ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

การฝึกซ้อมสติปัญญากับความเจ็บป่วย (หลวงตามหาบัว)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=78&t=28974
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  กุหลาบสีชา [ 25 ม.ค. 2010, 22:50 ]
หัวข้อกระทู้:  การฝึกซ้อมสติปัญญากับความเจ็บป่วย (หลวงตามหาบัว)

รูปภาพ

การฝึกซ้อมสติปัญญากับความเจ็บป่วย
พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี


การฝึกซ้อมสติปัญญากับความเจ็บป่วย
คือต้องพิจารณาทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
ด้วยสติปัญญาอย่างเข้มแข็งและแหลมคม
ไม่เช่นนั้นก็แก้ทุกขเวทนาไม่ได้
ไข้ไม่สร่างไม่หายได้เร็วกว่าธรรมดาที่ควรเป็นได้


ผู้ที่สติปัญญาผ่านทุกขเวทนาในเวลาเป็นไข้ไปได้อย่างอาจหาญ
ย่อมได้หลักยึดทั้งเวลาปกติและเวลาเจ็บไข้ได้ทุกข์
ตลอดเวลาจวนตัวจริงๆ ไม่ท้อแท้อ่อนแอและเสียทีในวาระสุดท้าย
เป็นผู้กำชัยชนะในทุกขสัจไว้ได้อย่างประจักษ์ใจ
และอาจหาญต่อคติธรรมดาคือ ความตาย


การรู้ทุกขสัจด้วยสติปัญญาจริงๆ ไม่มีการอาลัยในเวลาต่อไป
จิตยึดความจริงที่เคยพิจารณารู้แล้วเป็นหลักในใจตลอดไป
เมื่อถึงคราวจวนตัวเข้ามา สติปัญญาประเภทนั้นจะเข้ามาเทียมแอก
เพื่อลากค้นทุกข์ด้วยการพิจารณาให้ถึง ความปลอดภัยทันที
ไม่ยอมทอดธุระนอนจมทุกข์อยู่ดังแต่ก่อนที่ยังไม่เคยกำหนดรู้ทุกข์เลย
แต่สติปัญญาประเภทนี้จะเข้าประชิดข้าศึกทันที

กิริยาท่าทางภายนอกก็เป็นเหมือนคนไข้ทั่วไป
คือมีการอิดโหยโรยแรงเป็นธรรมดา
แต่กิริยาภายในคือใจกับสติปัญญาจะเป็นลักษณะทหารเตรียมออกแนวรบ
ไม่มีการสะท้านหวั่นไหวต่อทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นมากน้อยในขณะนั้น
มีแต่การค้นหามูลความจริงของ กาย เวทนา จิต ธรรม
ซึ่งเป็นที่รวมแห่งทุกข์ในขณะนั้นอย่างเอาจริงเอาจัง
ไม่กลัวว่าตนสู้หรือทนทุกข์ไม่ไหว
กลัวแต่สติปัญญาจะไม่รู้รอบทันกับเวลาที่ต้องการเท่านั้น
การพิจารณาธรรมของจริงมีทุกขสัจเป็นต้น


กับผู้ต้องการรู้ความจริงอยู่อย่างเต็มใจที่เคยรู้เห็นมาแล้วนั้น
ท่านไม่ถือเอาความลำบากมาเป็นเครื่องกีดขวางทางเดินให้เสียเวลา
และทำความ อ่อนแอแก่ตนอย่างไร้ประโยชน์ที่ควรจะได้เลย

มีแต่คิดว่าทำอย่างไรจึงจะรู้ประจักษ์ขึ้นมาในปัจจุบัน
ไม่พ้นสติปัญญาศรัทธาความเพียรไปได้


เมื่อรู้ความจริงแล้ว ทุกข์ก็จริง กายก็จริง ใจก็จริง
ต่างอันต่างจริงไม่มีอะไรรังควานรังแกบีบคั้นกัน

สมุทัยที่ก่อเหตุให้เกิดทุกข์ก็สงบลง
ไม่คิดปรุงว่ากลัวตายหรือไข้ไม่หาย
อันเป็นอารมณ์เขย่าใจให้ว้าวุ่นขุ่นมัวไป เปล่าๆ


เมื่อสติปัญญารู้รอบแล้ว ไข้ก็สงบลงในขณะนั้น
หรือแม้ไข้ยังไม่สงบลงในขณะนั้น แต่ไม่กำเริบรุนแรงต่อไป
และไม่ให้ใจให้เกิดทุกขเวทนาไปด้วย
ที่เรียกว่าป่วยกายป่วยใจกลายเป็นไข้สองซ้อน


เพราะคำว่าธรรมแล้วเหตุกับผลลงกันได้
จึงจะเรียกว่า สวากขาตธรรม ตามที่ประทานไว้


:b8: :b8: :b8:

(ที่มา : หนังสือ “ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ”
โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี, พ.ศ. ๒๕๓๘. หน้า ๒๕๘-๒๕๙)

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/