วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 15:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2020, 09:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

สมาธิ

หนังสือยาใจ
พระครูญาณวิศิษฏ์ (ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก)

ภาค ๑ : ภาษาใจ
ศิษย์บันทึกคำสอนของท่านพ่อ
สมาธิ หน้า ๔๑-๔๗

:b8: :b8: :b8:

“ร่างกายเรียก ‘ไอ้ใบ้’ เพราะมันพูดอะไรของมันเองไม่ได้ จิตก็เรียก ‘ไอ้บ้า’ เพราะมันคิดของมันได้ร้อยแปดพันอย่าง เราต้องคุมไอ้บ้าให้อยู่จึงจะเป็นสุขทั้งคู่”

๏ มีหลายครั้งที่คนมาพูดกับท่านพ่อ ว่าตัวเองทำงานหนัก มีภาระมาก จึงไม่มีเวลานั่งภาวนา และมีหลายครั้งที่ท่านพ่อจะย้อนถามว่า “แล้วตายแล้วจะมีเวลาหรือ”

“ให้ภาวนาอย่ามัวแต่ห่วงนอน นอนกันมาไม่รู้กี่ชาติแล้วไม่รู้จักอิ่มสักที มัวแต่เป็นผู้ประมาทไม่รู้จักรักษามนุษย์สมบัติเอาไว้ ระวังจะเหลือไม่เท่าเก่า”

“คนเราทุกคนต้องการความสุข แต่ส่วนใหญ่ไม่สนใจสร้างเหตุของความสุข จะเอาแต่ผลอย่างเดียว แต่ถ้าเราไม่สนใจกับตัวเหตุ ตัวผลจะอยู่ได้อย่างไร”

“เรียน พุท-โธแค่นี้ก็พอ เรียนอย่างอื่นไม่รู้จักจบ ไม่เป็นไปเพื่อพ้นทุกข์ พุท-โธตัวเดียว ถ้าเรียนจบได้เมื่อไหร่ ก็สบายเท่านั้น”

“คิดอะไร ก็ทำใจให้เป็นหนึ่ง แล้วจะสำเร็จ”

“เมื่อคิดที่พุทโธแล้วไม่ต้องลังเลว่า จะนั่งไม่ได้ดี ถ้าตั้งใจจริงแล้วมันต้องได้ สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเราเป็นมารผจญ เขาจะเล่นละครอะไร เราก็ดูไป ไม่ใช่ว่าไปเล่นกับเขาด้วย”

“จิตเปรียบเหมือนพระราชา อารมณ์ทั้งหลายเปรียบเหมือนเสนา เราอย่าเป็นพระราชาหูเบา”

“เวลาภาวนาอย่าไปกลัวว่า ภาวนาแล้วเป็นนั่นเป็นนี่ เพราะเป็นของที่แก้กันได้ ให้กลัวอย่างเดียวว่า จะภาวนาไม่เป็น”


๏ ครั้งหนึ่งมีฆราวาสคณะหนึ่งที่เคยศึกษาวิชาอภิธรรมมาขอฝึกใจกับท่านพ่อ แต่เมื่อท่านบอกให้นั่งหลับตา เขาก็ปฏิเสธทันที โดยอ้างว่าไม่อยากจะฝึกสมาธิเพราะกลัวจะติดฌานแล้วไปเกิดเป็นพรหม ท่านพ่อก็ตอบว่า “จะกลัวทำไม ขนาดพระอนาคามียังเกิดเป็นพรหม ไหนๆ เกิดเป็นพรหมยังดีกว่าเกิดเป็นหมา”

๏ เวลามีใครฝึกภาวนากับท่านพ่อ ท่านไม่ค่อยจะอธิบายอะไรให้ล่วงหน้า เมื่อรู้จักหลักเบื้องต้นท่านก็ให้นั่งไปเลย ถ้าจิตเกิดมีอาการอะไรขึ้นมาจากการปฏิบัติ ท่านจึงอธิบายวิธีแก้และวิธีปฏิบัติขั้นต่อไป ครั้งหนึ่งมีฆราวาสคนหนึ่งที่เคยผ่านอาจารย์มากต่อมาก มาถามปัญหาธรรมะกับท่านพ่อในเชิงลองภูมิท่าน ท่านก็ย้อนถามว่า “ใจเป็นหรือยัง” เขาก็ตอบว่า “ยัง” ท่านจึงบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นจะไม่ขอตอบเพราะถ้าตอบเมื่อใจยังไม่เป็น ก็จะเป็นแค่สัญญาไม่ใช่ตัวจริงของธรรมะ”

๏ อีกครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์ที่ฝึกภาวนากับท่านพ่อแล้วเห็นว่า การปฏิบัติของตนได้รุดหน้าอย่างรวดเร็วจึงอยากทราบว่า ขั้นต่อไปจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อถามท่านพ่อ ท่านก็ตอบว่า “ไม่บอก ถ้าบอกเดี๋ยวจะเป็นผู้รู้ก่อนเกิด ผู้เลิศก่อนทำ แล้วกลายเป็นผู้วิเศษไปเลย ไม่เอา ให้ทำเอาเอง เดี๋ยวจะรู้เอง”

“การปฏิบัติจะให้เป็นไปตามที่เรานึกคิดไม่ได้นะ ใจของเรามีขั้นมีตอนของเขาเอง เราต้องให้การปฏิบัติเป็นไปตามขั้นตอนของเขา เราจึงจะได้ผล ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นอรหันต์ดิบขึ้นมา”

“คนเราต้องบ้าภาวนา จึงจะภาวนาได้ดี”

“อะไรๆ ก็ขึ้นอยู่กับความสังเกตของเรา ถ้าความสังเกตของเรายังหยาบๆ เราจะได้แต่ของหยาบๆ การภาวนาของเราก็ไม่มีทางที่จะเจริญก้าวหน้าไปได้”

“มีสติทำให้เกิดปัญญา มีศรัทธาทำให้เกิดความเพียร”

“ความเพียรเป็นเรื่องของใจ ไม่ใช่เรื่องของอิริยาบถ คือจะทำอะไรก็ตาม ต้องรักษาสติไว้เรื่อยๆ อย่าให้ขาด ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ให้ใจมีความเพียรอยู่ในตัว”

“การรักษาสติเป็นเรื่องรู้นิดๆ แต่ต้องให้เป็นนิตย์”

“อย่าทำตัวเป็นไม้หลักปักขี้เลน เคยเห็นไหม ไม้หลักปักขี้เลน ปักลงไปก็คลอนไปคลอนมา ทำอะไรก็ต้องทำให้มันจริง ให้มั่น ให้หนึ่งจริงๆ อย่างลมนี้ เอาให้เป็นหนึ่ง ปักลงแล้วให้มันมั่นคงจริงๆ อย่าให้คลอนแคลนง่อนแง่น”

“อย่าทำแค่ถูกใจ ต้องทำให้ถึงใจ”

“คนเราเวลานั่งภาวนา กว่าใจจะสงบได้ก็ต้องใช้เวลานาน แต่พอจะออกจากที่นั่งก็ทิ้งเลยอย่างนี้เรียกว่า เวลาขึ้นบ้านก็ขึ้นบันได เวลาลงก็กระโดดหน้าต่าง”


๏ ลูกศิษย์คนหนึ่งนั่งภาวนากับท่านพ่อที่วัดมกุฏฯ จนรู้สึกว่าใจสบายเบิกบานเป็นพิเศษ แต่เมื่อกลับไปถึงบ้านแทนที่จะรักษาอารมณ์นั้นไว้ ไปมัวแต่ฟังทุกข์ของเพื่อนจนจิตของตนเองที่ไม่ได้รักษาไว้นั้นพลอยเป็นทุกข์ไปด้วย วันต่อมาพอกลับไปถึงวัดแล้วเล่าให้ท่านพ่อฟัง ท่านก็บอกว่า “นี่เรามาเอาทองไปแลกกับขี้”

๏ ศิษย์คนหนึ่งหายหน้าจากท่านพ่อไปหลายเดือน พอกลับมาหาท่านอีกก็เล่าถวายท่านฟังว่า “ที่หนูหายไปนั้น ก็เพราะที่ทำงานสั่งให้ไปเรียนพิเศษ ในระหว่างนั้นไม่มีเวลานั่งภาวนาเลย แต่ตอนนี้เรียนจบแล้ว ใจคิดแต่อยากภาวนา งานการอะไรก็ไม่อยากทำ อยากทำแต่ความสงบอยู่ลูกเดียว” ในขณะที่เขาเล่าถวายท่านพ่อ เขาก็เข้าใจว่า ท่านคงจะรู้สึกยินดีที่เขายังสนใจภาวนาถึงขนาดนั้น แต่ท่านกลับบอกเขาว่า “ที่ไม่อยากทำงานนั้นเป็นกิเลสไม่ใช่หรือ คนภาวนาทำงานไม่ได้หรือไง”

“การภาวนาไม่ใช่ว่าจะให้ใจอยู่ว่างๆ นะ ใจของเราต้องมีงานทำ ถ้าปล่อยให้ว่างๆ เดี๋ยวอะไรๆ ก็เข้าได้ ดีก็เข้าได้ ไม่ดีก็เข้าได้ เหมือนเราเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ อะไรๆ ก็เดินเข้าไปในบ้านเราได้”

๏ มีลูกศิษย์คนหนึ่งฝึกภาวนากับท่านพ่อหลายๆ วันต่อๆ กัน วันหนึ่งหลังจากนั่งเสร็จแล้วได้ปรารภกับท่านว่า “ทำไมวันนี้นั่งไม่ดีเหมือนวันก่อนๆ” ท่านพ่อบอกว่า “การนั่งก็เหมือนเราใส่เสื้อ วันนี้ใส่สีขาว พรุ่งนี้ใส่สีแดง สีเหลือง ฯลฯ คือต้องมีเปลี่ยนอยู่เรื่อย จะใส่ชุดเดียวกันทุกวันๆ ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นเขาจะใส่สีอะไร เราก็ดูเขาไป อย่าดีใจเสียใจกับเขา”

๏ คืนอีกวันหนึ่ง ศิษย์คนนั้นนั่งภาวนาเกิดอารมณ์ดีจนนึกว่า ต่อไปนี้อารมณ์ไม่ดีจะไม่สามารถแทรกแซงเข้าไปในดวงจิตได้อีกเลย แต่ต่อไปก็เกิดอารมณ์ไม่ดีเข้ามาจนได้ จึงเอาเรื่องนี้มากราบเรียนท่านพ่อ ท่านก็บอกว่า “การเลี้ยงจิตก็เหมือนเลี้ยงลูกต้องมีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ถ้าจะเอาเฉพาะเวลาเขาดีมันจะไปกันใหญ่ ฉะนั้นเราต้องทำใจให้เป็นกลาง อย่าไปเข้ากับทั้งฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดี”

“ภาวนาดีอย่าไปดีใจ ภาวนาไม่ดีอย่าไปเสียใจ ให้ดูเอาเฉยๆ ว่า ที่ภาวนาดี-ไม่ดีนั้น เป็นเพราะอะไร ถ้าเราสังเกตได้ อีกไม่นานก็จะกลายเป็นวิชชาขึ้นมาในตัวเรา”

๏ ศิษย์คนหนึ่งนั่งภาวนากับท่านพ่อ รู้สึกว่าจิตปลอดโปร่งเบาสบายมาก พิจารณาธาตุได้ชัดเจนตามที่ท่านพ่อสอนไว้ แต่วันต่อมานั่งภาวนาแล้วไม่ได้เรื่อง เมื่อเขาออกจากสมาธิ ท่านพ่อก็ถามว่า “นั่งวันนี้เป็นไงบ้าง” เขาก็ตอบว่า “เมื่อวานนี้เหมือนคนฉลาด แต่วันนี้เหมือนคนโง่” ท่านพ่อก็ถามต่อไปว่า “แล้วคนโง่กันคนฉลาดเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า”

๏ ศิษย์อีกคนหนึ่ง หลังจากปฏิบัติธรรมกับท่านพ่อเป็นเวลาพอสมควร ได้ปรารภกับท่านว่าเมื่อปฏิบัติแล้ว รู้สึกว่าจิตยิ่งสกปรกวุ่นวายกว่าเดิม ท่านก็ตอบว่า “อันนี้แน่นอนซิ เปรียบเหมือนบ้านเรา ถ้าเราถูพื้นอยู่เสมอแล้ว มีฝุ่น มีขยะอะไรอยู่นิดหน่อย เราจะทนไม่ได้ ยิ่งบ้านเราสะอาดเท่าไร เราก็ยิ่งเห็นความสกปรกได้ง่ายเท่านั้น จิตเราเมื่อไม่ช าระอะไรเลย เราก็สามารถนอนอยู่กลางดินกลางหญ้าโดยไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ถ้าเรานอนอยู่บนพื้นที่สะอาดแล้ว มีฝุ่นอยู่นิดเดียว เราก็จำเป็นต้องไปปัด ไปกวาด เราจะไม่สามารถทนอยู่กับความสกปรกนั้นได้”

“ถ้าไปยินดีในความเป็นของผู้อื่นก็เท่ากับว่า เราไปยินดีในทรัพย์สมบัติของคนอื่นเขา แล้วมันจะได้อะไร ให้สนใจในสมบัติของเราเองดีกว่า”

“เมตตา กรุณา ถ้าขาดอุเบกขา ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ ฉะนั้นใจของเราต้องมีฌาน สิ่งเหล่านี้จึงจะสมบูรณ์ได้”

“การภาวนาของเราไม่ต้องไปบันทึกไว้นะ ถ้าบันทึกไว้ เดี๋ยวเราจะภาวนาเพื่อให้มันเกิดเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อจะให้มีเรื่องบันทึก แล้วเราจะได้แต่ของปลอม”

“สมาธิของเราต้องให้สัมมานะ คือพอดีสม่ำเสมออยู่เรื่อย ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน อย่าให้มีขึ้นมีลง”

“ต้องรู้จักทำ รู้จักรักษา รู้จักใช้”

“พอเราจับจิตให้อยู่ มันจะอยู่กับปัจจุบันอย่างเดียว ไม่ได้วอกแวกถึงเรื่องอดีต-อนาคตนั่นแหละ เราจะใช้มันทำอะไรได้ตามที่เราต้องการ”

๏ วันหนึ่งมีลูกศิษย์มาบ่นให้ท่านพ่อฟังว่าตัวเองฝึกภาวนามาหลายปี แต่ไม่เห็นมันได้อะไรขึ้นมา ท่านพ่อก็ตอบทันที “เขาภาวนาเพื่อให้ละ ไม่ใช่ภาวนาเพื่อให้เอา”

๏ คืนวันหนึ่ง หลังจากพาลูกศิษย์ฆราวาสทำงานที่วัด ท่านพ่อก็พาให้นั่งภาวนาที่เจดีย์ โยมคนหนึ่งรู้สึกเพลียมาก แต่ยังฝืนนั่งเพราะเกรงใจท่านพ่อ นั่งไป นั่งไป รู้สึกว่า ใจเหลืออยู่นิดเดียวกลัวใจจะขาด พอดีท่านพ่อเดินผ่านแล้วพูดขึ้นมาว่า “ตายเตยไม่ต้องกลัว คนเราก็ตายอยู่แล้วทุกลมหายใจ เข้า-ออก” ทำให้โยมคนนั้นเกิดกำลังใจที่จะนั่งต่อสู้กับความเพลียนั้นได้ต่อไป

“การภาวนา ก็คือการฝึกตาย เพื่อเราจะได้ตายเป็น”


:b50: :b45: :b50:
วัดเมตตาวนาราม
Valley Center, California, U.S.A. >>>

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=59750

:b44: ประวัติและปฏิปทา “ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=27449

:b44: รวมคำสอน “ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=47090


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2023, 11:10 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron