติจะบรรลุจตุตถฌานภายใน 1 ชั่วโมง



เชิญร่วมปฏิบัติธรรมสร้างมัคคผล ปิดประตูอบาย ตัดอกุศลวิบากกรรมแก่ตนเอง
และเพิ่มบุญบารมีถวายเป็นพุทธบูชา 2600 ปีแห่งการตรัสรู้

ปฏิบัติธรรม แบบเจโตวิมุติ ณ ปัณฑิตารมย์ กรุงเทพ, พัทยา

กรุงเทพ 352-353 หมู่บ้านบุรีรมย์ 4 ซอยประชาอุทิศ 76/1 แขวงและเขตทุ่งครุ กทม.

พัทยา 46/38 พัทยาใต้ หมู่ที่ 4 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ผู้สนใจติดต่อโทร. 089 - 766 - 2373 .




ตารางปฏิบัติธรรมประจำวัน

19 ตุลาคม 2555
07.00-09.00 น. ลงทะเบียน เข้าที่พัก ทานอาหารเช้า - อาบน้ำ
09.00-12.00 น.
1.เจริญสมาธิในฌานสมาบัติ 8 คนที่ไม่เคยฝึกมาก่อนใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็บรรลุฌานสมาบัติ 8
2.เจริญมัคคภาวนาอบรมปัญญาเพื่อบรรลุโสดาปัตติมัคค
และเจริญปัญญาวิมุติ โดยเจริญอริยสัจ 4 มีฌาน 4 เป็นบาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
4.เจริญเจโตวิมุติ โดยเจริญสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ มีฌานสมาบัติ 8 เป็นบาท ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

12.00-13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.00-16.00 น.
1.เจริญปัญญาวิมุติ โดยเจริญอนัตตลักขณสูตรมีฌาน 4 เป็นบาท
2.ฝึกวิชชา 8 เพื่อเจริญอินทรีย์ 8 มรรค 8 และพละ 7 ให้แก่กล้า
และเจริญปัญญาในความสำเร็จด้วยอำนาจแห่งการอธิษฐาน

16.00-18.00 น. รับประทานอาหารเย็นและอาบน้ำ
18.00-21.00 น.
1.จิตตกรีฑา ฝึกฌานสมาบัติ 8 และกสิณ 8 ฝึก 14 ข้อ เพื่อเจริญอินทรีย์ 8 มรรค 8 และพละ 7 ให้แก่กล้า
2.วิโมกข์ 8
3.สมาบัติ 3
4.ฝึกวิชชา 8 เจริญอินทรีย์ 8 ให้แกล้า.
21.00-01.00 น. สนทนาธรรม Mind Mapเรื่อง ธรรมะคืออะไร และถาม - ตอบปัญหาต่าง ๆ
01.00-06.00 น. นอน

20 ตุลาคม 2555
06.00-07.00 น. ตื่นนอน
07.00-09.00 น. รับประทานอาหารเช้า - อาบน้ำ
09.00-12.00 น.
1.เจริญวิชชาและวิมุติให้บริบูรณ์ด้วยอานาปานสติ
2.ฝึกวิชชา 8 ต่อ เพื่อเจริญอินทรีย์ 8 มรรค 8 และพละ 7 ให้แก่กล้า

12.00-13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.00-16.00 น.
1.ฝึกปัญญาในความสำเร็จด้วยอำนาจแห่งการอธิษฐาน เป็นญาณลำดับที่ 50 เป็นบาทแก่เจโตวิมุติ
2.ฝึกวิชชา 8 ต่อ เพื่อเจริญอินทรีย์ 8 มรรค 8 และพละ 7 ให้แก่กล้า

16.00-18.00 น. รับประทานอาหารเย็นและอาบน้ำ
18.00-21.00 น.
1.ฝึกการสำรวมระวังอินทรีย์เพื่อยังจิตให้หลุดพ้น
2.ฝึกวิชชา 8 ต่อ เพื่อเจริญอินทรีย์ 8 มรรค 8 และพละ 7 ให้แก่กล้า.

21.00-01.00 น. สนทนาธรรมเรื่องกลุ่มจิต ทางสายกลางเรื่องมรรคมีองค์ 8 และถาม - ตอบปัญหาต่าง ๆ
01.00-06.00 น. นอน

21 ตุลาคม 2555
06.00-07.00 น. ตื่นนอน
07.00-09.00 น. รับประทานอาหารเช้า - อาบน้ำ
09.00-12.00 น.
1.เจริญสมาธิ และสัมมาสติให้บริบูรณ์
2.ฝึกจิตตกรีฑา เพื่อเจโตวิมุติ

12.00-13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.00-16.00 น.
1.สมาบัติ 3
2.ไปเที่ยวสวรรค์และพรหมโลกด้วยมโนมยิทธิ

16.00-18.00 น. รับประทานอาหารเย็นและอาบน้ำ
18.00-21.00 น.
1.ฝึกการสำรวมระวังจิตให้หลุดพ้น
2.ฝึกวิชชา 8 ต่อ เพื่อเจริญอินทรีย์ 8 มรรค 8 และพละ 7 ให้แก่กล้า.

21.00-01.00 น. สนทนาธรรมถาม - ตอบปัญหาต่าง ๆ
01.00-06.00 น. นอน


22 ตุลาคม 2555
06.00-07.00 น. ตื่นนอน
07.00-09.00 น. รับประทานอาหารเช้า - อาบน้ำ
09.00-12.00 น.
1.เจริญสมาธิให้บริบูรณ์เพื่อบรรลุ สกาทาคมีมัคค อนาคามีมัคค และอรหัตตมัคค โดยเจริญอริยสัจ 4 มีฌาน 4 เป็นบาท
2.ฝึกวิชชา 8 ต่อ เพื่อเจริญอินทรีย์ 8 มรรค 8 และพละ 7 ให้แก่กล้า

12.00-13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.00-16.00 น.
1.อนัตตลักขณสูตรมีฌาน 4 เป็นบาท
2.ฝึกปัญญาในความสำเร็จด้วยอำนาจแห่งการอธิษฐาน เป็นญาณลำดับที่ 50 เป็นบาทแก่เจโตวิมุติ
3.ฝึกวิชชา 8 ต่อ เพื่อเจริญอินทรีย์ 8 มรรค 8 และพละ 7 ให้แก่กล้า

16.00-18.00 น. รับประทานอาหารเย็นและอาบน้ำ
18.00-21.00 น.
1.เจริญปฏิจจสมุปบาทสายเหตุให้เกิดทุกข์มีฌาน 4 เป็นบาท
2.เจริญปฏิจจสมุปบาทสายทางเข้าถึงซึ่งความดับทุกข์มีฌาน 4 เป็นบาท
3.ฝึกการสำรวมระวังจิตให้หลุดพ้น
4.ฝึกวิชชา 8 ต่อ เพื่อเจริญอินทรีย์ 8 มรรค 8 และพละ 7 ให้แก่กล้า.
21.00-01.00 น. สนทนาธรรมเรื่องกลุ่มจิต ทางสายกลางเรื่องมรรคมีองค์ 8 และถาม - ตอบปัญหาต่าง ๆ
01.00-06.00 น. นอน

23 ตุลาคม 2555
06.00-07.00 น. ตื่นนอน
07.00-09.00 น. รับประทานอาหารเช้า - อาบน้ำ
09.00-12.00 น. จิตตกรีฑา ( ฌานสมาบัติ 8 กสิณ 8 ) 14 ขั้นตอน
1.ฝึกการทรงฌานในอริยาบทนั่ง นอน ยืน เดิน และการทำการงานในชีวิตประจำวัน
2.เจริญปัญญาวิมุติ โดยเจริญอริยสัจ 4 มีฌาน 4 เป็นบาท ด้วยการนั่งลืมตา เพื่อเจริญสมาธิและสติให้บริบูรณ์ จนบรรลุมัคค 4 ผล 4
3.ฝึกวิชชา 8 ต่อ เพื่อเจริญอินทรีย์ 8 มรรค 8 และพละ 7 ให้แก่กล้า
12.00-13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.00-16.00 น.
1.เจริญปัญญาวิมุติ และเจโตวิมุติ โดยเจริญอนัตตลักขณสูตรมีฌาน 4 เป็นบาท
2.ตั้งกายเอาไว้ในจิต ตั้งจิตเอาไว้ในกาย ทรงฌาน1- 2-3-4
3.ฝึกวิชชา 8 ต่อ เพื่อเจริญอินทรีย์ 8 มรรค 8 และพละ 7 ให้แก่กล้า
16.00-18.00 น. กลับบ้าน




สิ่งที่มีบริการให้
1.อาหารและเครื่องดื่ม 3 มื้อ
2.มีห้องนอน - ที่พักให้

รับจำนวนจำกัดเพียงแห่งละ 20 ท่านเท่านั้น
รับรองผลการปฏิบัติว่า .. อย่างน้อยผู้เข้าร่วมปฏิบัติจะบรรลุจตุตถฌานภายใน 1 ชั่วโมง

ผู้สนใจติดต่อโทร. 089 - 766 - 2373..


[๓๕๙] ดูกรพราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ มีศรัทธา ออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ.

เขาบวชอย่างนั้นแล้ว ยังลาภสักการะและความสรรเสริญให้เกิดขึ้น. เขาไม่มีความยินดี มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น. เขาไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญอันนั้น.

อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่าลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย. เขาย่อมยังความถึงพร้อมแห่งศีลให้สำเร็จ. เขามีความยินดีด้วยความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม เขาไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลอันนั้น.

อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่าความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย. เขาย่อมยังความถึงพร้อมแห่งสมาธิให้สำเร็จ. เขามีความยินดีด้วยความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม เขาไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิอันนั้น.

อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด พยายามเพื่อทำให้แจ้งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่าความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย เขาย่อมยังญาณทัสสนะให้สำเร็จ. เขามีความยินดีด้วยญาณทัสสนะนั้น แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม. เขาไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะญาณทัสสนะอันนั้น.

อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นยิ่งกว่า และประณีตกว่าญาณทัสสนะนั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย.
ดูกรพราหมณ์ ก็ธรรมที่ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะเป็นไฉน?

ภิกษุในพระศาสนานี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง ภิกษุบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง ภิกษุบรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่.แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะปฏิฆสัญญาดับไป เพราะไม่ใส่ใจซึ่งนานัตตสัญญา ภิกษุย่อมบรรลุอากาสานัญจายตนฌาน ด้วยพิจารณาว่า อากาศหาที่สุดมิได้. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งอากาสานัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง ภิกษุย่อมบรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน ด้วยพิจารณาว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง ภิกษุย่อมบรรลุอากิญจัญญายตนฌาน ด้วยพิจารณาว่า น้อยหนึ่งไม่มี. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งอากิญจัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง ภิกษุย่อมบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง ภิกษุย่อม บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ. เพราะเห็นด้วยปัญญาของเธอ อาสวะทั้งหลายย่อมสิ้นไป. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

ดูกรพราหมณ์ ธรรมเหล่านี้แล ที่ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ. เปรียบเหมือนบุรุษคนนั้นที่มีความต้องการแก่น แสวงหาแก่น เที่ยวเสาะหาแก่นอยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ตัดเอาแก่นนั้นแหละถือไป รู้อยู่ว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขา จักสำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด.
ดูกรพราหมณ์ เราเรียกบุคคลนี้ว่ามีอุปมาฉันนั้น.

[๓๖๐] ดูกรพราหมณ์ ดังพรรณนามาฉะนี้ พรหมจรรย์จึงมิใช่มีลาภสักการะและความสรรเสริญเป็นอานิสงส์ มิใช่มีความถึงพร้อมแห่งศีลเป็นอานิสงส์ มิใช่มีความถึงพร้อมสมาธิ เป็นอานิสงส์ มิใช่มีญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์

พรหมจรรย์นี้มีเจโตวิมุติอันไม่กำเริบ เป็นประโยชน์ เป็นแก่น เป็นที่สุด..

เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ปิงคลโกจฉพราหมณ์ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค ดังนี้ว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยประสงค์ว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูปได้ ฉันใด ธรรมที่พระองค์ทรงประกาศแล้วโดยอเนกปริยาย ก็ฉันนั้นเหมือนกัน. ข้าพระองค์นี้ ขอถึงพระองค์กับพระธรรมและภิกษุสงฆ์ว่า เป็นสรณะ ขอพระองค์จงทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป.

จบจูฬสาโรปมสูตร ที่ ๑๐.



การปฏิบัติจริงปฏิบัติตามดังนี้

ปฏิบัติธรรม แบบเจโตวิมุติ ณ ปัณฑิตารมย์ พัทยา

1.เจริญอริยสัจ 4 มีฌาน 4 เป็นบาทบรรลุปัญญาวิมุติก่อน
2.ตั้งกายเอาไว้ในจิต ตั้งจิตเอาไว้ในกาย ...
.. ตั้งไว้ยิ่งซึ่งจิตด้วยอำนาจกาย ตั้งไว้ยิ่งซึ่งกายด้วยอำนาจจิต
3.ก้าวลงสู่สุขสัญญา และลหุสัญญา
ทำกำลังสมถะ และกำลังวิปัสสนาให้มีกำลังเท่าเทียมกัน
4..เข้าปัจเวก
5.ละนามรูป เข้าสู่ปฐมฌาน
6.เข้าปัจเวก
7.ละปฐมฌาน เข้าสู่ทุติยฌาน
8.เข้าปัจเวก
9.ละทุติยฌาน เข้าสู่ตติยฌาน
10.เข้าปัจเวก
11.ละตติยฌาน เข้าสู่จตุตถฌาน
12.เข้าปัจเวก
13.ละจตุตถฌาน เข้าสู่อากาสานัญจายตนฌาน
14.เข้าปัจเวก
15.ละอากาสานัญจายตนฌาน เข้าสู่วิญญานัญจายตนฌาน
16.เข้าปัจเวก
17.ละวิญญานัญจายตนฌาน เข้าสู่อากิญจัญญายตนฌาน
18.เข้าปัจเวก
19.ละอากิญจัญญายตนฌาน เข้าสู่เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
20.เข้าปัจเวก
21.ละเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน เข้าสู่สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ
อธิษฐานให้จิตตสังขารดับลงไปตามเวลาที่กำหนด เช่น 10 นาที
22.ออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว
อรหัตตผล หรืออนาคามีผล เกิด 1 ขณะจิต
ถ้าบรรลุอรหัตตผล จะเป็นอรหัตตผลพร้อมด้วย
ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 อภิญญา 6 และวิชชา 3

ขอให้ผู้อ่านทุกท่าน บรรลุปัญญาวิมุติและเจโตวิมุติทุกท่านเทอญ. .


เจริญในธรรมครับ..

http://www.dhammathai.org/meditationgui ... php?No=221
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร