วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 17:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2011, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมีประสบการ์ณขอถามผู้รู้ทุกท่านว่ามีความคิดเห็นว่าอย่างไรกับบทความจากการพิจารณาธรรมของผม มีคืนหนึ่งผ่านไป5 6 วันที่แล้วผมนั่งพิจารณาร่างกายประมาณ40 นาทีต่อมาผมได้ยินเสียงดังของเครื่องยนต์ผ่านเป็นโสตวิญญาณเกิดขึ้นแล้วดับลง ผมพิจารณาแล้วเกิดเป็นความรู้ที่ทำให้ผมมั่นใจว่าธรรมะที่พระพุทธเจ้านำมาบอกกล่าวเป็นของจริงแท้แน่นอน เป็นศรัทธาที่เพิ่มมากยิ่งขื้นจากการพิจารณาครั้งนี้ ธรรมที่ผมพิจารณาดังต่อไปนี้
เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ สัญญาเกิดเป็นว่าเป็นเสียงมอเตอร์ไซร์แต่จักษุวิญญาณไม่เกิดเพราะผมหลับตาอยู่ดังนั้นการพิจารณาของผมออกมาว่าหากผมเห็นเป็นมอเตอร์ไซร์แสดงว่า มโนวิญญาณเกิดขึ้นไม่ใช่ของจริง แต่โสตวิญญาณเป็นของจริง ขอต่อวันพรุ่งนี้ครับเพราะเล่นในห้างอินเตอร์เนต

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2011, 22:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ สัญญาเกิดเป็นว่าเป็นเสียงมอเตอร์ไซร์แต่จักษุวิญญาณไม่เกิดเพราะผมหลับตาอยู่ดังนั้นการพิจารณาของผมออกมาว่าหากผมเห็นเป็นมอเตอร์ไซร์แสดงว่า มโนวิญญาณเกิดขึ้นไม่ใช่ของจริง แต่โสตวิญญาณเป็นของจริง ขอต่อวันพรุ่งนี้ครับเพราะเล่นในห้างอินเตอร์เนต


:b6: อื้ออออ จะรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2011, 00:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อื้ออออ จะรอ

ด้วยคน... :b6: :b6: :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2011, 12:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ได้บัตรคิวเบอร์สาม แค่เห็นกระทู้ก็อยากพูดใจจะขาด :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2011, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องขอโทษทุกท่านที่บทความขาดตอนจากเมื่อวานนี้ ขอต่อเลยครับ พอพิจารณาว่าหูได้ยินเสียงเครื่องยนต์เป็นโสตวิญญาณที่เกิดขึ้นจริงแล้วดับลงไปภายใน2 3 วินาที หากความอยากรู้อยากเห็นว่าเป็นเสียงของมอเตอร์ไซร์แล้ววิ่งไปทางไหนใช้ถนนอะไรล้วนแล้วแต่เป็นมโนวิญญาณที่ไม่ใช่ความจริงเฉพาะหน้าเราเพราะความจริงคือโสตวิญญาณดับลงไปนานแล้วแต่เกิดเป็นเวทนาคืออารมณ์เกิดขึ้นเพราะจิตไปพิจารณาตามมโนวิญญาณ
พอลืมตาก็มีจักษุวิญญาณเกิดขึ้นแต่หากหลับตาลงหรือหันหน้าไปทางอื่นจักษุวิญญาณย่อมดับลงเช่นกันผมพิจารณาการดับลงโดยไม่เกิดมโนวิญญาณตามก็ทำให้เกิดความรู้ตามความเป็นจริง
ผมไม่แน่ใจว่าบทความผมอธิบายได้ตามความประสงค์ของผมมากแค่ไหนหากผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่แห่งนี้
แต่เป็นประสบการณ์ที่ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่ขอถามทุกท่านเพื่อขอความคิดเห็นเพื่อเป็นความรู้ต่อไปครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2011, 23:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ยังมีต่อไหมครับ??


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2011, 00:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 23:17
โพสต์: 257

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประเภทธรรมะ
ชื่อเล่น: หยุย
อายุ: 0
ที่อยู่: ห้วยขวาง

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ต้องขอโทษทุกท่านที่บทความขาดตอนจากเมื่อวานนี้ ขอต่อเลยครับ พอพิจารณาว่าหูได้ยินเสียงเครื่องยนต์เป็นโสตวิญญาณที่เกิดขึ้นจริงแล้วดับลงไปภายใน2 3 วินาที หากความอยากรู้อยากเห็นว่าเป็นเสียงของมอเตอร์ไซร์แล้ววิ่งไปทางไหนใช้ถนนอะไรล้วนแล้วแต่เป็นมโนวิญญาณที่ไม่ใช่ความจริงเฉพาะหน้าเราเพราะความจริงคือโสตวิญญาณดับลงไปนานแล้วแต่เกิดเป็นเวทนาคืออารมณ์เกิดขึ้นเพราะจิตไปพิจารณาตามมโนวิญญาณ
พอลืมตาก็มีจักษุวิญญาณเกิดขึ้นแต่หากหลับตาลงหรือหันหน้าไปทางอื่นจักษุวิญญาณย่อมดับลงเช่นกันผมพิจารณาการดับลงโดยไม่เกิดมโนวิญญาณตามก็ทำให้เกิดความรู้ตามความเป็นจริง
ผมไม่แน่ใจว่าบทความผมอธิบายได้ตามความประสงค์ของผมมากแค่ไหนหากผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่แห่งนี้
แต่เป็นประสบการณ์ที่ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่ขอถามทุกท่านเพื่อขอความคิดเห็นเพื่อเป็นความรู้ต่อไปครับผม


:b42: คิดว่าน่าจะเป็นการเกิดการดับของจิตนะครับ เพราะจิตจะเกิดดับอยู่ตลอดเวลาเราไม่สามารถรู้ทันได้ต้องอาศัยการนั่งสมาธิและวิปัสสนาเข้ามาช่วยพิจารณาครับ แต่ถ้าตามความเข้าใจของผมแล้วตามที่คุณได้เล่ามานั้นจิตแค่เห็นการเกิดดับเท่านั้นแต่ยังไม่ได้ปรุงแต่งจิตขึ้นมาครับ :b39:

.....................................................
สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม
ทุกอย่างไม่ควรยึดถือ
อกุศลน้อยนิด อย่าคิดทำ
กุศลน้อยนิด ให้คิดทำ
ทำกุศลวันละนิด ดีกว่าคิดที่จะทำ

พระพุทธองค์ยังถูกนินทา
ประชาชนธรรมดามีหรือจะหนีพ้น

ไม่อยากทุกข์แต่ก็เป็นทุกข์ ถ้าไม่เรียนรู้ทุกข์ จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2011, 06:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ผมมีประสบการ์ณขอถามผู้รู้ทุกท่านว่ามีความคิดเห็นว่าอย่างไรกับบทความจากการพิจารณาธรรมของผม มีคืนหนึ่งผ่านไป5 6 วันที่แล้วผมนั่งพิจารณาร่างกายประมาณ40 นาทีต่อมาผมได้ยินเสียงดังของเครื่องยนต์ผ่านเป็นโสตวิญญาณเกิดขึ้นแล้วดับลง ผมพิจารณาแล้วเกิดเป็นความรู้ที่ทำให้ผมมั่นใจว่าธรรมะที่พระพุทธเจ้านำมาบอกกล่าวเป็นของจริงแท้แน่นอน เป็นศรัทธาที่เพิ่มมากยิ่งขื้นจากการพิจารณาครั้งนี้ ธรรมที่ผมพิจารณาดังต่อไปนี้
เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ สัญญาเกิดเป็นว่าเป็นเสียงมอเตอร์ไซร์แต่จักษุวิญญาณไม่เกิดเพราะผมหลับตาอยู่ดังนั้นการพิจารณาของผมออกมาว่าหากผมเห็นเป็นมอเตอร์ไซร์แสดงว่า มโนวิญญาณเกิดขึ้นไม่ใช่ของจริง แต่โสตวิญญาณเป็นของจริง ขอต่อวันพรุ่งนี้ครับเพราะเล่นในห้างอินเตอร์เนต

การอธิบายความของคุณ เป็นการใช้ความคิดมาอธิบายความครับ
การจะอธิบายธรรมยิ่งด้วยเรื่องจิตแล้ว ยิ่งต้องอาศัยหลักธรรมอื่นมาพิจารณา แบบที่ทางโลกเรียกทฤษฎี
เป็นเพราะขบวนการทำงานของจิตเร็วมาก ชั่วขณะจิตเดียว ขบวนการของปฏิจจฯก็ทำงานไปครบสายแล้ว

บางครั้งเราอาจคิดว่า วิญญาณขันธ์ที่ได้รับดับไปอย่างรวดเร็ว มันเป็นเพราะจิตเราไม่ได้อยู่ที่
วิญญาณขันธ์หรือผัสสะตัวนั้น อย่าลืมนะครับว่า วิญญาณขันธ์มันมีทั้งหมดหกตัว ถ้าเราไม่ไปบังคับ
มันไว้ วิญญาณขันธ์ทั้งหกก็ทำงานของมันตลอดเวลา การที่คิดว่าตัวอื่นไม่ได้ทำงานเพราะ เราเอา
จิตไปยึดวิญญาณตัวอื่นครับ

ที่คุณว่า มโนวิญญาณเกิดขึ้นไม่ใช่ของจริง โสตวิญญาณเท่านั้นที่จริง มันไม่ตรงครับ
ทุกอย่างมันเกิดมาก็ด้วยเหตุปัจจัยใจครับ มโนวิญญาณมันเกิดจาก โสตวิญญาณที่ได้รับ
ที่คุณรู้ว่าเป็นเสียงเครื่องยนต์ เพราะสัญญาแล้วสัญญามันเกิดจากอะไรครับ ถ้าไม่ใช่มโนวิญญาณ

สรุปก็คือเรื่องของคุณ จะเอาบอกว่าอันไหนจริงอันไหนไม่จริงไม่ได้ เพราะขันธ์มันเกิดขึ้นจริง
มันเกิดตามเหตุปัจจัย
ส่วนเรื่องจริงหรือไม่จริง เขาใช้กับความคิดใช้กับสมองที่เป็นเรื่องกาย
มันเป็นการทำงานของกายที่ไม่เกี่ยวกับสภาวะหรืออารมณ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2011, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
พอพิจารณาว่าหูได้ยินเสียงเครื่องยนต์เป็นโสตวิญญาณที่เกิดขึ้นจริงแล้วดับลงไปภายใน2 3 วินาที

ไอ้เสียงที่คุณบอกว่าดับไป มันอยู่ที่ว่า จิตคุณอยู่ที่เสียงนั้นหรือเปล่า
ดูที่คุณอธิบายมาแล้วว่าเสียงดับไปใน2-3วินาที เราต้องดูว่า เสียงมันดับไปเองหรือว่า เสียงยังมีอยู่
ลักษณะของ วิญญาณขันธ์ ถ้าเสียงดับไปเอง โสตวิญาณดับ อันนี้ใช่ครับ
แต่ถ้าเสียงยังอยู่ โสตวิญญาณดับ อันนี้เป็นเพราะเราไปสนใจผัสสะตัวอื่นครับ
ที่ถูกมันต้อง ถ้าเสียงยังอยู่ โสตวิญญาณต้องเกิดดับครับ
student เขียน:
หากความอยากรู้อยากเห็นว่าเป็นเสียงของมอเตอร์ไซร์แล้ววิ่งไปทางไหนใช้ถนนอะไรล้วนแล้วแต่เป็นมโนวิญญาณที่ไม่ใช่ความจริงเฉพาะหน้าเราเพราะความจริงคือโสตวิญญาณดับลงไปนานแล้วแต่เกิดเป็นเวทนาคืออารมณ์เกิดขึ้นเพราะจิตไปพิจารณาตามมโนวิญญาณ

ไอ้ความอยากรู้อยากเห็นที่คุณว่า หาใช่มโนวิญญาณครับ แต่มันคือจิตสังขาร ที่เกิดจาก เวทนากับสัญญา
มิหน่ำซ้ำ ยังเกิดเป็นสังขารขันธ์ตามมาด้วยครับ การพิจารณาเราต้องพิจารณา เราต้องรู้อวิชาในปฏิจจ์ครับ
เพราะมันเป็นต้นเหตุ เป็นเหตุปัจจัยของสิ่งทีคุณว่ามานี้

ส่วนเวทนานั้นมันเกิดขึ้นเอง ด้วยเหตุปัจจัยแห่งผัสสะ ความหมายก็คือ
เมื่อจิตไปยึดผัสสะหรือวิญญาณขันธ์ตัวใดตัวหนึ่งเข้า ย่อมเกิดเวทนาตามมาครับ
student เขียน:
พอลืมตาก็มีจักษุวิญญาณเกิดขึ้นแต่หากหลับตาลงหรือหันหน้าไปทางอื่นจักษุวิญญาณย่อมดับลงเช่นกัน

การเกิดการดับมันไม่ใช่อยู่ที่การหลับตาหรือการหันหน้าไปทางอื่น
การเกิดดับ มันก็มีเกิดขึ้นอยู่ตลอดนั้นแหล่ะครับ เพียงแต่ว่า
จิตจะเข้าไปรู้ถึงการเกิดดับนั้นหรือไม่

ตามหลักคำสอน ทุกอย่างเกิดที่เหตุ การดับต้องดับที่เหตุ
เมื่อเกิดจักขุวิญญาณ ถึงแม้เราจะหันหน้าหรือหลับตาลง ถ้ามันยังเกิด มโนวิญญาณตามมา
นั้นยังไม่เรียกว่า การดับของจักขุวิญญาณครับ
เพราะมโนวิญญาณ มันเป็นสัญญาที่เกิดจาก จักขุวิญญาณ มีผลแสดงว่า เหตุยังอยู่
การจะดับในสิ่งที่ว่า ต้องดับที่ต้นเหตุ โดยใช้ตัววิชชาหรือสติเป็นตัวดับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2011, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเป็นกำลังใจ ให้ฝึก แบบนี้เรื่อยๆไป ครับ
เป็นการ กำหนดรู้ รู้ สภาวะที่เกิดดับ ก็คือรู้จิตนี่แหละ
จิตเกิด จิตดับ เกิดขึ้นมาแล้วดับลงไปแล้ว...เกิดขึ้นใหม่...แล้วดับไปหยกๆ
ต้องดู ผู้รู้ด้วยครับ...เป็นทั้งผู้รู้ เป็นทั้งผู้ดู จิตนี้มันเร็ว มันไวมาก ไม่เหมือนรูป
ดูรูป ดูกาย นี่ดูง่ายกว่าเพราะมันตั้งอยู่นาน แต่จิตนั้น เพียงเสี้ยววินาที มันก็ดับ
พิจารณาไป เรื่อยๆ ครับ เดินมาถูกทางแล้ว ขอให้ฝึกแยก รูป นาม ด้วย
เช่น เสียง.....เป็น รูป ได้ยิน เป็นนาม ต่อจากนั้นไป เป็น สมมติ ครับ เช่นได้ยิน
เป็นเสียง มอเตอร์ไซด์ นั้น เกิดจากการปรุงแต่งแล้ว จาก สัญญา ความจำ ให้รู้ว่าเป็นเสียงอะไร
แล้วก็ปรุงแต่งไปเรื่อย....
ฉะนั้น พระท่านถึงบอก...ได้ยิน ก็สักแต่ว่า ได้ยิน เห็น ก็สักแต่ว่า เห็น ต่อจาก นั้นไม่ไปคิด
ปรุงแต่งใดๆ อีก
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2011, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณท่าน โฮฮับ ท่าน ศรีสมบัติ ท่านหัสพล พวงแก้ว ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ทั้งเรื่องจิต และ อายตนะ6 นามรูป ทั้งการเกิดดับ
อ้างคำพูด:
โฮฮับ เขียน
โสตวิญญาณดับ อันนี้เป็นเพราะเราไปสนใจผัสสะตัวอื่นครับ
ที่ถูกมันต้อง ถ้าเสียงยังอยู่ โสตวิญญาณต้องเกิดดับครับ

ธรรมข้อนี้สำคัญและเป็นประโยชน์มากครับ
อ้างคำพูด:
โฮฮับ เขียน
ส่วนเรื่องจริงหรือไม่จริง เขาใช้กับความคิดใช้กับสมองที่เป็นเรื่องกาย
มันเป็นการทำงานของกายที่ไม่เกี่ยวกับสภาวะหรืออารมณ์

ต้องพิจารณาต่อไปครับ ปกติจะสร้างสติอยู่ที่กาย คือ หายใจเข้า ออก มือทับมือ ปลายนิ้วมีเล็บ ใล่ตามร่างกายสักพักก็เปลี่ยนมาพิจารณาเสียง ความร้อน ความหนาว ลมโชย ท้ายสุดก่อนถอนจากสมาธิจะต่อสู้กับเวทนาที่เกิดขึ้นคืออารมณ์อยากถอนจากสมาธิ สักพักใหญ่จะสู้กับอาการปวด ชา ที่ขา จนถอนจากสมาธิในที่สุด
อ้างคำพูด:
โฮฮับ เขียน
ไอ้ความอยากรู้อยากเห็นที่คุณว่า หาใช่มโนวิญญาณครับ แต่มันคือจิตสังขาร ที่เกิดจาก เวทนากับสัญญา
มิหน่ำซ้ำ ยังเกิดเป็นสังขารขันธ์ตามมาด้วยครับ การพิจารณาเราต้องพิจารณา เราต้องรู้อวิชาในปฏิจจ์ครับ
เพราะมันเป็นต้นเหตุ เป็นเหตุปัจจัยของสิ่งทีคุณว่ามานี้

สนใจธรรมข้อนี้ครับ จะศึกษามากยิ่งขึ้นครับ
อ้างคำพูด:
ศรีสมบัติ เขียน
ดูรูป ดูกาย นี่ดูง่ายกว่าเพราะมันตั้งอยู่นาน แต่จิตนั้น เพียงเสี้ยววินาที มันก็ดับ
พิจารณาไป เรื่อยๆ ครับ

จะพิจารณาต่อไปครับ แม้พิจารณากายผมก็ว่าไม่ง่ายเลย เพราะความเผลอเข้าครอบคลุมเร็วมาก ตอนดึกต้องต่อสู้กับความง่วงนอนอีก
อ้างคำพูด:
หัสพล พวงแก้ว เขียน
คิดว่าน่าจะเป็นการเกิดการดับของจิตนะครับ เพราะจิตจะเกิดดับอยู่ตลอดเวลาเราไม่สามารถรู้ทันได้ต้องอาศัยการนั่งสมาธิและวิปัสสนาเข้ามาช่วยพิจารณาครับ แต่ถ้าตามความเข้าใจของผมแล้วตามที่คุณได้เล่ามานั้นจิตแค่เห็นการเกิดดับเท่านั้นแต่ยังไม่ได้ปรุงแต่งจิตขึ้นมาครับ

จะพิจารณาต่อครับ จะสังเกตุตัวเองว่าช่วง15 20 นาทีแรกจิตจะว้าวุ่น ไม่เกิดสมาธิ แต่ก็พิจารณาต่อจนสักพักความสงบก็เกิดขึ้น ช่วงนี้จะพิจารณาได้ดียิ่งขึ้น
อ้างคำพูด:
กบนอกกะลา เขียน
ยังมีต่อไหมครับ??

มีแค่นี้ครับ ท่านกบนอกกะลามีคำแนะนำอะไรครับในเรื่องนี้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2011, 21:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มีแค่นี้ครับ ท่านกบนอกกะลามีคำแนะนำอะไรครับในเรื่องนี้

ขออนุญาติก็แล้วกันนะครับ..

ขันธ์ 5 เรา..มี..ร่างกายเป็นรูป...มีกรมเวทนาคือรู้สึก..กรมสัญญาคือความจำ..กรมสังขารคือความคิด..และกรมวิญญาณคือสื่อรับจากการผัสสะของอายาตนะทั้งหก

ทั้งหมดทำงานแยกกันตามหน้าที่ของแต่ละกรมแต่..ทุกกรมทำงานสอดประสานกันตลอดเพื่อรักษาสิ่งที่คิดว่าเป็นตัวมันนี้อยู่รอดปลอดภัย

อ้างคำพูด:
พอพิจารณาว่าหูได้ยินเสียงเครื่องยนต์เป็นโสตวิญญาณที่เกิดขึ้นจริงแล้วดับลงไปภายใน2 3 วินาที หากความอยากรู้อยากเห็นว่าเป็นเสียงของมอเตอร์ไซร์แล้ววิ่งไปทางไหนใช้ถนนอะไรล้วนแล้วแต่เป็นมโนวิญญาณที่ไม่ใช่ความจริงเฉพาะหน้าเราเพราะความจริงคือโสตวิญญาณดับลงไปนานแล้ว

ยินเสียงเครื่องยนต์เป็นโสตวิญญาณ.....ได้ยิน..เป็นโสตวิญญาณ..แต่รู้ว่า..เสียงที่ได้ยิน...เป็นเสียงเครื่องยนต์...นี้เป็นงานของสัญญา..ครับ

หากความอยากรู้อยากเห็นว่าเป็นเสียงของมอเตอร์ไซร์แล้ววิ่งไปทางไหนใช้ถนนอะไรล้วนแล้วแต่เป็นมโนวิญญาณที่ไม่ใช่ความจริง....เป็นงานของสังขารคือคิด...ไม่ใช่มโนวิญญาณนะ...มันคิดเพราะมีกิเลสคือความอยากเป็นตัวผลักดัน..คนไม่หมดกิเลสนี้มันก็เริ่มอันตรายตรงนี้แหละ...

อ้างคำพูด:
แต่เกิดเป็นเวทนาคืออารมณ์เกิดขึ้นเพราะจิตไปพิจารณาตาม.....

ครับ

อ้างคำพูด:
พอลืมตาก็มีจักษุวิญญาณเกิดขึ้นแต่หากหลับตาลงหรือหันหน้าไปทางอื่นจักษุวิญญาณย่อมดับลงเช่นกันผมพิจารณาการดับลงโดยไม่เกิดมโนวิญญาณตามก็ทำให้เกิดความรู้ตามความเป็นจริง

ไม่เกิดมโนวิญญาณตาม...ตรงนี้ขอแก้เป็น..ไม่เกิดความคิดปรุงแต่งตาม..นะครับ

พอเราไม่คิดปรุง..มันก็พบกับความประหลาดที่เราไม่เคยพบมาก่อน...มันเลยรู้สึกปิติ..นะครับ..หากใช้คำว่า..ทำให้เกิดความรู้ตามความเป็นจริง..ดูจะหนักไป...ตราบใดยังอยาก..ยังยึด..ยังหลง..กิเลสมันก็คอยหลอกเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

อ้างคำพูด:
ผมไม่แน่ใจว่าบทความผมอธิบายได้ตามความประสงค์ของผมมากแค่ไหนหากผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่แห่งนี้

แต่ก็พอจะเห็นภาพได้..ไม่เป็นไร

อ้างคำพูด:
แต่เป็นประสบการณ์ที่ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่ขอถามทุกท่านเพื่อขอความคิดเห็นเพื่อเป็นความรู้ต่อไปครับผม

คุณสังเกตเห็นการคิดปรุง..หลังจาก..ผัสสะแล้ว...ทีนี้ลองตังคำถามกับตัวเองซิว่า...แล้วอะไรทำให้มันคิดปรุงไปอย่างนั้นอย่างนี้ได้...แล้วมันปรุงไปเพื่อสิ่งใด...หากเราจะหยุดการคิดปรุงนี้เพราะเหตุใด???

ลองถามตัวเองเล่น ๆ ดู....มีอะไรใหม่ ๆ ก็ค่อยมาคุยกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2011, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ขอขอบคุณท่านกบนอกกะลาที่เข้ามาเสนอความรู้ดีดี

ก็มีการพิจารณาเรื่องอารมณ์กลัวสถานที่มืดๆและสภาวะอันตรายต่างๆ ในสภาวะปกติที่ไม่ได้นั่งสมาธิ ก็สังเกตุดูอารมณ์ตังเองว่ายังกลัวอยู่จริง
แล้วนั่งสมาธิสังเกตุอารมณ์ตัวเองไปเรื่อยๆ ปรากฏถึงความหวาดกลัวต่อสิ่งต่างๆเริ่มหายไป ก็พิจารณาอารมณ์ต่างๆว่าทำอย่างไรจิตที่เป็นสมาธิ ไม่กลัว นำผลไปในสภาวะปกติที่ไม่ได้นั่งสมาธิ ตอนนี้ก็มุ่งเน้นเรื่องพิจารณาความตายอีกทางหนึ่งครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2011, 06:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ก็มีการพิจารณาเรื่องอารมณ์กลัวสถานที่มืดๆและสภาวะอันตรายต่างๆ ในสภาวะปกติที่ไม่ได้นั่งสมาธิ ก็สังเกตุดูอารมณ์ตังเองว่ายังกลัวอยู่จริง
แล้วนั่งสมาธิสังเกตุอารมณ์ตัวเองไปเรื่อยๆ ปรากฏถึงความหวาดกลัวต่อสิ่งต่างๆเริ่มหายไป ก็พิจารณาอารมณ์ต่างๆว่าทำอย่างไรจิตที่เป็นสมาธิ ไม่กลัว นำผลไปในสภาวะปกติที่ไม่ได้นั่งสมาธิ

การพิจารณาความกลัว เราต้องแยกแยะกันครับว่า สิ่งที่เราพิจารณา มันเป็นผลมาจากอะไร
อย่างเช่น เรากลัวความมืดเพราะมันทำให้เราคิดถึงเรื่องผี อันนี้เราควรพิจารณา ให้ดับไปครับ

แต่ถ้าเป็นเรื่องของ ภัยอันตรายที่เกิดจากความมืด อย่างเช่น คนร้ายหรืออุบัติเหตุ
เราจะดับความกลัวไม่ได้ เพราะความกลัว เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดการระแวดระวังภัย ไม่ประมาท
เมื่อเกิดการระวังตัวแล้ว จึงค่อมีสติมีสมาธิกับความไม่ประมาทนั้น

สังเกตุดูแล้ว อารมณ์กลัวที่เกิดขึ้น มันมาจากสัญญาที่แตกต่างกัน
อีกเรื่องเป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น อีกเรื่องมันไม่เป็นความจริง

สัญญาที่เป็นจริงในอดีต สามารถทำให้เกิดสติ ระลึกรู้ในความไม่ประมาท
สัญญาที่ไม่จริงมาจากความคิดความจำที่ฟังมา ทำให้เกิดการปรุงแต่งไปต่างๆนาๆ

ฉะนั้นควรพิจารณาให้ดีครับว่า สิ่งที่มากระทบอารมณ์มันเกิดจากอะไรเป็นเหตุ
จากจิตเราเองหรือสิ่งเร้าภายนอกครับ
student เขียน:
ตอนนี้ก็มุ่งเน้นเรื่องพิจารณาความตายอีกทางหนึ่งครับ

ถ้าเป็นเรื่องความกลัว ผมไม่ทราบว่าคุณจะไปพิจารณาความตายด้วยเหตุอันใด
มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ จะพิจารณาอย่างไรมันก็ต้องตาย

ไอ้คำว่าพิจารณา มันคือการพิจารณา อารมณ์ตัวเองครับ
อารมณ์ของมนุษย์มันมีเหมือนกัน มันต่างกันตรงที่จะใช้หรือไม่ และใช้ผิดไปจากความเป็นจริงหรือเปล่า
ความเป็นจริงคือ ทุกสิ่งย่อมเกิดแต่เหตุ เมื่อยังไม่มีเหตุ สิ่งที่กล่าวหรือพิจารณาอยู่
ย่อมไม่จริงใช้มาพิจารณาไม่ได้ มันเป็นเรื่องของความคิดจินตนาการไปเอง

อย่างเช่นเรื่องพิจารณาความตาย ความตายเป็นธรรมชาติชาติเดียวก็มีหนเดียว
แล้วมันยังมาไม่ถึง ไม่รู้ว่าเอาเหตุอะไรมาพิจารณา เอาสัญญาตัวไหนมาระลึกรู้
มันก็เหมือนกับความกลัว ที่เรากลัวความมืด แล้วปรุงแต่งไปเรื่องผีเรื่องสางแหล่ะครับ

ผมอาจเข้าใจคำพูดคุณผิดก็ได้ครับ ต้องฟังคุณอธิบายมาอีกทีครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2011, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
โฮฮับ เขียน
อย่างเช่นเรื่องพิจารณาความตาย ความตายเป็นธรรมชาติชาติเดียวก็มีหนเดียว
แล้วมันยังมาไม่ถึง ไม่รู้ว่าเอาเหตุอะไรมาพิจารณา เอาสัญญาตัวไหนมาระลึกรู้
มันก็เหมือนกับความกลัว ที่เรากลัวความมืด แล้วปรุงแต่งไปเรื่องผีเรื่องสางแหล่ะครับ

เวลาที่ดูหนังสือพิมพ์แล้วเห็นภาพคนตาย เกิดความรู้สึกว่า เสียดายชีวิตแทนเขาเหล่านั้น ต้องการพิจารณาว่าแม้เราก็จะเป็นเช่นนั้น แต่เป็นแค่นึก มองไม่เห็นตัวเองว่านอนตายบ้างเหมือนอย่างนั้นเพื่อการน้อมลงเป็นความสลด
อ้างคำพูด:
โฮฮับ เขียน
การพิจารณาความกลัว เราต้องแยกแยะกันครับว่า สิ่งที่เราพิจารณา มันเป็นผลมาจากอะไร
อย่างเช่น เรากลัวความมืดเพราะมันทำให้เราคิดถึงเรื่องผี อันนี้เราควรพิจารณา ให้ดับไปครับ

ที่เห็นก็จะเป็นผลของสติที่ไม่มั่นคง ไม่อยู่ในสติของผมเอง พอเห็นความมืดจิตก็ปรุงแต่งเป็นภาพ แล้วอารมณ์ก็ตามมา ผมว่าเกิดตัญหาอุปาทาน คือพอคนในบ้านโผล่ออกมาให้เห็นความกลัวกลับเลือนหายไป เรามีเพื่อนแล้วอะไรแบบนั้น ส่วนมากจะดึงตัวเองกลับมาสู่สติก่อนค่อยๆรู้ตามนิ้วตามแขนแล้วพิจารณาว่าหากเราตายแล้ว จิตที่ปรุงแต่งจะปรุงแต่งอารมณ์ออกมาแบบไหน ส่วนอารมณ์ที่เกิดจากสภาวะความเสื่อมจากสมาธิหรือความเสื่อมจากสมาธิในลักษณะหินไม่ได้ทับหญ้าอีกต่อไปยังผลให้อารมณ์ของความกลัวเกิดขึ้นกับตัวผมเอง
อ้างคำพูด:
โฮฮับ เขียน
แต่ถ้าเป็นเรื่องของ ภัยอันตรายที่เกิดจากความมืด อย่างเช่น คนร้ายหรืออุบัติเหตุ
เราจะดับความกลัวไม่ได้ เพราะความกลัว เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดการระแวดระวังภัย ไม่ประมาท
เมื่อเกิดการระวังตัวแล้ว จึงค่อมีสติมีสมาธิกับความไม่ประมาทนั้น

ครับ เป็นอย่างนั้น
อ้างคำพูด:
โฮฮับ เขียน
สัญญาที่เป็นจริงในอดีต สามารถทำให้เกิดสติ ระลึกรู้ในความไม่ประมาท
สัญญาที่ไม่จริงมาจากความคิดความจำที่ฟังมา ทำให้เกิดการปรุงแต่งไปต่างๆนาๆ

ฉะนั้นควรพิจารณาให้ดีครับว่า สิ่งที่มากระทบอารมณ์มันเกิดจากอะไรเป็นเหตุ
จากจิตเราเองหรือสิ่งเร้าภายนอกครับ

เป็นเหตุจากจิตเราเอง วิญญาณเกิดขึ้น เป็นเหตุให้เกิดเวทนา ต้องรู้ตามจึงจะเห็น ครับผม
วันนี้มีพลังอีกหนจะพิจารณาเร่งด่วนครับ หากมีคำถามขอกลับมารบกวนท่านอีกหน ขอบคุณครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 18 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร