วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 09:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2011, 19:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 22:44
โพสต์: 26

อายุ: 12

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้านั่งสมาธิไปผมกําหนดรู้ว่ารู้สึกอย่างไรแล้วเห็นตามความเป็นจริงรู้เห็นของจริงอย่างงี้มันจะเดินปัญญาไหมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2011, 20:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ต้องนั้งสมาธิ..ลืมตาขึ้นก็เห็นแล้ว...ตามความเป็นจริง

แต่มันเป็น...ความเป็นจริง...ของอะไรละ

ก็กิเลสมันคลุมอยู่..หัวใจเป็นอวิชชาทั้งแท่งอยู่...ที่เห็นก็เห็นตามกิเลสไปนะซิ

หากอยากเห็น..อย่างความเป็นวิชชา...ก็ต้องใช้วิชาของพระพุทธเจ้ากำกับ

แรก ๆ ก็เหมือนท่องจำไปก่อน...ดูของหยาบง่ายที่สุด

เห็นกาย....ก็คิดไปว่าเดียวก็อนัตตา..จะต้องแตกสลายตายไปในที่สุด

เห็นกาย...ก็ให้คิดไปว่ามีแต่น้ำเลือด..น้ำเหลือง..น้ำหนอง...ไม่มีตรงไหนสดสวยจริงเลยสักนิด

เห็นกาย..ก็ให้คิดไปว่า..ขน..ผม..เล็บ..ฟัน..หนัง..อวัยวะน้อยใหญ่ทั้งหลาย..จะหาว่าเราอยู่ในนั้นก็ไม่มี...จะหาว่าเรามีในสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ใช่...เราไม่มีอยู่ในสิ่งเหล่านั้น...สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เรา

เห็นแล้วก็คิด...เห็นแล้วก็คิด....จนใจมันร้อง..อ้อ...เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วย

ใจมันร้อง..อ้อ...เองนะ...ไม่ใช่คิดว่า..มันก็ควรเป็นอย่างนั้น...อย่างนี้..ไม่ใช่

ทำอย่างนี้เรียกว่า...ใช้ปัญญา(พระพุทธเจ้า)นำไปก่อน...จนมีสมาธิ...แล้วปัญญา(เรา)จึงเกิด

หากไม่เกิด....ก็ให้หันมาทำความสงบของใจ...เรียกว่ามาทำสมาธิก่อน...จนเกิดสมาธิแล้วจึงมาพิจารณาดูกาย...อย่างที่บอก

เมื่อเห็นกาย...แล้วก็เห็นความตาย...เห็นความสกปรก...ไม่เห็นความเป็นเราเขา...ผลคือใจมันจะเบื่อหน่าย...ใจคลายกำหนัด

หากเห็นแล้ว..ก็คือเห็น...ไม่มีผลคือเบื่อหน่ายคลายกำหนัด
การเห็นนั้นก็ไม่ใช่มรรค..ไม่ใช่ผลอะไร...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2011, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกียสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบระดับโลกีย์ ได้แก่ ความเห็น ความเชื่อ ความเข้าใจเกี่ยวกับโลก และชีวิตถูกต้องตามหลักแห่งความดี เป็นไปตามคลองธรรม หรือสอดคล้องกับศีลธรรม


โลกุตรสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบระดับโลกุตระ ได้แก่ ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโลก และชีวิตถูกต้องตามความเป็นจริง หรือรู้เข้าใจตามสภาวะของธรรมชาติ

พูดง่ายๆว่า รู้เข้าใจธรรมชาตินั่นเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2011, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ถ้านั่งสมาธิไปผมกําหนดรู้ว่ารู้สึกอย่างไรแล้วเห็นตามความเป็นจริงรู้เห็นของจริงอย่างงี้มันจะเดินปัญญาไหมครับ


อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2011, 19:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 22:44
โพสต์: 26

อายุ: 12

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่ผมมักจะเจอบ่อยๆๆคือเสียงที่พูดกันแล้วเรากําหนดรู้ได้ยินก็รู้ว่ามันได้ยิน
แล้วความง่วงมันมาครอบงําแล้วกําหนดรู้ว่ามันง่วง ถ้าสมควรเราก็ต้องนอน ถ้าไม่สมควรเราก็ไม่นอน

ถูกยังคับผมๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2011, 21:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


"ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า

เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งสักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
ดูก่อนพาหิยะ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล

ดูก่อนพาหิยะ ในการใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง

ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มี
ในการใด ท่านไม่มี ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มีในโลกนี้
ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีระหว่างโลกทั้งสอง
นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2011, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


สละทางโลก เขียน:
ถ้านั่งสมาธิไปผมกําหนดรู้ว่ารู้สึกอย่างไรแล้วเห็นตามความเป็นจริงรู้เห็นของจริงอย่างงี้มันจะเดินปัญญาไหมครับ


นั่งสมาธิ คือ การฝึกควบคุมความคิด และฝึกจิตใจให้สงบ อย่างที่คุณกล่าวมา ในทาง"จิตเวชศาสตร์" เรียกว่า "อาการโรคจิตประสาท "ชนิดสร้างภาพหลอน ขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2011, 20:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 22:44
โพสต์: 26

อายุ: 12

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
สละทางโลก เขียน:
ถ้านั่งสมาธิไปผมกําหนดรู้ว่ารู้สึกอย่างไรแล้วเห็นตามความเป็นจริงรู้เห็นของจริงอย่างงี้มันจะเดินปัญญาไหมครับ


นั่งสมาธิ คือ การฝึกควบคุมความคิด และฝึกจิตใจให้สงบ อย่างที่คุณกล่าวมา ในทาง"จิตเวชศาสตร์" เรียกว่า "อาการโรคจิตประสาท "ชนิดสร้างภาพหลอน ขอรับ


ผมไม่ได้เป็นโรคจิตนะ ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ผมถามพุทธศาสนามาอะไรครับๆ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2011, 20:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 22:44
โพสต์: 26

อายุ: 12

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
สละทางโลก เขียน:
ถ้านั่งสมาธิไปผมกําหนดรู้ว่ารู้สึกอย่างไรแล้วเห็นตามความเป็นจริงรู้เห็นของจริงอย่างงี้มันจะเดินปัญญาไหมครับ


นั่งสมาธิ คือ การฝึกควบคุมความคิด และฝึกจิตใจให้สงบ อย่างที่คุณกล่าวมา ในทาง"จิตเวชศาสตร์" เรียกว่า "อาการโรคจิตประสาท "ชนิดสร้างภาพหลอน ขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


สละทางโลก เขียน:
sriariya เขียน:
สละทางโลก เขียน:
ถ้านั่งสมาธิไปผมกําหนดรู้ว่ารู้สึกอย่างไรแล้วเห็นตามความเป็นจริงรู้เห็นของจริงอย่างงี้มันจะเดินปัญญาไหมครับ


นั่งสมาธิ คือ การฝึกควบคุมความคิด และฝึกจิตใจให้สงบ อย่างที่คุณกล่าวมา ในทาง"จิตเวชศาสตร์" เรียกว่า "อาการโรคจิตประสาท "ชนิดสร้างภาพหลอน ขอรับ


ผมไม่ได้เป็นโรคจิตนะ ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ผมถามพุทธศาสนามาอะไรครับๆ :b12:


ข้าพเจ้าก็ไม่ได้กล่าวโทษว่าคุณเป็นโรคจิตประสาทนะขอรับ
แต่สิ่งที่คุณเขียนมานั้น ในทาง จิตเวชศาสตร์ เรียกว่า อาการโรคจิตประสาท ชนิด สร้างภาพหลอน
ถ้าในทางพุทธศาสนา เรียกว่า " วิปัสสนูกิเลส"ขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 21:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 22:44
โพสต์: 26

อายุ: 12

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
สละทางโลก เขียน:
sriariya เขียน:
สละทางโลก เขียน:
ถ้านั่งสมาธิไปผมกําหนดรู้ว่ารู้สึกอย่างไรแล้วเห็นตามความเป็นจริงรู้เห็นของจริงอย่างงี้มันจะเดินปัญญาไหมครับ


นั่งสมาธิ คือ การฝึกควบคุมความคิด และฝึกจิตใจให้สงบ อย่างที่คุณกล่าวมา ในทาง"จิตเวชศาสตร์" เรียกว่า "อาการโรคจิตประสาท "ชนิดสร้างภาพหลอน ขอรับ


ผมไม่ได้เป็นโรคจิตนะ ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ผมถามพุทธศาสนามาอะไรครับๆ :b12:


ข้าพเจ้าก็ไม่ได้กล่าวโทษว่าคุณเป็นโรคจิตประสาทนะขอรับ
แต่สิ่งที่คุณเขียนมานั้น ในทาง จิตเวชศาสตร์ เรียกว่า อาการโรคจิตประสาท ชนิด สร้างภาพหลอน
ถ้าในทางพุทธศาสนา เรียกว่า " วิปัสสนูกิเลส"ขอรับ


ผมก็รู้ครับๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 21:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 22:44
โพสต์: 26

อายุ: 12

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
สละทางโลก เขียน:
sriariya เขียน:
สละทางโลก เขียน:
ถ้านั่งสมาธิไปผมกําหนดรู้ว่ารู้สึกอย่างไรแล้วเห็นตามความเป็นจริงรู้เห็นของจริงอย่างงี้มันจะเดินปัญญาไหมครับ


นั่งสมาธิ คือ การฝึกควบคุมความคิด และฝึกจิตใจให้สงบ อย่างที่คุณกล่าวมา ในทาง"จิตเวชศาสตร์" เรียกว่า "อาการโรคจิตประสาท "ชนิดสร้างภาพหลอน ขอรับ


ผมไม่ได้เป็นโรคจิตนะ ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ผมถามพุทธศาสนามาอะไรครับๆ :b12:


ข้าพเจ้าก็ไม่ได้กล่าวโทษว่าคุณเป็นโรคจิตประสาทนะขอรับ
แต่สิ่งที่คุณเขียนมานั้น ในทาง จิตเวชศาสตร์ เรียกว่า อาการโรคจิตประสาท ชนิด สร้างภาพหลอน
ถ้าในทางพุทธศาสนา เรียกว่า " วิปัสสนูกิเลส"ขอรับ


แล้วจะแก้ไขยังไงครับๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 21:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 22:44
โพสต์: 26

อายุ: 12

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้พิจารณารู้เท่าทันใช่ไหมๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2011, 04:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากถามว่าคำว่ารู้สึกตามความเป็นจริงนั้นท่านรู้สึกตามความเป็นจริง
ตามอายตนะใน หรือ นอก หรือ กำหนดรู้ตามทั้งในและนอก
เช่นมือทับมือท่านกำหนดรู้ตามว่าเป็นกายวิญญาณเกิดผัสสะ
เช่นอุ่นอยู่ หรือ ชาอยู่ หรือ ไม่ปรากฎว่ารู้สึกว่ามีมือทับกัน
แล้วเกิดเวทนา ทนไหวหรือไม่ไหว หรือท่านกำหนดรู้เป็นอย่างไร

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2011, 19:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 22:44
โพสต์: 26

อายุ: 12

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากนะๆๆ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 21 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร