วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 06:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


บทความนี้ ข้าพเจ้ามีความมุ่งหมายที่จะเผยแพร่เพื่อให้ผู้ศรัทธา ได้นำไปปฏิบัติ แต่ไม่อนุญาต ให้นำไปตีพิมพ์หรือสิ่งเทียมพิมพ์ หรือนำข้อความใดไปดัดแปลง เพื่อการค้าหรือแจกจ่าย ด้วยเหตุผลบางประการ ข้าพเจ้าทราบดีว่า คงห้ามไม่ได้ ถ้าเขาเหล่านั้นจะใช้วิธีการลักลอบ แต่ขอเตือนไว้ว่า ไม่เจริญดอกขอรับ สักวันก็ต้องวิบัติฉิบหาย เอาเป็นว่า ข้าพเจ้ามุ่งเผยแพร่เพื่อให้นำไปปฏิบัติได้ ไม่หวงห้าม

สมาธิ แก่นแท้ สมาธิ ตอนที่ ๒
ในตอนที่ ๒ นี้ ข้าพเจ้าจะอธิบาย ในเรื่องของความคิด หรือรูปแบบแห่งความคิด ซึ่งคงมีหลายๆท่าน ที่ได้เรียนรู้ และปฏิบัติสมาธิ บ้างก็มองเห็นภาพ บ้างก็มองเห็นแสง บ้างก็คิดว่า ร่างกายตัวเองเบาและล่องลอยไปได้ และยังมีปรากฏการณ์อื่นๆอีกมากมาย หลากหลายรูปแบบ ที่มักเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลายที่ปฏิบัติสมาธิ โดยความรู้เท่าไม่ถึงกาล หรือหากจะกล่าวให้เกิดความเข้าใจได้ง่าย ก็คือ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับระบบการทำงานของสรีระร่างกายของร่างกาย อันเกี่ยวกับการคิด หรือ ความคิด นั่นเอง
ความคิด หรือการคิด ของมนุษย์นั้น มีอยู่ ๕ ลักษณะกว้างๆ
ลักษณะแรก เวลาคิดก็จะรู้หรือได้ยินการคิดนั้นด้วยตัวเอง คือได้ยินการคิดในสมอง ที่ข้าพเจ้ากล่าวว่าได้ยินนั้น อย่าเหมาเอาว่าได้ยินจริงๆนะขอรับ ข้าพเจ้าหมายถึง ผู้ที่คิดสามารถรับรู้ว่ากำลังคิดอยู่ และรู้ว่ากำลังคิดเรื่องอะไร เกี่ยวกับอะไร ฯลฯ
ในการคิดของมนุษย์ลักษณะที่สองนั้น ผู้ที่คิดไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่ากำลังคิด แต่อาจจะเกิดเป็นผลต่อสภาพสภาวะจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก หรือ พฤติกรรม ต่างๆเกิดขึ้นมา เมื่อบุคคลมีการคิดในลักษณะนี้ อันนี้ข้าพเจ้าจะไม่อธิบายให้ลึกลงไปในรายละเอียด เอาเป็นเพียงให้ท่านทั้งหลายได้เรียนรู้ ได้ศึกษา และทำความเข้าใจว่า มนุษย์มีลักษณะการคิด ที่ผู้ที่กำลังคิดไม่สามารถรับรู้ว่าได้คิด ซึ่งหากท่านทั้งหลายมีความสงสัย ในคำอธิบายหรือคำสอนของข้าพเจ้า ก็ให้ไปสอบถาม ผู้รู้ทางด้าน จิตเวชศาสตร์ เพิ่มเติม ก็จะได้ไม่เกิดความลังเลสงสัยนะขอรับ
การคิดของมนุษย์ลักษณะที่สาม คือ การคิดปรุงแต่ง เป็นภาพต่างๆ บางก็เป็นคิดเป็นภาพแบบรูปภาพ บางคนก็คิดเป็นเรื่องเป็นราว คิดเป็นภาพแบบภาพยนตร์ คล้ายนอนหลับฝัน หรือการนอนหลับแล้วฝัน ก็เป็นการคิด อีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งผู้ที่กำลังคิดเป็นภาพ หรือคิดเป็นภาพแบบภาพยนตร์ หรือนอนหลับฝันไป จะไม่รู้เลยว่ากำลังคิดอยู่ เพราะมองเห็นเป็นภาพนิ่ง เป็นภาพเรื่องราว หรือภาพอื่นๆ
ในการคิดของมนุษย์ ลักษณะที่สี่ คือคิดจากอดีต สู่ปัจจุบัน และคิดสู่อนาคต และคิดเป็นภาพ เช่น ณ.สถานที่หนึ่ง ในอดีต มีลักษณะอย่างนั้น ปัจจุบันมีลักษณะอย่างที่มองเห็น และอนาคต น่าจะมีลักษณะอย่างนั้น ซึ่งผู้คิดจะคิดเป็นภาพในสมอง และผู้คิดรู้และรับรู้ว่าได้คิด
การคิดของมนุษย์ ลักษณะที่ ห้า นั้น เป็นการคิดแบบเหม่อลอย จะว่าไม่รู้สึกตัวก็ไม่ใช่ จะว่ารู้สึกตัวก็ไม่ใช่ และผู้ที่กำลังคิดในลักษณะนี้จะมีใจจดจ่ออยู่กับความคิดนั้น จนไม่สนใจกับสิ่งรอบข้าง
ลักษณะการคิดของมนุษย์ ทั้ง ๕ ลักษณะที่ข้าพเจ้าได้กล่าวอธิบายไปนั้น เป็นการคิดที่มนุษย์ทุกคนได้ประสบมากับตัวเองแล้วทุกคน เพราะเป็นธรรมชาติของมนุษย์
ด้วยเหตุที่กล่าวไปในลักษณะการคิดของมนุษย์ ในหลักศาสนา จึงได้มีวิธีการ หรือหลักการปฏิบัติ เพื่อการควบคุมระบบการคิดในตัวมนุษย์ เพื่อให้เกิดการคิด อย่างเป็นระบบ ไม่หลงลืม หรือมึนงง สับสน เพราะระบบความคิดหรือการคิดของมนุษย์นั้น มีผลต่อพฤติกรรม การประพฤติปฏิบัติ สภาพจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก คลื่นความคิดอันไหนแรงกว่า ก็จะบดบังคลื่นความคิดอื่นๆ และคลื่นความคิดที่แรงกว่านั้นก็จะแสดงออกทางพฤติกรรม สภาพจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก
วิธีการ หรือหลักปฏิบัติ เพื่อควบคุมระบบการคิดในตัวมนุษย์ ในทางหลักศาสนา ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะศาสนาพุทธ เรียกว่า “ สมาธิ” หรือ “การปฏิบัติ สมาธิ” หรือ “ ฌาน” (ชาน)
จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
๘ เม.ย. ๒๕๕๓


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 33 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron