วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 05:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2011, 00:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓
ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค



[๔๑๘] ธรรม ๕ อย่างที่ควรให้บังเกิดขึ้นเป็นไฉน คือสัมมาสมาธิประ-
*กอบด้วยญาณ ๕ ได้แก่ญาณบังเกิดขึ้นเฉพาะตนว่า สมาธินี้มีสุขในปัจจุบัน และ
มีสุขเป็นวิบากต่อไป ๑ ญาณบังเกิดขึ้นเฉพาะตนว่า สมาธินี้เป็นอริยะไม่มีอามิส ๑
ญาณบังเกิดขึ้นเฉพาะตนว่า สมาธินี้อันบุรุษผู้ไม่ต่ำช้าเสพแล้ว ๑ ญาณบังเกิด
ขึ้นเฉพาะตนว่า สมาธินี้สงบ ประณีต มีปฏิปัสสัทธิอันได้แล้ว ถึงความเป็น
ธรรมเอกผุดขึ้น และมิใช่ข่มขี่ห้ามด้วยจิตเป็นสสังขาร
ญาณบังเกิดขึ้นเฉพาะตน
ว่า ก็เรานั้น มีสติ เข้าสมาธินี้ และมีสติ ออกจากสมาธินี้ ๑ ธรรม ๕ อย่าง
เหล่านี้ควรให้บังเกิดขึ้น ฯ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ บรรทัดที่ ๗๒๔๖ - ๗๒๕๓. หน้าที่ ๒๙๘.
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B= ... agebreak=0


:b43: :b43: :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2011, 12:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




8path.gif
8path.gif [ 103.1 KiB | เปิดดู 2904 ครั้ง ]
Quote Tipitaka:
[๓๐๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเข้าทุติยฌาน
มีความผ่องใสแห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบวิตกและวิจาร
ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอยังกายนี้แล ให้คลุก
เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่ง
กายทุกส่วนของเธอที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือนห้วงน้ำพุ ไม่มีทางระบายน้ำทั้งในทิศตะวันออก ทั้งในทิศตะวันตก
ทั้งในทิศเหนือ ทั้งในทิศใต้เลย และฝนก็ยังไม่หลั่งสายน้ำโดยชอบตามฤดูกาล
ขณะนั้นแล ธารน้ำเย็นจะพุขึ้นจากห้วงน้ำนั้น แล้วทำห้วงน้ำนั้นเอง ให้คลุก
เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยน้ำเย็น ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งห้วงน้ำทุกส่วนนั้นที่
น้ำเย็นจะไม่ถูกต้อง ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุย่อม
ยังกายนี้แล ให้คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ
ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนของเธอที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง
เมื่อภิกษุนั้นไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมละความ
ดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภาย
ในเท่านั้น
ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ


กายคตาสติสูตร ที่ ๙
-----------------------------------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ บรรทัดที่ ๔๑๘๒ - ๔๔๙๖. หน้าที่ ๑๗๘ - ๑๙๐.
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B= ... agebreak=0
:b42: :b42: :b42:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 13:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
Quote Tipitaka:
[๓๐๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเข้าทุติยฌาน
มีความผ่องใสแห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบวิตกและวิจาร
ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอยังกายนี้แล ให้คลุก
เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่ง
กายทุกส่วนของเธอที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือนห้วงน้ำพุ ไม่มีทางระบายน้ำทั้งในทิศตะวันออก ทั้งในทิศตะวันตก
ทั้งในทิศเหนือ ทั้งในทิศใต้เลย และฝนก็ยังไม่หลั่งสายน้ำโดยชอบตามฤดูกาล
ขณะนั้นแล ธารน้ำเย็นจะพุขึ้นจากห้วงน้ำนั้น แล้วทำห้วงน้ำนั้นเอง ให้คลุก
เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยน้ำเย็น ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งห้วงน้ำทุกส่วนนั้นที่
น้ำเย็นจะไม่ถูกต้อง ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุย่อม
ยังกายนี้แล ให้คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ
ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนของเธอที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง
เมื่อภิกษุนั้นไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมละความ
ดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภาย
ในเท่านั้น
ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ


กายคตาสติสูตร ที่ ๙
-----------------------------------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ บรรทัดที่ ๔๑๘๒ - ๔๔๙๖. หน้าที่ ๑๗๘ - ๑๙๐.
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B= ... agebreak=0
:b42: :b42: :b42:


อ่านแล้วอิ่มมากครับกับคำสอน แต่มาติดตรงคำว่า เจริญกายคตาสติ เจริญอย่างละเอียดอย่างไรครับ

ตอนไม่นั่งสมาธิ เมื่อมอง แต่ไม่เพ่งนะครับ สติมาอยู่กับการมองที่จักษุธาตุจะว่าดวงตาก็ไม่ใช่ครับ แต่เหมือนผัสสะได้เกิดขึ้นที่ัจักษุธาตุ จะว่าตาก็ไม่ใช่ จะว่าภาพตรงหน้าก็ไม่ใช่ เหมือนตาได้ทำงานของเขาแล้ว มีญาณรู้เกิดขึ้น(ว่ามองแล้ว) จริงๆ ผมไม่มีครูสอน ไม่สนิทกับพระองค์ไหน ไม่รู้จักวัดที่สอน และไม่เคยไป จะเรียนด้วยตนเองตลอดด้วยความเพียรของตัวเอง และจับเอาข้อความของเพื่อนๆไปปฏิบัติด้วยความเพียรจริงๆจนเกิดเป็นประสบการณ์ต่างๆ เช่น ประสบการณ์นี้

เช่นเดียวกันกับลมหายใจที่หายใจเข้าแล้วแต่เหมือนมีการต่อเนื่องของญาณรู้ แล้วมาหมดลงที่ญาณรู้

จะปรากฏชัดเจนมากกับลมหายใจและการมอง ส่วนกายส่วนอื่นจะปรากฏตามสติคือจับอยู่ เย็นร้อนอยู่ เป็นต้น

ผลของการฝึกแบบนี้ทำให้สังขารสงบลงครับจากภายใน ผมรู้สึกว่ามีอารมณ์เป็นอุเบกขา ไม่เดือดร้อนอะไร เหมือนนั่งสมาธิแล้วจิตสงบลง หาอารมณ์ไม่เจอว่าตัวเองกำลังมีอารมณ์อะไร

จึงอยากถามว่าผู้ที่ได้ญาณวิปัสสนาขั้นที่1 และ2 เป็นอย่างไร อยากถามคุณหลับอยู่ครับ ว่ามีจุดอย่างไรเป็นตัวบอกว่าเป็นญาณวิปัสสนา เพราะถึงอย่างไรผมก็ยังคงต้องศึกษาต่อไปเรื่อยๆ เพียงแต่ผมได้เพิ่มแนวทางปฏิบัติอย่างที่ผมประสบอยู่ให้สม่ำเสมอมากขึ้นเหมือนต้องปฏิบัติทั้งวันครับ

แต่ก่อนผมอ่านเยอะ แต่ตอนนี้อ่านน้อยลง เพราะถ้ามาอ่านก็จะเข้ามาอ่านในเวปนี้โดยตรง และถือเอาแนวทางปฏิบัติด้วยการนั่งสมาธิทั้งเช้าเย็น

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 00:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


สภาวะธรรมที่มีที่เป็นธรรมเอกผุดขึ้นตั้งมั่นในภายใน มีได้ตั้งแต่ปฐมฌานจิตขึ้นไปเท่านั้น
หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านเดียวที่อธิบายได้ตรงที่สุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 15:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ ที่นำเอาธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้ามาให้อ่านเสมอ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 18:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:34
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับเป็นประโยชน์มากจริง ๆ :b8:

.....................................................
ท่องเที่ยว
สุขภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2012, 00:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


viewtopic.php?f=2&t=40084


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2012, 00:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ชัดเจนละเอียดยิ่งขึ้น
viewtopic.php?f=7&t=40242
เจริญธรรมแก่ผู้มีฉันทะวิริยะในการอ่าน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร