วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 11:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การจะรู้จักเข้าใจชีวิตหรือนามรูปเนี่ย ไม่ง่ายครับคุณจิราพร :b1:

แต่เมื่อพอรู้เข้าใจลงล๊อกมันแล้ว ความสุขซึ่งไม่ต้องอาศัยเหยื่อล่อก็เกิด เช่นตัวอย่าง คห.ถัดไป



.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2012, 18:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวอย่างตัดมา ดังนี้

ฯลฯ

ความรู้สึกเหมือนจุ่มอยู่ในปีติ มีแต่ความสุขไปหมด

จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า "มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ... ความสุขนี้ แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลกมัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหาเงินมาสนองความสุขตนทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้น ผมก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่า ลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปีติ คือปีติเกิดค้างอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้น แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือ มีความรู้พร้อมอยู่


จากนั้น ผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ" จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น

หลังจากนั้นมา ผมก็ไม่สามารถเข้าถึงสภาวะดังกล่าวได้อีกเลย คือ ทำได้มากสุดก็แค่ทำปีติให้เกิดขึ้นแวบหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำให้เกิดค้างไว้ จนรู้สึกเหมือนจุ่มลงในปีติ แล้วมีลมหายใจละเอียดแบบครั้งแรกได้

ดูเต็มๆ

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=29.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2012, 21:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2012, 12:50
โพสต์: 40


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณคุณกรัชกาย มากเลยนะค่ะสำหรับคำแนะนำดีๆ smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2012, 22:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2012, 12:50
โพสต์: 40


 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันก็เคยเป็นค่ะ คุณกรัชกาย แต่ของดิฉันเป็นแบบเวลานั่งสมาธิแล้วรู้สึกสบายใจ ออกจากสมาธิก็ยังรู้สึกสบายใจอยู่ เป็นความรู้สึกสบายใจที่แตกต่างจากความสบายใจที่ได้จากชีวิตประจำวันเลยค่ะ มันเป็นความรู้สึกแบบเบาสบายและก็ปลอดโปร่งประมาณนั้นนะค่ะ แต่ความสบายใจที่ได้จากชีวิตประจำวันมันมีความรู้สึกไม่ปลอดโปร่งเลย แต่ตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้วเหมือนกันค่ะ สงสัยกิเลสคงจะหนาขึ้นแน่ๆเลยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2012, 01:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


jiraporn thong เขียน:
ดิฉันก็เคยเป็นค่ะ คุณกรัชกาย แต่ของดิฉันเป็นแบบเวลานั่งสมาธิแล้วรู้สึกสบายใจ ออกจากสมาธิก็ยังรู้สึกสบายใจอยู่ เป็นความรู้สึกสบายใจที่แตกต่างจากความสบายใจที่ได้จากชีวิตประจำวันเลยค่ะ มันเป็นความรู้สึกแบบเบาสบายและก็ปลอดโปร่งประมาณนั้นนะค่ะ แต่ความสบายใจที่ได้จากชีวิตประจำวันมันมีความรู้สึกไม่ปลอดโปร่งเลย แต่ตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้วเหมือนกันค่ะ สงสัยกิเลสคงจะหนาขึ้นแน่ๆเลยค่ะ


กำหนดรู้ไปเรื่ิอยๆขณะนั่งสมาธิ ให้ใจอยู่กับขันธ์
ตรงไหนก็ได้ ส่วนมากมักอยู่ที่กาย เช่น ยุบพองของท้อง
หมั่นตั้งคำถาม เช่น อาการยุบพองที่เข้าไปกำหนดรู้
จริงๆแล้วกำหนดรู้ทั้งรูปและจิต(นาม)แต่ดูเหมือนจะเห็นแค่รูป
แต่อย่างไรก็ตามแต่ขอให้มีสติอยู่ก็จะสามารถประคองตนจนเกิด
สมาธิขึ้นมาพอเกิดสมาธิควรจะกำหนดรู้นามมากกว่ารูป
เพราะสมาธิจะหนุนความชัดเจน อุปาทานในการอยากถอนจากสมาธิ
จะผุดขึ้นมาเป็นระยะ ให้สู้และนั่งสมาธิต่อไป เช่น เมื่อถึงความสงบ
จิตก็ผุดขึ้นมาว่าพอแล้วสบายแล้วถอนสมาธิดีกว่า หากความคิดนี้
เกิดขึ้นให้ต้านไว้แล้วนั่งต่อไป จะพบกับประสบการ์ณใหม่
แน่นอนครับ ส่งผลต่อความเบากายเบาใจครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2012, 10:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:


อุปาทานในการอยากถอนจากสมาธิ
จะผุดขึ้นมาเป็นระยะ ให้สู้และนั่งสมาธิต่อไป เช่น เมื่อถึงความสงบ
จิตก็ผุดขึ้นมาว่าพอแล้วสบายแล้วถอนสมาธิดีกว่า หากความคิดนี้
เกิดขึ้นให้ต้านไว้แล้วนั่งต่อไป จะพบกับประสบการ์ณใหม่
แน่นอนครับ ส่งผลต่อความเบากายเบาใจครับ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2012, 10:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


jiraporn thong เขียน:
ดิฉันก็เคยเป็นค่ะ คุณกรัชกาย แต่ของดิฉันเป็นแบบเวลานั่งสมาธิแล้วรู้สึกสบายใจ ออกจากสมาธิก็ยังรู้สึกสบายใจอยู่ เป็นความรู้สึกสบายใจที่แตกต่างจากความสบายใจที่ได้จากชีวิตประจำวันเลยค่ะ มันเป็นความรู้สึกแบบเบาสบายและก็ปลอดโปร่งประมาณนั้นนะค่ะ แต่ความสบายใจที่ได้จากชีวิตประจำวันมันมีความรู้สึกไม่ปลอดโปร่งเลย แต่ตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้วเหมือนกันค่ะ สงสัยกิเลสคงจะหนาขึ้นแน่ๆเลยค่ะ



ภาคปฏิบัติแล้วมีนิดเดียว ขณะนั้นๆ เป็นยังไง รู้สึกยังไง กำหนดรู้ยังงั้น ตามที่มันเป็นของมัน ปฏิบัติหรือทำทำนองนั้นทุกๆครั้งทุกๆขณะ แล้วจะรู้ด้วยตัวด้วยใจตนเอง อย่างที่รู้สึกเป็นต้นนั่น :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2012, 18:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2012, 12:50
โพสต์: 40


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณคำแนะนำดีๆจาก คุณstudent และคุณกรัชกาย มากเลยนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 19:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


jiraporn thong เขียน:
ใจลอยๆ ยังฟุ้งซ่าน
tongue


มันลอยไปในเรื่องอะไรจ๊ะ
มันฟุ้งซ่านไปในเรื่องอะไรจ๊ะ

:b1:

แรก ๆ ที่นั่งสมาธิก็เคยสังเกต
ว่าใจมันไม่ค่อยอยู่ที่ฐานที่กำหนดใช้ให้เป็นที่ตั้งจิต

แต่มันก็มักจะไหลออกไปจากฐาน ไปเรื่องต่าง ๆ
บางทีมันก็คิดไปเรื่องว่า ยังไม่ได้ล้างจาน
ซึ่งเมื่อนั่งก็ต้องตัดความกังวลไป
แต่ก็เคยว่ามันตัดกังวลไม่ได้
ต้องลุกไปล้างจานให้เสร็จ แล้วกลับมานั่งใหม่
ซึ่งใจมันก็นั่งสบายขึ้น

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ค่อย ๆ ได้เรียนรู้ไป

ใจมันก็ลอยไป ฟุ้งไปได้หลายเรื่องน่ะ
ก็ทำความรู้สึกตัวไป
ลอยไปแล้ว ฟุ้งไปแล้ว รู้ตัวและตัดกังวลกลับมารู้ที่ฐานได้หรือไม่
บ่อย ๆ เข้า มันก็จะเห็นแง่เองว่า
ทำไมถึงได้ และได้นั้นได้อย่างไร
ทำไมถึงไม่ได้ และไม่ได้นั้นไม่ได้อย่างไร
และทำไมมันจึงได้ลอยออกไป

ซึ่งบางครั้งเราอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ก็มีนะ ถ้าวันไหนเอกอนมีการเข้าไปอยู่ร่วมวงนินทา
พอนั่งสมาธิ เรื่องในวงนินทางก็เข้ามาในหัว
ซึ่งพอเห็นอย่างนี้ เอกอนก็หลีกเลี่ยง เพราะมันทำให้จิตใจเราไม่สงบ ฟุ้งซ่าน

ก็ค่อย ๆ ศึกษา...ลดละเลิกพฤติกรรมที่เป็นข้าศึกต่อการที่จิตจะนิ่ง สงบ เป็นสมาธิไป นะคะ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2012, 10:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2012, 12:50
โพสต์: 40


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆนะค่ะ คุณeragon_joe ส่วนใหญ่ตอนนั่งสมาธิจะคิดเรื่องงานบ้าง บางทีก็คิดเรื่องอะไรก็ไม่รู้เหมือนจะฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆนะ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งไปบวชเนกขัมมะที่วัดใหญ่ชัยมงคลอยู่ดีๆในใจก็ท่องคาถาอะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้ค่ะ รู้แค่ว่ามีพระภิกษุมาสอนให้ท่อง บทสวดก็จำไม่ได้หน้าตาพระภิกษุที่มาสอนก็จำไม่ได้ค่ะ เหตุการณ์นี้ผ่านมาเกือบปีแล้วค่ะ อย่างนี้อาจจะเกิดจากเราฟุ้งซ่านไปเองใช่ใหมค่ะ
tongue smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2012, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิปัสสนา จะมีวิธีปฏิบัติมีเทคนิคอย่างไรก็ตาม สาระหรือหลักการของมันมีอันเดียว คือ การรู้เห็นตามเป็นจริง หรือ รู้เห็นตามที่มันเป็น ไม่ใช่รู้เห็นตามที่เราคิดให้มันเป็น ไม่ใช่รู้เห็นตามที่อยากให้มันเป็น

คนเรานี้ มักจะเป็นอย่างนั้น คือ รู้เห็นตามที่คิดให้มันเป็น เรียกว่าคิดปรุงแต่งไป แล้วมันก็เหมือนจะเป็นตามที่คิดอย่างนั้น

เมื่อใด รู้เห็นตามที่มันเป็นของมันจริงๆ ก็เรียกว่า นี่ละเกิดวิปัสสนา ความรู้แจ้งแล้ว วัตถุประสงค์ของวิปัสสนา ตัวหลักการที่แท้ก็เท่านี้เอง คือ เห็นตามที่มันเป็น

แต่ว่า เพียงเท่านี้แหละมันยากนักหนา เพราะว่าคนเรารู้เห็นตามที่ใจอยากให้มันเป็น หรือรู้เห็นตามที่คิดปรุงแต่งให้มันเป็นเสียมาก :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2012, 19:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิปัสสนา ทำให้เกิดญาณมีความรู้แจ่มแจ้ง รู้ตามที่เป็นจริง เมื่อรู้เห็นตามที่เป็นจริงแล้ว จิตจะเป็นอิสระหลุดพ้นจากสิ่งนั้นๆ เด็ดขาดไปเลย

เมื่อเรารู้เข้าใจสิ่งใดตามความเป็นจริงแล้ว จิตของเราก็จะหลุดพ้นจากความยึดติดในสิ่งนั้น แล้วเราก็ไม่ขุ่นมัวไม่ขัดข้องเพราะสิ่งนั้น
เมื่อยังไม่รู้ว่าอะไรเราก็ขัดข้องอยู่กับสิ่งนั้น เมื่อเรารู้เราก็หลุด เราก็พ้นได้ รู้เมื่อไรก็หลุดเมื่อนั้น

ทีนี้ ความรู้เห็นตามเป็นจริงก็นำไปสู่ความหลุดพ้น เป็นอิสระอย่างชนิดเด็ดขาดสิ้นเชิง เรียกว่า อสมยวิมุตติ คือหลุดพ้นไม่จำกัดสมัย เรียกอีกอย่างว่า สมุจเฉทวิมุตติ คือหลุดพ้นโดยเด็ดขาด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2012, 21:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2012, 12:50
โพสต์: 40


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณคุณกรัชกายมากนะค่ะ สำหรับคำแนะนำดีๆ smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2012, 21:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


jiraporn thong เขียน:
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งไปบวชเนกขัมมะที่วัดใหญ่ชัยมงคลอยู่ดีๆในใจก็ท่องคาถาอะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้ค่ะ รู้แค่ว่ามีพระภิกษุมาสอนให้ท่อง บทสวดก็จำไม่ได้หน้าตาพระภิกษุที่มาสอนก็จำไม่ได้ค่ะ เหตุการณ์นี้ผ่านมาเกือบปีแล้วค่ะ อย่างนี้อาจจะเกิดจากเราฟุ้งซ่านไปเองใช่ใหมค่ะ
tongue smiley


เป็นผัสสะค่ะ

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2012, 10:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2012, 12:50
โพสต์: 40


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณคุณeragon_joeมากเลยนะค่ะ smiley


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร