ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=36006
หน้า 1 จากทั้งหมด 5

เจ้าของ:  โกเมศวร์ [ 25 ธ.ค. 2010, 00:41 ]
หัวข้อกระทู้:  ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

คิดว่ามีประโยชน์ จึงนำมาเสนอ
ลองฝึกกันดู จะรู้ได้ด้วยตนเอง
ทำได้แค่ไหน ค่อยแวะเวียนมาคุยกันครับ

เข้าไปที่ www.santipap.com/tam/tam.htm

เจ้าของ:  โกเมศวร์ [ 25 ธ.ค. 2010, 23:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

"เห็นกิเลส คือธรรม นำพ้นผิด
โปรดหยุดคิด สรรพสิ่ง สร้างสุขสันติ์
เรียกปัญญา มาใช้ ให้รู้ทัน
กิเลสนั้น แปลงกาย ได้ถึงธรรม"

ขออนุญาตคุณชุติวัณณ์ นำมาเผยแพร่ครับ

โกเมศวร์

เจ้าของ:  อินทรีย์5 [ 07 ม.ค. 2011, 22:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

/ฝึกจากควายป่าทมิฬ เป็นควายเผือกเลี้ยง :b1:

เจ้าของ:  2504 [ 08 ม.ค. 2011, 19:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

เข้ามาอ่าน

เจ้าของ:  ทักทาย [ 09 ม.ค. 2011, 03:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

กำลังฝึกลิงป่าอยู่ค่ะ
เกาะเกี่ยวเก่งจริงๆ เผลอปุ๊ปเกาะปั๊ป
โหนไปนู้น กระโจนไปนี่...
จนเราเหนื่อย...แต่เจ้าลิงตัวนี้
ไม่มีเหนื่อยเลยเก่งจริงๆ

อนุโมทนาค่ะ :b8:

เจ้าของ:  โกเมศวร์ [ 15 ม.ค. 2011, 08:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

"เดี๋ยวมันก็เบื่อ"

อิทัปปัจจยตา การแปรเปลี่ยน การกลายสภาพ

คือกุญแจสู่ ตถตา


ขอให้พิจารณาให้ดี

โกเมศวร์

เจ้าของ:  ทักทาย [ 17 ม.ค. 2011, 02:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

โกเมศวร์ เขียน:
"เดี๋ยวมันก็เบื่อ"

อิทัปปัจจยตา การแปรเปลี่ยน การกลายสภาพ

คือกุญแจสู่ ตถตา


ขอให้พิจารณาให้ดี

โกเมศวร์


จะพยายามต่อไป

อนุโมทนาค่ะ :b8:

เจ้าของ:  โกเมศวร์ [ 18 ก.พ. 2011, 07:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

วาง ว่าง ว้าง

เจ้าของ:  amulets [ 18 ก.พ. 2011, 19:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

ขอบคุณมากครับ
ขอรับไปลองศึกษาครับ
ออ อีกนิด กลอนเพราะมากครับ

เจ้าของ:  โกเมศวร์ [ 18 พ.ค. 2011, 11:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

"สิ่ง" นั้นถึงไม่ได้ด้วยการอ่าน จำเป็นต้องปฏิบัติ
เป็นกำลังใจให้ครับ

เจ้าของ:  โกเมศวร์ [ 01 มิ.ย. 2011, 11:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

ปฏิบัติจนตัวรู้ รู้สิ่งที่ถูกรู้ อยู่เสมอ
สุดท้ายปล่อยวางตัวรู้เสีย ก็จบ พอกันที!

เจ้าของ:  โกเมศวร์ [ 30 มิ.ย. 2011, 10:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

วิธีที่เราทดลองทำกับตัวเองคือ ให้พิจารณาว่าสิ่งที่เรา "อยากทำ" ในแต่ละวันๆซึ่งไม่ใช่ส่วนจำเป็นในการดำรงชีวิตหรือหน้าที่การงานนั้นคืออะไร ตอนนั้นที่นึกได้คือ การเข้ามา chat ใน web นี้
คราวนี้ก็ลองฝึก โดยการกำหนดว่า จะไม่เข้ามาสนทนาธรรมเลย เริ่มต้นจาก 2 สัปดาห์ แล้วก็เริ่มสังเกต

เมื่อตาเห็น com ใจอยากไป chat แต่มีสติเตือนไว้ว่า ยังไม่ได้
แม้ตาไม่เห็น แต่ใจหยิบความทรงจำเก่าๆขึ้นมา ทำให้อยากเข้าไป chat จงมีสติเตือนว่าอย่าทำ
ความยากจะรุนแรงขึ้น เหตุผลต่างๆจะถูกยกขึ้นมาอ้างมากมายเพื่อทำลายความตั้งใจของเรา เช่น การสนทนาธรรมดีกว่าไปทำอะไรที่เลวร้าย การสนทนาธรรมเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นต้น ที่หนักหนากว่าก็เช่น เดี๋ยวก็บ้าหรอก อะไรทำนองนี้ ขอให้อดทนอย่ายอมแพ้ ทนให้ได้ จะเริ่มเห็นอะไรที่ไม่เคยรู้ แต่สิ่งที่รู้นั้น ไม่ต้องใช้ตา

ตัวอย่างเช่น เห็น com เดินผ่านไปแล้ว ใจมันอยาก chat มันบังคับให้เดินกลับมา ให้ติดอยู่ ลักษณะที่ทำให้ติดอยู่นี้เป็นลักษณะของ ราคะและโลภะ
ตาเห็นคนที่ทำอะไรไม่เหมาะสมตามความคิดเรา เราอยากไปกำจัดสิ่งนั้นเสีย ใจเต้นแรงขึ้นมา ลักษณะที่ต้องการผลักไปให้พ้นนี้ เป็นลักษณะของ โทสะ

ส่วน โมหะ ซึ่งเป็นนายใหญ่ของราคะโลภะและโทสะนั้น มีลักษณะที่ทำให้หลงวนอยู่กับสิ่งนั้น แต่การเห็นนั้น ทำได้ยากกว่า เรียกว่า เห็นไม่ชัด แต่รู้ว่ามี เมื่อไม่มีก็จะรู้ แต่ถามว่าเป็นอย่างไรกันแน่ กลับไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร

การจะปฏิบัติให้ได้ผล ต้องทำต่อเนื่อง ทำทุกวัน ทำให้มากเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องไม่อึดอัด ไม่เพ่ง ไม่ติด รู้แล้วผ่านเลย ค่อยๆทำไป เหมือนสะสมน้ำทีละหยดจนเต็มแก้ว กินแล้วชื่นใจ

ค่อยๆเพิ่มระยะเวลาจาก 2 สัปดาห์เป็น 4 สัปดาห์ จากนั้นเป็น 3 เดือน คราวนี้ไม่ไหลย้อนกลับแล้ว

เป็นกำลังใจให้กัลยาณมิตรทุกท่านครับ

โกเมศวร์

เจ้าของ:  โกเมศวร์ [ 12 ต.ค. 2011, 23:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

วางจิตไว้ ให้เหนือ ความยึดมั่น
ทุกสิ่งอัน มีไว้เพื่อ เหยื่อตัณหา
มีสติ ปัดปล่อยมัน ทันเวลา
เห็นธรรมดา ไม่ยึดมั่น สิ่งอันใด

ว่างจากความ ยึดมั่น เช่นนั้นแล้ว
จิตผ่องแผ้ว ประภัสสร สุดแจ่มใส
สิ้นกิเลส เหตุเผาลน พ้นจากไฟ
ทุกข์ใดใด ว่างหมด สุดงดงาม

เจ้าของ:  โกเมศวร์ [ 14 ต.ค. 2011, 16:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

เพราะ ไม่รู้ จึงเผลอคิดปรุงแต่ง สิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น สัมผัสและใจ จนเกิดเป็นความชอบ/ไม่ชอบ อยาก/ไม่อยาก แล้วยึดมั่นในความคิดนั้น จนเป็นเหตุให้เกิดทุกข์

ในทางกลับกัน

เมื่อรู้ จึงไม่เผลอ คิดปรุงแต่ง สิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น สัมผัสและใจ จนเกิดเป็นความชอบ/ไม่ชอบ อยาก/ไม่อยาก หรือ ยึดมั่นในความคิดนั้น ทุกข์ก็เกิดขึ้นไม่ได้


สิ่งที่เกิดจากการกระทบ เหมือน ลูกธนู ที่ยังไม่มีส่วนหัว พุ่งมาหาเรา เราใส่หัวที่แหลมคมให้มันโดยการคิดปรุงแต่ง เราก็บาดเจ็บ

เมื่อเริ่มรู้ทัน เราไม่สวมหัวที่แหลมคม ให้แ่ก่ลูกธนูที่พุ่งมา หรือ ถ้าโดนแล้วก็เอามันออกโดยเร็ว เราก็ทุกข์น้อยหรือไม่ทุกข์เลย

เมื่อรู้ถึงที่สุด ลูกธนูก็ไม่มี เราก็ไม่มี มันเป็นอย่างนั้น เป็นของมันอย่างนั้นแหละ ธรรมดา

เจ้าของ:  โกเมศวร์ [ 15 ต.ค. 2011, 00:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ท่านฝึกวัวป่าหรือยัง

ปฏิบัติธรรมกับไข่เค็ม

สมมติว่าเราท่านทั้งหลายไม่เคยรู้จักการปฏิบัติธรรมมาก่อน วันหนึ่งอยากปฏิบัติธรรมจึงไปหาอาจารย์ อาจารย์ก็ให้ไอ้ก้อนดำๆนี่มา พร้อมให้เอาไปเก็บไว้ ห้ามทำอะไรกับมันจนกว่าจะครบ 14 วันนับจากนี้
ปรากฏว่า บางคนก็รับ บางคนก็ไม่รับเพราะรังเกียจลักษณะภายนอกที่เห็นที่สัมผัสที่ได้กลิ่น บางคนก็รับไปแต่ฝ่าฝืนคำสั่ง สุดท้ายก็มีไม่กี่คนที่นำไข่เค็มกลับมาคืนอาจารย์

อาจารย์ก็บอกผู้ที่กลับมาจำนวนนั้นว่า นี่แหละคือการปฏิบัติธรรม เพราะ ท่านมีศรัทธา ท่านจึงรับสิ่งนี้ไป ท่านมีสติคือเมื่อรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาก็ยังไม่ทำอะไรกับสิ่งนี้ การที่ท่านพยายามไม่ทำอะไรกับสิ่งที่ท่านอยากนั้นเป็นความเพียร การที่ท่านตัดความอยากลงได้นั้นเป็นผลจากปัญญาและขณะที่ท่านจดจ่ออยู่กับการตัดความอยากนั้น นั่นคือสมาธิในระดับที่ใช้ทำการงานได้ สิ่งสำคัญทั้ง 5 อย่างนี้ (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา) เป็นกำลังสำคัญที่จะพาท่านพ้นความทุกข์ยากได้ แต่ขอให้เพิ่มศีลอีกข้อ คือ ไม่เบียดเบียดสิ่งใดทั้งด้วยกาย วาจาและความคิด

จากนั้นอาจารย์ก็บอกให้ล้างสิ่งนั้นด้วยน้ำ แต่ละคนก็เริ่มล้างๆๆๆ จนสิ่งดำออกหมดก็เจอกับดินเหนียว อาจารย์ก็พูดว่า สำหรับผู้ที่ล้าง ท่านกำลังปฏิบัติธรรม เพราะท่านมีศรัทธา มีความพยายาม มีสติรู้ตัวว่ากำลังล้าง มีสมาธิจดจ่อกับการล้างและมีปัญญาเกิดขึ้นจากการปฏิบัติจริงแล้ว แต่ขออย่าได้พอใจหรือติดกับสิ่งที่เจอ เพราะจะทำให้ไม่ก้าวหน้า ขอให้ตั้งใจทำต่อไป

บางคนก็เชื่อบางคนก็ไม่เชื่อ คนที่เชื่อก็ล้างต่อไป จนดินเหนียวออกหมด คราวนี้เจอกับสิ่งสีขาวเนียนเย็น อาจารย์ก็บอกเหมือนเดิมแต่ย้ำว่า อย่าติดกับสิ่งที่เจอให้ตัดใจเสีย การตัดหรือวางความพอใจนั้นได้เป็นผลจากปัญญาที่กล้าแข็งขึ้น สติที่ไวขึ้น

จากนั้นอาจารย์บอกให้เอาไข่นี้ไปทอดทำอาหาร บางคนก็ทำ บางคนก็ไม่ทำเพราะไม่อยากเสียสิ่งที่ขาวเนียนเย็นน่าพอใจนี้ คนที่เอาไปทำอาหาร เมื่อตอกไข่ก็พบเนื้อในของไข่ รู้สึกพอใจมากเมื่อเทียบกับตอนที่เห็นมันดำๆ อาจารย์ก็แนะนำว่าให้ใช้สติคือรู้ตัว ว่ากำลังเข้าไปติดอยู่แล้ว ให้ใช้ปัญญาวางสิ่งนั้นเสีย แล้วก็ทอดไข่ เมื่อใดที่ไข่สุก ท่านก็จะได้ลิ้มรสและอิ่ม ท่านย่อมรู้ได้ด้วยตัวเองว่ารสเป็นอย่างไร ความอิ่มเป็นอย่างไร

หน้า 1 จากทั้งหมด 5 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/