วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 05:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 202 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2011, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 00:02
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b39: สวัสดีค่ะกัลยาณมิตรทุกท่าน วันนี้มีข้อข้องใจมาถาม
จากการฝึกสติของตัวดิฉันเอง คือตามรู้กายที่เคลื่อนไหว เวลาเดินก็ตั้งใจเดินอย่างมีสติ ก้าวเท้าไป วางเท้าลงอย่างมั่นคง ระลึกรู้อยู่ตลอดเวลาว่ากำลังทำหน้าที่ในการเดิน เวลาใช้มือทำงานหยิบโน่น-ทำนี่ก็ระลึกรู้อยู่ตลอด มีสมาธิอยู่กับงานที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน เวลาขับรถก็ระลึกรู้ว่าตนเองกำลังขับรถจะตั้งใจขับอย่างระมัดระวังที่สุด
เวลาว่างไม่ทำอะไร ก็มารู้อยู่กับลมหายใจ เวทนาทางกาย ดูเวทนาทางจิต
ช่วงก่อนนอน วันเสาร์-อาทิตย์ก็อ่านหนังสือธรรมมะบ้าง ฟังธรรมมะบ้าง แล้วก็ใคร่ครวญไปตามธรรม
สังเกตว่ามันมีสภาวะหนึ่งที่มันเกิดขึ้นกับตนเอง ยกตัวอย่าง เช่น
1.ขณะรู้อยู่กับลมเข้า-ออกอยู่ดีๆ สภาวะรู้มันก็ดับวูบไป ภายในเสี้ยววินาที มันก็กลับมาสู่สภาวะรู้เหมือนเดิม
2.ขับรถอยู่ดีๆอย่างมีสติไม่ง่วง สภาวะรู้มันก็ดับวูบไป ภายในเสี้ยววินาที มันก็กลับมาสู่สภาวะรู้เหมือนเดิม
3.ฟังธรรมมะอยู่คิดตามไป อย่างมีสติ สภาวะรู้มันก็ดับวูบไป ภายในเสี้ยววินาที มันก็กลับมาสู่สภาวะรู้เหมือนเดิม
ช่วงแรกๆๆ ที่เจอสภาวะแบบนี้ก็คิดว่าตัวเอง หลับในหรือเปล่า หรือว่าขาดสติไป ตามดูอยู่บ่อยๆๆอย่างมีสติจึงรู้ว่าสภาวะรู้นี่มันดับไป ภายในไม่ถึงเศษเสี้ยวของวินาทีมันก็เกิดขึ้นมาใหม่ ช่วงรอยต่อระหว่างการดับกับการเกิดมันสั้นมากๆ (มันเป็นช่วงเวลาของชีวิตที่หายไป ไปไหนไม่รู้ เหมือนไม่มีตัวเรานี่อยู่บนโลกใบนี้)
:b10: :b10: :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2011, 22:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ธ.ค. 2010, 14:56
โพสต์: 122

โฮมเพจ: chanachai20102553@gmail.com
แนวปฏิบัติ: ค้นหาธรรมของพุทธเจ้า
งานอดิเรก: มองธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่ม
ชื่อเล่น: แค่นามสมมุติ
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ดูก่อนท่านทั้งหลาย.........................
ความว่างเว้นนี้ คือ สมาธิซึ่งมิได้มีอะไรมาปรุงแต่ง
ความว่างเปล่าทั้งปวงคือช่วงของพระนิพพาน ฝึกฝนให้ดำรงเพื่อเป็นแนวทางที่มั่นคง

.....................................................
เราจักขออำนาจบุญกุศลที่ตัวเราได้กระทำไว้ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต
จงแผ่อำนาจแห่งบุญกุศลทั้งหลายไปสู่ทั่วทั้งสากลโลก ทั้ง16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน วิญญาณที่มีรูป และ ไม่มีรูป ทั่วทั้งทุกอณูใน 3 โลกจงได้รับแห่งบุญกุศลที่เราได้จักกระทำไว้ด้วยเทอญ สาธุ.................................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2011, 02:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่สติที่ฝึกฝนบ่อยๆ และสมาธิที่หมั่นเพียร สักวันคำตอบอาจจะกระจ่างขึ้นแน่นอนครับ
ผมช่วงนี้ก็ฝึกในแนวทางเดิมคือดูร่างกาย พิจารณาความเปลี่ยนแปลงของทุกอย่าง อวัยวะในร่างกายแล้วเสริมด้วยการพิจารณาเสียงเรื่องโสตวิญญานการเกิดขึ้นแล้วดับลงของผมเรียกเองว่าคลื่นเสียงต้องรอผู้รู้มาอธิบายเรื่องเสียงต่อไป ก็ขอให้มีความมุ่งมั่นต่อไปนะครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2011, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีค่ะคุณ จขกท

จิตผู้รู้ ก็เป็นเพียงสภาวะธรรมที่เกิดและดับอยู่ตลอดเวลาเช่นกันผู้ที่ฝึกฝนบ่อยจะรู้และเข้าใจไปเอง

ขอเจริญในธรรม :b8:

ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม :b8:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2011, 22:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กษมมาตา เขียน:
:b39: :b39: สวัสดีค่ะกัลยาณมิตรทุกท่าน วันนี้มีข้อข้องใจมาถาม
......

3.ฟังธรรมมะอยู่คิดตามไป อย่างมีสติ สภาวะรู้มันก็ดับวูบไป ภายในเสี้ยววินาที มันก็กลับมาสู่สภาวะรู้เหมือนเดิม
ช่วงแรกๆๆ ที่เจอสภาวะแบบนี้ก็คิดว่าตัวเอง หลับในหรือเปล่า หรือว่าขาดสติไป ...
:b10: :b10: :b10:


..หลับใน.. ครับ :b12: :b12:
ของผม..ไม่ใช่เสียววินาทีนะ...หลาย ๆ นาทีเชียวแหละ

หากเป็นสมาธิที่เป็นเอกคัตตารมณ์...มันจะยังรู้อยู่ตลอดครับ..แต่ไม่รู้ว่ารู้อะไร..มันไม่วูบไปวูบมานะครับ..หากทำมาถึงเอกคัตตาแล้ว..จะรู้เลยว่าที่เคยผ่านมา..มันหลับใน

พยายามต่อไปครับ..เดียวก็ผ่านไปได้..ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร..ขอเพียงอย่าไปหลงอย่างเดียวก็พอ.. :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 09:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2010, 23:27
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


สภาวะรู้ที่ดับช่วงที่ดับเป็นยังไงครับ :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 10:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ธ.ค. 2010, 15:07
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


ใจเราอาจจะสงบนิ่งและลึงลงไปจนรู้สึกวูดไปชั้วเลี้ยววินาทีหนึ่งเพราะเราก็เคยรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน :


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 20:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 00:02
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b44: มันเกิดขึ้นขณะที่เรามีสติเต็มร้อยกำลังดูลมหายใจเข้า-ออกอยู่ แล้วก็เห็นว่าสภาวะรู้นี่มันดับ มันดับลงไปต่อหน้าต่อตาแล้วมันก็กลับมารู้ไหม่ (จะเปรียบเทียบให้มองเห็นภาพ)
สภาวะรู้ดับ ก็คือ ดับไปเลย เหมือนปิดไฟนี่แหละ
ช่วงดับก็คือไม่รู้อะไร เหมือนไม่มีตัวตนของเราอยู่บนโลกใบนี้ เหมือนกลางคืนที่นอนหลับสนิทแล้วไม่ฝัน
สภาวะรู้กลับมาใหม่ เหมือนตื่นจากหลับ
แต่มันเป็นเวลาที่สั้นมากๆๆ เมื่อก่อนทำแต่สมาธิอย่างเดียว เวลาทำงานก็ทำไปแบบคนธรรมดาทั่วไปไม่เคยสังเกตเห็น
ตอนหลังทำทั้งสมาธิและฝึกสติกับชีวิตประจำวันจึงสังเกตเห็น ว่ามันมีความดับ-เกิดอยู่ ยิ่งมีสติในชีวิตประจำวันมากมีสมาธิมากก็เห็นบ่อยขึ้น
:b39: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


สติ คือต้อง "รู้สึกตัวทั่วพร้อม"

ถ้าหายไป ไม่รู้ว่ากายอยู่ไหน จะเรียกว่ามีสติได้อย่างไร

การที่เราหายไปโดยไร้สถานที่ ไร้กาลเวลา ไร้การมาการไป
ก็ไม่ต่างอะไรจากนอนหลับ แล้วตื่นขึ้นอีกที ใครๆก็เหมือนกันหมด
คือตัวตนหายไปเมหือนกัน แล้วตื่นขึ้นมา ก็กลับมาเหมือนเดิมหมด
การนอนไม่ใช่การมีสติ แต่เป็นการขาดสติ เพราะไม่รู้ว่ากายอยู่ไหน ใจอยู่ไหน

สภาวะรู้ที่แท้จริงนั้น ต้องรู้หมดเลยว่าเราอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไรอยู่ รู้ตลอดเวลา
แม้กระทั่งหลับอยู่ ยังรู้ว่ากำลังหลับ
มีคนเคยพูดว่า ราตรีของผู้มีสตินั้น...ยาวนาน

แม้พระพุทธตอบปัญหาเทวดาเวลากลางคืนเป็นกิจวัตร
คำถามคือ ถ้านอนหลับไปจริงๆ พระองค์จะทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร

คำว่า" ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน" ไม่ใช่คำสร้อยซ้ำให้เยิ่นเย้อเป็นพรรณาโวหาร
แต่เป็นความตื่นตลอดเวลาจริงๆ เพราะ"รู้"สึกตัวอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นผู้ตื่นตลอดเวลา

การวูบวับอย่างที่เล่ามา ผมไม่รู้ว่าคืออะไร

ปล. ขออนุโมทนาในความเพียรของคุณผู้ถามนะครับ น่านับถือจริงๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 23:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 00:02
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: ดิฉันได้นำการปฏิบัติมาเปรียบเทียบกับการเกิดดับของขันธ์ทั้งห้า สายปฏิจจสมุทปบาทนะค่ะ
วิญญาณ คือตัวรู้ พระพุทธเจ้าสอนว่า วิญญาณเกิด-ดับ ไม่ใช่ของเที่ยงไม่ใช่หรือค่ะ
ดิฉันจึงอยากถามผู้รู้ว่ามีใครมีประสบการณ์แบบดิฉันบ้าง จะได้แบ่งปันกัน
:b48: :b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 23:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


มีสติบ้าง ขาดสติบ้าง เป็นเรื่องปกติ

คืออะไรก็ช่าง รู้อย่างเดียว หน้าที่เรามีแค่นั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2011, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 05:27
โพสต์: 49

อายุ: 0
ที่อยู่: www.ccagthailand.com

 ข้อมูลส่วนตัว


ใน 1 วินาที จิตมีการปรุงแต่งแล้วเกิดดับเป็น ล้านๆ ครั้งจนเราไม่สามารถแยกแยกได้ว่า มันเกิดดับตอนใหน

เป็นเสมือนสายน้ำที่ไหลต่อเนื่องไม่ขาดสาย แต่เราจะจะรู้ได้อย่างไรละว่าช่วงใหนเป็นรอยต่อของน้ำไหล

เพราะน้ำ มันเป็นฝืนเดียวกัน จิตที่ฝึกมาดีจะสงบและ มีพลังมาก จะรับรู้เองว่า น้ำสายนี้คืออะไร :b16:

.....................................................
ธาตุ๔ ขันธ์ ๕ ทวาร ๖


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2011, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 12:33
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นอาการที่จิตตกจากฌาน๑ ให้หายใจลึกๆยาวๆสัก4-5 ที ก็จะหาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2011, 12:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2010, 23:27
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


คงเป็นการได้สมาธิล่ะครับแต่จะเป็นสมาธิระดับไหนก็ต้องดูจากองค์ประกอปตอนรู้สึกตัวอีกทีแต่ผมว่าถ้ารู้การเกิดดับแล้วควรจะพิจารณาการดับของเวทนาด้วย :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2011, 19:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 00:02
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b44: ดูเวทนาทางจิตก็จะเห็นอุเบกขาเสียเป็นส่วนมาก มันก็เห็นสภาวะเกิดดับนี้บ่อยมากเช่นกัน แต่เมื่อจิตสุข ทุกข์ มักจะปรุงแต่งไปเรื่อย ก็ไม่ค่อยเห็น
:b48: :b48:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 202 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 29 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร